80% ของชาวตูวาลูสมัครขอวีซ่า “ผู้ลี้ภัยทางสิ่งแวดล้อม” กับออสเตรเลีย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ว่าสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำตูวาลูออกแถลงการณ์ ว่านับตั้งแต่ข้อตกลงระดับทวิภาคีกับตูวาลู ว่าด้วยการมอบความช่วยเหลือให้แก่ชาวตูวาลู ในการต่อสู้กับวิกฤติความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก และการมอบสิทธิในการหลบภัยให้แก่ชาวตูวาลู หากวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าว "เลวร้ายถึงขีดสุด" ในชื่อข้อตกลง "สหภาพฟาเลพิลี" เมื่อปี 2567 มีชาวตูวาลูลงทะเบียนแล้ว 8,750 คน โดยมีค่าลงทะเบียนคนละ 25 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 529.90 บาท)
ตัวเลขดังกล่าวเท่ากับ 82% ของประชากรทั้งหมด 10,643 คนของตูวาลู ตามตัวเลขสำมะโนประชากรที่เก็บรวบรวมและเผยแพร่เมื่อปี 2565 ซึ่งมากกว่าโควตาสูงสุดของโครงการ ซึ่งกำหนดไว้ที่ 280 คนเท่านั้นในปีนี้ และการที่โครงการปิดรับสมัครแล้ว เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา หมายความว่าในปีนี้ "ชาวตูวาลูส่วนใหญ่จะพลาดโอกาสไป" โดยจะเป็นการพิจารณาแบบสุ่ม
ภายใต้ข้อตกลงนี้ พลเมืองตูวาลูจะสามารถ “อาศัย ศึกษาเล่าเรียน และทำงาน” ในออสเตรเลีย ขณะเดียวกัน พลเมืองตูวาลูมีสิทธิเข้าถึงระบบการศึกษา ระบบสาธารณสุข และความสนับสนุนพื้นฐานอื่น เมื่อเดินทางมาถึงออสเตรเลีย
ประเทศเกาะขนาดเล็กในมหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึง ตูวาลู กำลังเผชิญกับความเสี่ยงสูงทางสิ่งแวดล้อม ท่ามกลางภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก ที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลหนุนสูง จนหมู่เกาะปะการังอย่างน้อย 2 จาก 9 แห่งของตูวาลู จมหายไปแล้ว และผลการศึกษาของสถาบันวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมหลายแห่ง ระบุไปในทางเดียวกัน ว่าตูวาลูอาจเป็นพื้นที่ซึ่งไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีก ภายในระยะเวลา 80 ปีนับจากนี้
อย่างไรก็ตาม หากมองอีกมุมหนึ่ง ความร่วมมือระหว่างออสเตรเลียกับตูวาลูครั้งนี้ ถือเป็น “ชัยชนะทางยุทธศาสตร์” สำหรับรัฐบาลแคนเบอร์รา ที่กำลังหาทางคานอำนาจกับจีน ซึ่งแผ่อิทธิพลเข้ามาในภูมิภาคแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งของข้อตกลงระบุด้วยว่า ออสเตรเลียต้องมอบความคุ้มครองให้แก่ตูวาลูจาก “ภัยธรรมชาติ ภาวะโรคระบาด และความก้าวหน้าทางทหาร”.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES