"ศบ.ทก." ลุยตอบโต้เขมร ประท้วงลายลักษณ์อักษร ฟ้องเวทีโลก
พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ประจำสัปดาห์ ว่า จากเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ทางกองทัพได้ยกระดับมาตรการการปฏิบัติที่เข้มข้นขึ้นกับหน่วยในพื้นที่ โดยได้รับคำสั่งให้เพิ่มความระมัดระวังในการลาดตระเวน ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ออกหนังสือประณามการกระทำดังกล่าวแล้ว พร้อมกันนี้ กองทัพเตรียมเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร รวมถึงผู้แทนจากประเทศต่างๆ มารับฟังคำชี้แจงเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงในเร็วๆ นี้
ขณะที่การท่องเที่ยวปราสาทตาเมือนธม หลังเกิดเหตุความวุ่นวายเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ฝ่ายไทยและกัมพูชาได้ร่วมหารือกันเพื่อแก้ไขปัญหาและการบริหารจัดการ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุกระทบกระทั่งระหว่างนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศ โดยมีมาตรการดังนี้ 1.หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไทยหรือกัมพูชา จะให้ชุดเจ้าหน้าที่ประสานงานของชาตินั้นเป็นผู้จัดการ โดยเชิญตัวนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ 2.กรณีเกิดปัญหาในพื้นที่ จะใช้ชุดประสานงานปราสาทฝ่ายละ 7 คน จะไม่มีการเรียกชุดกำลังเสริม หรือส่วนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องมาเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าทั้งสองฝ่าย และขอให้ทั้งสองฝ่ายคัดกรองนักท่องเที่ยวของแต่ละฝ่ายก่อนจะมีการเยี่ยมชมปราสาท ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
“ขณะที่ฝ่ายไทยได้กำหนดมาตรการเพิ่มเติมในการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว โดยจัดชุดอาสาสมัครและทหารพรานหญิง มาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นห่วงนักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางไปเที่ยวปราสาทตาเมือนธมให้มีความปลอดภัย ถือเป็นไปตามคติของ ศบ.ทก. คือ รอบคอบ รอบด้าน ใช้สติ สร้างสันติ” พลเรือตรีสุรสันต์ กล่าว
ด้าน นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ตรวจพบ ไม่มีการใช้ และไม่ได้อยู่ในคลังอาวุธของไทย เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลจากฝั่งกัมพูชา เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ย้ำว่ารัฐบาลไทยของประณามอย่างรุนแรงที่สุด ต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เป็นการละเมิดอธิปไตยไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธะกรณีภายใต้อนุสัญญาออตตาวา
โดยกระทรวงการต่างประเทศ จะประท้วงอย่างเป็นทางการ เป็นลายลักษณ์อักษรไปยังฝั่งกัมพูชา พร้อมจะดำเนินการตามกระบวนการของอนุสัญญาออตตาวา แจ้งการละเมิดอนุสัญญา เพื่อนำไปสู่การรับผิดชอบโดยกัมพูชา และจะเดินหน้าต่อในการชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ให้มิตรประเทศ และองค์กรต่าง ๆ รับทราบ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีภารกิจสำคัญในการเก็บทุ่นระเบิดในกัมพูชา เช่น ญี่ปุ่น นอร์เวย์ และจะจัดการบรรยายสรุปต่อคณะทูตประจำประเทศไทยต่อเรื่องนี้ด้วย
ขณะเดียวกันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยู่ในระหว่างการหารือการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาการเมืองที่ยั่งยืน ที่องค์การสหประชาชาติ นิวยอร์กสหรัฐอเมริกา จะได้หารือกับผู้แทนระดับสูงต่างประเทศ โดยจะใช้โอกาสนี้ในการยืนยันจุดยืนของไทยต่อประชาคมโลก โดยการย้ำว่าไทยเน้นย้ำการเจรจาแบบสันติวิธี เจรจาผ่านกรอบทวิภาคี และไทยขอเรียกร้องให้กัมพูชาให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดน ตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้คุยกันแล้วภายในกรอบทวีภาคี
ทั้งนี้ นางมาระตี ย้ำไทยยังมีจุดยืนในการเจรจาทวิภาคีกับกัมพูชาตามกลไกที่มีอยู่ โดยเฉพาะ JBC RBC และ GBC โดยขอให้กัมพูชาเริ่มเข้าร่วมการประชุม JBC ในเดือนกันยายนนี้