โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ลิ้มรสเนื้องานของ ‘มะเหมี่ยว - ทิพวรรณ’ TikToker ผู้เนรมิตทุกสิ่งให้กลายเป็นเค้ก พร้อมสร้างสรรค์ผลงานสุด Unseen เพื่อมอบความทรงจำแสนพิเศษให้กับลูกค้า

Mirror Thailand

อัพเดต 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘mmfuwong’ หรือ ‘มะเหมี่ยว - ทิพวรรณ ฟูวงศ์เจริญ’ TikToker สายทำเค้กสุดครีเอทีฟ ผู้โด่งดังจากการรีวิวสินค้ากินได้ในแบบที่ไม่เหมือนใคร โดยเธอเนรมิตสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง เสื้อผ้า กระเป๋า หรือแม้แต่บ้าน ให้กลายเป็นเค้กเพื่อกินโชว์ พร้อมอธิบายข้อมูลต่างๆ ของผลิตภัณฑ์

ในขณะเดียวกัน อีกหนึ่งภาพจำที่โดดเด่นของเธอคือ การสร้างสรรค์เค้กแต่งงานเค้กวันเกิดให้เป็นมากกว่าเค้กธรรมดา แต่มีความครีเอตราวกับผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะสวยงามอลังการแล้ว ยังมีเรื่องราวความหมายซ่อนไว้ภายใน

ปัจจุบัน‘มะเหมี่ยว - ทิพวรรณ ฟูวงศ์เจริญ’ ทั้งทำงานสายคอนเทนต์ และเป็นเจ้าของธุรกิจร้านเบเกอรี่อย่าง ‘Emie BKK’ ควบคู่กันไปด้วย แต่กว่าเธอจะกลายเป็น Personal Brand ที่ถูกจดจำในใจของผู้ชม รวมถึงได้รับความไว้วางใจจากเหล่าลูกค้า เธอเคยล้มเหลวจากธุรกิจครั้งก่อน ทำให้เธอเรียนรู้ที่จะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ นำไปสู่การทดลองทำสิ่งแปลกใหม่ที่ Unseen และโดดเด่นจากแบรนด์อื่นๆ ในวงการ TikTok ด้านอาหาร

ก่อนหน้านี้มะเหมี่ยวเผชิญกับดราม่าครั้งใหญ่ เนื่องจากผู้คนมีความกังวลในคอนเทนต์ ‘สินค้ากินได้’ ว่าอาจสร้างความเข้าใจผิด ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการปรับปรุงคอนเทนต์ในทันที เพื่อผลิตเนื้อหาที่สร้างสรรค์ และรับผิดชอบต่อสังคม โดยไม่ละทิ้งความเป็นศิลปะในผลงานเค้กของตัวเอง

การเดินทางของผู้หญิงที่หลงรักการทำเค้กและงานศิลปะจะเป็นอย่างไร เบื้องหลังความสำเร็จจะสวยงามเหมือนในคลิปหรือไม่ มาลิ้มรสเค้กชีวิตของ‘มะเหมี่ยว - ทิพวรรณ ฟูวงศ์เจริญ’ ไปพร้อมกัน

จากเด็กสถาปัตย์ จุฬาฯ สู่เจ้าของร้านเค้ก Emie BKK อะไรทำให้คุณเริ่มสนใจการทำเค้ก?

เพราะเป็นคนชอบกิน โดยเฉพาะของหวานคือที่หนึ่ง สมมติไปลองกินอาหารที่ต่างประเทศแล้วรู้สึกอร่อยมาก แต่กลับมาเมืองไทยแล้วหาทานไม่ได้ ณ ตอนนั้น เราก็จะลองทำลองกินไปเรื่อยๆ

คิดว่าการทำเค้กคือการสร้างสรรค์งานศิลปะไหม?

คิดว่าการทำเค้กเป็น ‘ศิลปะ’ แน่นอน เพราะงานศิลปะคือ ‘สื่อ’ ในการถ่ายทอดอารมณ์และเรื่องราว มะเหมี่ยวจึงให้ความสำคัญกับเรื่องราวเบื้องหลังผลงานเป็นอย่างมาก เมื่อเราใส่ Message และ Feeling ลงไป ผลงานนั้นจะพิเศษขึ้นมา

เล่าเบื้องหลังการคิดไอเดียและออกแบบเค้กที่คุณประทับใจให้ฟังหน่อย?

จริงๆ เราประทับใจเค้กทุกก้อนทุกงานเลย ในการออกแบบเค้กก้อนหนึ่ง เราจะเริ่มจากการพูดคุยกับลูกค้าก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ลูกค้าได้บอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ธีมงาน เสื้อผ้าที่จะใส่ในวันงาน Mood ที่ต้องการ สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ หลังจากนั้นก็จะรีเสิร์ชข้อมูลเพิ่มเติม และนำสิ่งเหล่านี้มาออกแบบเป็นเค้กก้อนหนึ่ง

มะเหมี่ยวพยายามทำให้ผลงานมีความยูนีคมากๆ โดยเริ่มจากการไม่อ้างอิงเค้กที่เคยมีมา และพยายามรีเสิร์ชนอกกรอบการทำเค้ก เช่น แฟชั่น การแสดง งานเขียน หรือศิลปะด้านอื่นๆ ที่อาจไม่ได้เชื่อมโยงกับเค้กโดยตรง เพื่อทำให้เกิดเป็นผลงาน Unseen ที่ไม่มีที่ไหนมาก่อน

เช่น งานแต่งของ ‘เชฟต้น ธิติฏฐ์’ และ ‘เมย์ จิรัฐฐา’ ทั้งคู่แจ้งว่ารักในการดื่มสาเกญี่ปุ่น แต่ไม่ชอบทานเค้กเลย เราจึงตั้งโจทย์ว่าจะไม่ทำเค้กที่เป็นเนื้อเค้ก รวมถึง Tie-in สาเกในงานแต่งธีมอวกาศหลุดโลกที่จะต้องเป็นปาร์ตี้ที่น่าจดจำ นำไปสู่การวิเคราะห์ว่า เค้กจะต้องเป็นตัวแทนแห่งปาร์ตี้ที่มีแสงสีเสียงที่น่าตื่นเต้น กลายเป็น ‘เค้กค็อกเทลสาเกเจลลี่เรื่องแสง’ ที่เปลี่ยนสีได้ และออกแบบให้เป็นเจลลี่วนิลาที่ทานคู่กับสาเก

งานนี้เป็นงานที่ท้าทายมากที่สุด ณ เวลานั้น เพราะ ‘เค้กค็อกเทลสาเกเจลลี่เรื่องแสง’ ต้องมีโครงสร้างที่แข็งแรงและถูกหลักการ เพื่อรับน้ำหนักเค้กที่มีขนาดใหญ่ หากถ่ายเทน้ำหนักผิด เค้กอาจจะล้มได้ นอกจากนี้ยังต้องเลือกเจลลี่ที่มี Texture เซ็ตตัวได้ดี

โดยปกติเราจะจัดวางเค้กให้เสร็จสิ้นล่วงหน้า 2 ชั่วโมงก่อนเริ่มงาน แต่งานแต่งของ ‘เชฟต้น ธิติฏฐ์’ และ ‘เมย์ จิรัฐฐา’ เป็นแบบ Outdoor ที่เริ่มเวลา 17.00 น. ทำให้ต้องจัดวางเค้กในช่วง 15.00-17.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ยังมีแสงแดดมาก แต่โดยปกติเจลลี่ประเภทนี้จะไม่ค่อยทนแสงแดดมากเท่าไร สุดท้ายจึงต้องรอให้แดดอ่อนลง และเริ่มเซ็ตทุกอย่างตอน 16.40 น.

การสร้างสรรค์เค้กที่มีความพิเศษต่อลูกค้าแต่ละคน มีคุณค่าทางจิตใจต่อคุณอย่างไรบ้าง?

มีคุณค่าต่อจิตใจเรามากเลย เค้กที่เราทำเป็นเหมือน Once In A Lifetime Moment ของลูกค้า เราจึงอยากเต็มที่กับการทำเค้กทุกครั้ง เพราะเวลามีคนจดจำเค้กของเราได้ หรือมีลูกค้ากลับมาบอกว่า ชอบเค้กมากเลย มันตราตรึงมาก หรือเป็นโมเมนต์ที่จะจดจำไปตลอดกาล เราก็รู้สึกว่า โห มันตื้นตันจังเลย การได้เป็นส่วนหนึ่งของโมเมนต์ที่สำคัญของลูกค้า

เมื่อพูดถึงคุณมะเหมี่ยว Emie BKK ผู้คนมักนึกถึง ‘เค้กก้อนใหญ่ที่มีการตกแต่งสุดครีเอต’ จริงๆ แล้ว คุณนิยามคอนเซปต์ของร้าน Emie BKK ไว้อย่างไร?

มะเหมี่ยวดีใจมากที่มีคนพูดถึงเค้กจาก Emie BKK แบบนี้ ไม่ว่าจะเป็น “เก่งจังเลย ทำเค้กก้อนใหญ่มาก” หรือ “อลังการมาก ดูเป็นงานศิลปะ” เรารู้สึกขอบคุณทุกโอกาสที่เข้ามา ลูกค้าหลายคนเชื่อมั่นมากๆ ว่าเราจะสามารถสร้างผลงานชิ้นพิเศษชิ้นโบว์แดงออกมาได้ จึงให้อิสระในการออกแบบตามความคิดของเรา

เราอยากให้ร้าน Emie BKK เป็นร้านที่สร้างความประทับใจและความไว้ใจให้แก่ทุกคนไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเค้กก้อนใหญ่ก้อนเล็ก หรือช็อคโกแล็ตในทุกๆ วันก็ตาม

สำหรับคุณ สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจคืออะไร?

จริงๆ ร้าน Emie BKK ไม่ใช่ธุรกิจแรกของเรา ก่อนหน้านี้เคยทำร้าน With Love MM ซึ่งมีคอนเซปต์คือ เค้กที่มีความน่ารัก และ Pop ณ เวลานั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่ผู้คนเสพก็เริ่มเปลี่ยนแปลง รวมถึงความชอบของเราเองด้วย

ดังนั้น การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจ เพราะทุกอย่างสามารถเปลี่ยนได้เสมอตลอดเวลา เราต้องเปลี่ยนในทุกๆ จุดที่จำเป็นต้องเปลี่ยน ถ้าเมื่อไรก็ตาม เราไม่กลัวที่จะเปลี่ยนแปลง และไม่กลัวที่จะทำ สิ่งใหม่ๆ ก็จะเกิดขึ้นได้เรื่อยๆ

บทเรียนในการทำธุรกิจคือ ปัญหาสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน แต่เราต้องก้าวข้ามผ่านปัญหาไปให้ได้ เพื่อที่จะเดินต่อไปถึงเป้าหมายของตัวเอง

ในวงการ TikTok ด้านอาหารที่มีการแข่งขันสูง คุณทำอย่างไรให้คอนเทนต์โดดเด่นและน่าจดจำ

จริงๆ ความยูนีคและความน่าจดจำมีในทุกๆ ที่อยู่แล้ว ตราบใดที่ Content Creator ใส่ความเป็นตัวของตัวเอง และความจริงใจเข้าไปในผลงานของตัวเอง มะเหมี่ยวเชื่อว่า มันจะสามารถสื่อออกมาได้โดยอัตโนมัติว่า นี่คือความใส่ใจที่เราใส่ลงไป แล้วสุดท้าย ผู้ชมก็จะเริ่มจดจำได้เองว่า ผลงานของเราเป็นแบบไหน อย่างตัวมะเหมี่ยวเองก็ใส่ใจในทุกผลงาน และเลือก present ในแบบที่จริงใจที่สุดเช่นกัน

จุดเด่นหรือเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากแบรนด์หรือ TikToker คนอื่นๆ คืออะไร

‘เค้กก้อนใหญ่’ เกิดจากการที่ลูกค้าต้องการให้เราทำเค้กที่แตกต่าง เราจึงเริ่มมาวิเคราะห์ว่า สิ่งที่แตกต่างคืออะไร ณ ตอนนั้น มะเหมี่ยวพยายามทำสิ่งที่ตัวเราไม่ค่อยเห็นหรือเคยพบเจอ เมื่อเราหยิบยกสิ่งที่ผู้คนยังไม่ค่อยรู้จักมาทำคอนเทนต์ ก็จะสร้างความสงสัยให้แก่ผู้ชม ถ้าทำคอนเทนต์ย้ำๆ ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นภาพจำที่คนจดจำได้

ส่วน ‘สินค้ากินได้’ เกิดขึ้น เพราะมีลูกค้าเจ้าหนึ่งติดต่อให้เราช่วยรีวิวสินค้า แต่เราไม่ถนัดพูดรีวิวแบบด้นสด เพราะไม่ใช่คนพูดหน้ากล้องเก่ง เราก็พยายามคิดว่า จะทำอย่างไรให้มีความยูนีค แล้วก็ไปเห็นคลิปของเพจต่างประเทศเพจหนึ่งที่ทำสิ่งของกินได้ ซึ่งในไทยยังไม่ค่อยมีใครรีวิวสินค้ารูปแบบนี้ ก็เลยคิดว่าอยากลองทำดู

‘การทุ่มเท’ ในงานเป็นสิ่งที่ดีมาก เราไม่มองว่า การทุ่มเทหรือให้เวลากับงานจะเป็นเรื่องที่ใช้เวลามากเกินไป ยิ่งเราทำความเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร และใส่ใจรายละเอียด ผลลัพธ์ของงานก็จะยิ่งออกมาดี

คิดว่าทำไมคอนเทนต์รีวิว ‘สินค้ากินได้’ จึงสามารถสร้างรายได้ และดึงดูดแบรนด์ต่างๆ?

คิดว่าเพราะผู้ชมสนุกกับการดู ‘กระบวนการทำเค้ก’ ว่าขั้นตอนแรกจนจบเป็นอย่างไร ซึ่งในระหว่างทำเค้ก เราสามารถ Tie-in Key Message ของลูกค้าได้โดยอยู่ในพื้นที่ที่คนยังอยากฟัง ทำให้ผู้ชมได้รับทั้งความสนุกจากการทำเค้ก และรู้จักข้อมูลของสินค้าไปพร้อมกัน

บางคนไม่ชอบการขายของที่มากเกินไป แต่ถ้าคลิปมีความน่าตื่นตาตื่นใจ หรือสอนทำอะไรบางอย่าง ผู้ชมจะมีความอยากรู้อยากดูต่อ เราจึงพยายามเก็บข้อมูลจากพฤติกรรมการเสพสื่อของตัวเองและคนอื่นว่า ชอบดูคลิปรีวิวแบบไหน

มีผลิตภัณฑ์หรือสิ่งของที่อยากลองทำ แต่ยังไม่ได้ทำไหม?

อยากลองทำสิ่งใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ ทุกวันเลย จริงๆ ไม่ใช่แค่ผู้ชมที่ลุ้นว่า วันนี้เราจะกินสินค้าอะไร แต่เวลาลูกค้าหลายท่านติดต่อมา มะเหมี่ยวเองก็รู้สึกเซอร์ไพรส์เหมือนกันว่า เราจะออกแบบ ‘สินค้ากินได้’ แบบไหนดี เพราะตอนนี้เราได้รับโจทย์ที่หลากหลายมาก

ที่ผ่านมา พบเจออุปสรรคหรือความยากลำบากใดบ้างในการทำงาน?

อุปสรรคเกิดขึ้นทุกวัน ถ้าให้เล่าตั้งแต่ต้นคือ เมื่อก่อนเราเริ่มทำเค้กด้วยตัวคนเดียว ไม่มีผู้ช่วย ทำให้ต้องทำเค้กจนถึง 6 โมงเช้า หลังจากเริ่มขยายธุรกิจใหญ่ขึ้น เริ่มรับสมัครพนักงาน แต่ก็ยังเจออุปสรรค ‘คนไม่พอ’ เมื่อรับสมัครพนักงานมากขึ้น บางทียังดูแลทีมไม่ดีไม่ทั่วถึง นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคอื่นๆ อีกมากมายระหว่างการทำงาน เช่น ออเดอร์เยอะมากจนทำไม่ทัน หรือเค้กล้มหน้างาน เป็นต้น

แต่เราจะบอกกับตัวเองเสมอว่า อุปสรรคทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ มันไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จัดการได้ ทำให้เราสามารถข้ามผ่านอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ ถ้าเรายังเดินต่อไปเรื่อยๆ ทำต่อไปเรื่อยๆ ยังไงก็ผ่านไปได้แน่นอน

รับมือและจัดการกับปัญหาดราม่าครั้งล่าสุดอย่างไร?

ทุกความคิดเห็นที่ส่งมาล้วนแล้วแต่มีความหมายทั้งหมด คำชื่นชมคือกำลังใจที่เรานำมาเก็บเป็นพลัง คำติเตือนเป็นของขวัญที่ทำให้เราได้พัฒนาต่อไป ทุกๆ วันเป็นโอกาสพิเศษที่ทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น มะเหมี่ยวให้ความสำคัญกับทุกความคิดเห็น โดยไม่มองข้าม พร้อมปรับปรุงตามเสียงตอบรับอย่างสม่ำเสมอ และเน้นทำทุกวันให้ดีขึ้น

มะเหมี่ยวตั้งใจเป็นตัวอย่างที่ดี ส่งต่อความสุขและรอยยิ้มให้ทุกคนอย่างจริงใจ มะเหมี่ยวเชื่อว่าความจริงใจที่มี จะทำให้คนดูสัมผัสได้ และหวังว่าทุกคนจะได้มีความสุขเวลาดูคอนเทนต์ไปพร้อมๆ กัน

สิ่งที่ยากที่สุดในการทำงานเป็นเจ้าของธุรกิจควบคู่กับ TikToker คืออะไร?

สิ่งที่ยากที่สุด ณ ตอนนี้คือตารางงานที่แน่นมาก เนื่องจากเรามีหลายอย่างที่ต้องทำ ไม่ว่าจะเป็น กลยุทธ์ทางการตลาดที่ต้องวางแผน สินค้าใหม่ที่ต้องออกแบบและจัดทำ ระบบการทำงานภายในที่ต้องพัฒนา พร้อมกับต้องถ่ายทำคอนเทนต์ เข้าร่วมงานต่างๆ และประชุมกับลูกค้า ทำให้ไทม์ไลน์งานทุกอย่างค่อนข้างกระชั้นชิด มะเหมี่ยวอยากให้วันหนึ่งมีมากกว่า 48 ชั่วโมงมากๆ

เมื่อก่อนเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการวางแผนตารางงาน ทำให้ต้องทำงานทุกวันตั้งแต่ 08.00 - 23.00 น. จึงต้องถอยกลับมาตั้งใจวางแผนตารางงานใหม่ เพื่อบาลานซ์ชีวิตกับการทำงานให้เหมาะสม และเพื่อให้เราสามารถ Keep it going ได้อย่าง Healthy

คุณรู้สึกพอใจกับความสำเร็จของ Emie BKK หรือยัง?

ปัจจุบันสินค้าที่ลูกค้าชอบมากคือ ช็อกโกแลตและเค้ก Sugar Free ซึ่งมะเหมี่ยวเองก็ชอบสิ่งที่ Healthy และศิลปะ ตอนนี้ยังคงก้าวเดินไปในทุกๆ วัน และค่อยๆ วางกรอบรูปลักษณ์ของแบรนด์ให้ชัดเจนมากขึ้น เราตั้งใจจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทั้งวันนี้และวันหน้า ส่วนในพาร์ท TikToker ก็อยากทำสิ่งที่แปลกใหม่และสนุกต่อไป เพราะถ้าเราทำสิ่งที่สนุก ผู้ชมก็จะรู้สึกสนุกไปด้วย

นอกเหนือจากเรื่องภาพลักษณ์ มีเหตุผลอื่นไหมที่ทำให้คุณเลือกแต่งหน้าแต่งตัวสวยๆ ขณะทำเค้กในคลิปคอนเทนต์?

จริงๆ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการทำเค้กเลย แต่มะเหมี่ยวชอบแต่งหน้า แต่งตัว และแฟชั่นอยู่แล้ว เราเองก็เคยเห็นคอมเมนต์ที่บอกว่า “ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้ทำเค้ก” หรือ “ทำไมถึงไม่แต่งตัวให้ทะมัดทะแมง” เรามองว่า ไม่จำเป็นต้องมีกรอบว่าควรแต่งตัวอย่างไร ตราบใดที่เรามั่นใจในความสะอาดและความปลอดภัยให้แก่ลูกค้า

คุณคิดอย่างไรกับบางคอมเมนต์ที่กังวลว่า การวางเค้กที่ชายหาดจะไม่ปลอดภัยตามหลักสุขอนามัย?

เนื่องจากโจทย์ที่ปรึกษากับลูกค้าคือ การวางเค้กที่พื้นหรือชายหาด เราจึงแจ้งเงื่อนไขต่างๆ และพูดคุยตกลงกับลูกค้าตั้งแต่ต้นว่า สามารถทำเค้กจริงได้แค่ก้อนด้านบน ส่วนช่วงด้านล่างจะเป็นเค้กปลอม (Dummy Cake) ที่มีโฟมอยู่ด้านใน ขณะเดียวกัน เราก็พยายามเช็กระยะความเป็นไปได้ที่ทรายอาจจะพัดขึ้นมา เพื่อออกแบบเค้กให้เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์นั้นๆ เมื่อเรามั่นใจในความปลอดภัยของเค้กแล้ว เราก็จะนำเสนอไปตามความต้องการของลูกค้า เพราะนอกเหนือจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว อีกหนึ่งมาตรฐานที่สำคัญที่สุดของเราก็คือความพึงพอใจของลูกค้า

คิดอย่างไรกับ ‘อคติทางเพศ’ ต่อผู้หญิงในวงการอาหาร?

ผู้หญิงและผู้ชายต่างมีความสามารถเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน สุดท้ายแต่ละคนก็มีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป ถ้าเราโฟกัสให้ถูกจุด ไม่ว่าจะเรื่องความสามารถ แพสชัน ความตั้งใจ และผลงานของแต่ละคน โฟกัสที่ถูกจะพาเราก้าวไปได้ไกลขึ้นกว่าเดิม

ผู้คนมักมองว่า ‘งานครัวการทำอาหาร’ เป็นงานของผู้หญิง แต่ในวงการอาหารมืออาชีพ ผู้ชายกลับได้รับการยอมรับมากกว่า คุณคิดอย่างไรต่อประเด็นนี้บ้าง?

ผู้นำครัวของ Emie BKK ก็เป็นผู้หญิงนะ และในทีมของเราก็มีผู้ชายที่เก่งเช่นเดียวกัน มะเหมี่ยวมองว่า เราไม่สามารถตัดสินความสามาถของใครด้วย ‘เพศ’ ของเขา ถ้าเราให้โอกาสกับสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะงอกงาม ถ้าผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจให้โอกาสแก่คนที่มีความสามารถจริงๆ ตามคุณสมบัติที่ต้องการ ธุรกิจนั้นก็อาจมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น เพราะถ้าเราให้โอกาสกับฝีมือ เราก็จะสามารถหาบุคลากรที่มีฝีมือดีที่สุดได้ ถ้าเราให้โอกาสกับผลงาน เราก็จะมีผลงานที่ดีที่สุดได้

ก้าวต่อไปในบทบาทเจ้าของธุรกิจ Emie BKK ควบคู่กับ TikToker คืออะไร?

การก้าวต่อไปและไม่ต้องหยุด ถ้าเราก้าวต่อไปเรื่อยๆ เราก็จะค่อยๆ ประสบความสำเร็จไปทีละจุด เราวางเป้าหมายไว้ไกลมากอย่างการมีสินค้าระดับ Global ยิ่งเราตั้งเป้าหมายไว้ไกลมากแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้เราสามารถเดินไปได้ไกลเท่านั้น สิ่งสำคัญคือ การเดินไปอย่างไม่กดดัน เป็นจังหวะการก้าวที่เราสบายใจ ค่อยๆ ทำไปตามเส้นทางของตัวเอง บางวันจะเร็วก็ได้ บางวันจะช้าก็ไม่เป็นไร แค่มีความสุขในทุกๆ วันก็ So Good Enough คติประจำใจของเราคือ ชิลล์กับชีวิต แต่จริงจังกับงาน ซึ่งทำให้เรามีความสุขกับการทำงานในทุกวัน

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Mirror Thailand

ปิดตำนาน 37 ปี บรรณาธิการ Vogue ของ ‘Anna Wintour’ หญิงทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่น ผู้พร้อมแหกขนบเดิมๆ กับความตั้งใจที่จะส่งไม้ต่อสู่ บก. คนใหม่ ปั้นโว้กให้ ‘ใหม่’ กว่าเดิม

21 ชั่วโมงที่ผ่านมา

Celine Song ผู้กำกับ Past Lives และ Materialists คนทำหนังหญิงที่บอกกับเราว่า "ทางออกเดียวต่อความรัก คือจำยอมต่อมันซะ"

22 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

แสงสียามค่ำคืน “เทศกาลผีตาโขน 2568” ณ วัดโพนชัย และ วัดเนรมิตวิปัสสนา

Manager Online

Introvert ก็เก่งได้ เปิดสูตรโกง 8 ข้อพัฒนาตัวเองสู่ความสำเร็จ

กรุงเทพธุรกิจ

Emily Ratajkowski ชอบแต่งตัวท้าทายต่อภาพ ‘ลุคคุณแม่’ ที่หลายคนคาดหวัง

THE STANDARD

ททท. จับมือ THACCA พา CELEBRITIES – KOL จากหลายมุมโลกมาถึงเมืองไทยแล้ว

Campus Star

เช็กด่วน! สัญญาณเตือนว่าอายุการใช้งานชุดชั้นในกำลังหมดอายุ

sanook.com

Damiano David วง Måneskin รู้สึกกังวลและกดดันก่อนจะทำงานในฐานะศิลปินเดี่ยว

THE STANDARD

เชฟ Josh Raine บินตรงจากซิดนีย์ เสิร์ฟคอร์สดินเนอร์สุดพิเศษ ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เพียง 8 คืนเท่านั้น!

Gourmet & Cuisine

เด็กเล็กต้องระวัง! โรคมือเท้าปาก ระบาดหนักหน้าฝน เจอป่วยแล้ว 2.1 หมื่นราย

The Bangkok Insight

ข่าวและบทความยอดนิยม

รองเท้า Nike สไตล์ Susan Fang แบรนด์ฟูฟ่องที่ถูกชวนมาให้ช่วยเติม ‘ความเป็นหญิง’ ให้กับ Nike โดยเฉพาะ

Mirror Thailand

Billie x Ian Charms เปิดตัว Bushkini ชุดว่ายน้ำที่เฉลิมฉลองให้กับ ‘ขนตรงนั้น’ เพื่อให้ทุกคนได้รักตัวตนตามธรรมชาติของตัวเอง

Mirror Thailand

เบลอผิวให้นวล เพิ่มความอมชมพูให้หน้าละมุน คุมมันอย่างเริ่ด ไม่มีหยาระหว่างวัน! แป้งฝุ่นโปร่งแสง ‘สีชมพู’ จากแบรนด์ ‘Kosas’ ที่เป็นมิตรกับผิวด้วยสารสกัดจากต้นไผ่

Mirror Thailand
ดูเพิ่ม
Loading...