โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

อย่าให้ความขัดแย้ง ตัดโอกาสการศึกษาเด็กข้ามชาติ เพราะอาจเกิด ‘ปัญหา’ มากกว่า ‘ประโยชน์’

The Momentum

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 06 ส.ค. เวลา 10.40 น. • THE MOMENTUM

“ครูไทยหัวใจเขมร”

“ทำไมไม่สอนเฉพาะคนไทย”

“ยุบโรงเรียนที่สอนกัมพูชา แล้วย้ายครูไปประจำที่เขมรแทน”

ความคิดเห็นส่วนหนึ่งที่ปรากฏใต้โพสต์ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า โรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม ในตำบลคลองใหญ่ จังหวัดตราด ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการสอนเป็นรูปแบบออนไลน์ให้กับเด็กนักเรียนชาวกัมพูชา ซึ่งไม่สามารถเดินทางข้ามชายแดนเข้ามาเรียนในฝั่งไทยได้ เนื่องจากการปิดด่านถาวรบ้านหาดเล็กตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งไม่ให้เด็กข้ามมาเรียน หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชาที่จังหวัดอุบลราชธานีและบุรีรัมย์

เมื่อประตูด่านปิดลงเพราะความขัดแย้ง ผู้มีวิชาชีพครูตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาจึงพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ให้ประตูการศึกษาของเด็กกัมพูชาปิดลงอีกบานหนึ่ง ทว่ากระแสของการพูดถึงความพยายามของครูเพื่อไม่ให้การศึกษาของเด็กถูกปิดกั้นนี้ กลับเป็นไปในทิศทางลบ

หลายคนอ้างว่า ลูกทหารไทยบางส่วนยังเข้าไม่ถึงการศึกษาไทย จึงควรตัดการศึกษาของเด็กกัมพูชา ส่วนหนึ่งมองว่า การให้การศึกษากับเด็กกัมพูชานั้นไร้ประโยชน์ และอาจจะกินพื้นที่ตลาดแรงงานของคนไทยในอนาคต

ฉะนั้นเราควรตัดโอกาสการเข้าถึงการศึกษาของเด็กชาวกัมพูชาในห้วงของความขัดแย้ง จึงจะเป็นสิ่งที่ ‘ถูกต้อง’ ใช่หรือไม่ นี่เป็นคำถามสำคัญที่ต้องตอบด้วยเหตุและผล ไม่ใช่ด้วยอารมณ์และอคติ

ภาระการศึกษาที่ไทยแบกรับ?

ย้อนกลับไปในปี 2535 ประเทศไทยในลงนามเข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child) ส่งผลให้ประเทศต้องเดินอยู่บนหลักการที่ว่า เด็กจะต้องได้รับการพัฒนาทั้งทางร่างกาย สมอง และจิตใจ โดยไร้การเลือกปฏิบัติจากปัจจัยด้านเชื้อชาติ สีผิว ศาสนาและความเชื่อ

ด้วยเหตุนี้ ในปี 2548 คณะรัฐมนตรีจึงเห็นชอบจัดให้มีการศึกษาขั้นพื้นฐานระยะเวลา 15 ปี ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมตอนปลาย แก่เด็กที่ไร้สถานะทางทะเบียนราษฎรหรือไร้สัญชาติไทยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ดังนั้นการให้การศึกษาแก่เด็กข้ามชาติของไทย จึงถือเป็น ‘หน้าที่’ ที่รัฐบาลต้องปฏิบัติตามกฎหมายและอนุสัญญาระหว่างประเทศที่เข้าร่วมเป็นภาคี

ทั้งนี้การศึกษาสำหรับเด็กข้ามชาติได้รับการอุดหนุนงบประมาณจากหลายหน่วยงาน โดยในปี 2566 นักเรียนที่ไม่มีทะเบียนราษฎรหรือสัญชาติไทย ได้รับงบประมาณอุดหนุน 744 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการเข้าเรียนในโรงเรียนไทยติดชายแดนของเด็กชาวกัมพูชานั้น ผู้ปกครองยังต้องจ่ายค่าบำรุงสถานศึกษาเท่ากับนักเรียนไทยไม่เกิน 5,000 บาท

อัครชัย กลักย้อม รองผู้อำนวยการโรงเรียนอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีจำนวนนักเรียนชาวกัมพูชาราว 80 คน ที่ส่วนหนึ่งเดินทางกลับประเทศกัมพูชาและไม่สามารถเดินทางข้ามมาเรียนในโรงเรียนฝั่งไทยได้ ให้ข้อมูลว่า ในส่วนของโรงเรียนยังมีค่าบำรุงสถานศึกษาที่ผู้ปกครองของเด็กจะต้องรับผิดชอบ โดยแยกจากค่าเทอมของแต่ละภาคการศึกษา

ด้านความกังวลที่ว่า งบประมาณด้านการศึกษาไทยกำลังแบกรับค่าใช้จ่ายจากการเปิดให้เด็กข้ามชาติได้เรียนนั้น สุรพงษ์ กองจันทึก ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะทำงานเพื่อพิจารณาปรับปรุงหนังสือซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการจัดการศึกษาให้แก่นักเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ ให้ข้อมูลว่า ระบบการศึกษาไทยมีงบประมาณและพื้นที่ ‘เพียงพอ’ ที่จะรับเด็กไทยเข้าสู่ระบบการศึกษา โดยไม่จำเป็นต้องตัดโอกาสการศึกษาของเด็กข้ามชาติ

“เด็กข้ามชาติที่เข้ามาเรียนไม่ได้มีจำนวนมาก และในสถานการณ์ที่เด็กเกิดใหม่มีจำนวนน้อยลง เรามีความจำเป็นต้องรับเด็กชาติอื่นๆ เข้ามาเพิ่ม สิ่งนี้เราสามารถควบคุมได้

“ฉะนั้นเด็กไทยอย่างไรก็ต้องได้เรียนอยู่แล้ว และเด็กข้ามชาติเองก็ควรได้เรียนด้วย ความพร้อมของรัฐและโรงเรียนไทยพร้อมที่จะรับทั้งเด็กไทยและเด็กข้ามชาติเข้ามาเรียน”

แม้จะเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์โรงเรียนไทยที่ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนกัมพูชา หลังจากเปิดระบบออนไลน์ให้เด็กกัมพูชา ซึ่งเคยข้ามมาเรียนหนังสือในฝั่งไทยได้เรียนรู้โดยไม่ขาดตอน แต่หลายโรงเรียนยังคงพยายามหาช่องทางที่จะส่งมอบการศึกษาไปให้กับเด็กในกัมพูชา โดยเฉพาะโรงเรียนอรัญประเทศ ที่ขณะนี้ยังคงเดินหน้าเปิดระบบออนไลน์ สอนหนังสือให้เด็กกัมพูชาที่ข้ามชายแดนมาเรียนไม่ได้อย่างต่อเนื่อง

อัครชัยระบุว่า “การศึกษาไม่ได้ใช้ชนชาติหรือฐานะในการแบ่ง เราจัดการศึกษาด้วยหลักมนุษยธรรม มนุษย์ทั่วโลกควรเข้าถึงการศึกษา เด็กชาวกัมพูชาเข้ามาเรียนกับเราด้วยสถานะทางครอบครัว พวกเขาต้องติดตามครอบครัวที่มาทำงานในประเทศไทย อีกทั้งการศึกษาของไทยมีความก้าวหน้ามากกว่า ได้ความรู้เต็มที่ ซึ่งอาจจะต่างจากโรงเรียนที่บ้านเขาจึงเข้ามาเรียนในไทย เพื่อเอาไปต่อยอดอนาคตเขาต่อไป”

ขณะเดียวกันการศึกษาต้องอยู่เหนือความขัดแย้ง เป็นหลักการของครูหลายคนในพื้นที่ชายแดนติดกัมพูชา

รองผู้อำนวยการโรงเรียนอรัญประเทศพยายามนำเสนอให้เห็นมิติอื่นๆ ที่ไร้อคติกับนักเรียนข้ามชาติ โดยเฉพาะภาพจำที่มองว่า ‘เด็กกัมพูชามีปัญหา’ ซึ่งเขาบอกว่าไม่เป็นความจริง

“ผมเคยเป็นครูสอนที่โรงเรียนนี้ก่อนจะสอบขึ้นเป็นทีมบริหาร ผมมองว่านักเรียนชาวกัมพูชามีความมุ่งมั่นและมีจุดมุ่งหมายในการศึกษาค่อนข้างสูง เป็นคนตั้งใจเรียนและค่อนข้างน้อยที่จะมีปัญหาในโรงเรียน เขาเห็นถึงความสำคัญของการศึกษา เพราะการศึกษาของบ้านเขามันต่างจากเรา”

ขณะเดียวกันเขาต้องการให้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ เพื่อให้การศึกษาดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

“อยากให้เจรจาตกลงกันเพื่อที่สถานการณ์จะได้กลับสู่สภาวะปกติ ที่น่าสงสารคือเด็กกัมพูชาที่สะดุดด้านการเรียนรู้ ฝากถึงผู้นำกัมพูชา อยากให้สมานฉันท์ เพื่อให้เด็กกัมพูชาได้กลับมาเรียน การที่เขามารับการศึกษามันดีมากๆ เลยนะ แล้วเด็กกลุ่มนี้ก็ต้องกลับไปพัฒนาบ้านเมืองอยู่ดี” อัครชัยกล่าว

เด็กข้ามชาติได้เรียน คนไทยเสียประโยชน์?

ภาพจำของคนไทยมักมองว่า การให้การศึกษากับเด็กข้ามชาติเป็น ‘ภาระ’ เสียส่วนใหญ่ แต่ในงานวิจัยเรื่อง การศึกษาข้ามแดนไทย-กัมพูชา: ภาระ หรือ โอกาส Cross-border education between Thailand and Cambodia: Burden or opportunityโดย สุนาดา ศิวปฐมชัย มองว่า เป็น ‘ต้นทุน’ สำคัญที่จะคืนกำไรและเป็น ‘โอกาส’ ของประเทศไทยในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการแก้ปัญหาทางสังคม การพัฒนาคุณภาพการศึกษาเปิดโอกาสให้เด็กข้ามชาติเข้ามาเรียนเป็นช่องทางหารายได้ โอกาสในการแก้ปมความขัดแย้งและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การสร้างเครือข่ายเพื่อการพัฒนาภูมิภาค และโอกาสที่ไทยจะได้ถ่ายทอดภาษาและวัฒนธรรมไทย

นเรศ สงเคราะห์สุขรองหัวหน้าโครงการหนุนเสริมทางวิชาการและการจัดการความรู้ สำหรับการพัฒนาเยาวชนนอกระบบการศึกษา กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ประโยชน์ที่สำคัญสำหรับประเทศไทยกับการเปิดให้เด็กข้ามชาติเข้าถึงการศึกษาในประเทศคือ การพัฒนา ‘คุณภาพ’ บุคลากรที่จะเข้ามาเป็นแรงงานของไทยในอนาคต

“การให้โอกาสกับเด็กข้ามชาติเข้าถึงระบบการศึกษาไทย แท้จริงเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยอาศัยคนกลุ่มนี้เข้ามาเป็นแรงงาน ซึ่งเป็นงานที่คนไทยไม่ค่อยทำ และการศึกษาจะทำให้เขามีทักษะการทำงานที่ดีขึ้น”

การให้การศึกษากับเด็กข้ามชาติในมุมมองของนเรศ เป็นการเพิ่มทักษะการทำงานให้กับพวกเขาที่มีโอกาสกลายมาเป็นแรงงานของไทยในห้วงที่กำลังเผชิญกับภาวะการเกิดต่ำลงและสังคมผู้สูงอายุมากขึ้นที่จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ จากการขาดแรงงานอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

“สมมติว่า ประเทศไทยไม่มีแรงงานข้ามชาติเลย เศรษฐกิจก็พัง เขาทำงานตั้งแต่ในร้านอาหาร ฟาร์ม แรงงานข้ามชาติจึงยังมีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจที่ต้องการแรงงานเหล่านี้มาเป็นปัจจัยในภาคของการผลิต” นเรศย้ำถึงความจำเป็น เนื่องจากประเภทงานที่กลุ่มแรงงานข้ามชาติทำส่วนใหญ่เป็นงานทักษะต่ำ และได้รับความนิยมจากคนไทยไม่มาก

ตัดโอกาสทางการศึกษา สร้างปัญหาเพิ่ม?

สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยข้อมูลซึ่งสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ว่า ประเทศไทยมีแรงงานข้ามชาติในปี 2567 กว่า 3 ล้านคน ทำงานอยู่ในภาคเกษตร-ก่อสร้าง โดยพบว่า สัญชาติที่เข้ามาเป็นแรงงานมากที่สุดคือ สัญชาติเมียนมา 1,198,920 คน รองลงมาคือสัญชาติกัมพูชา 435,991 คน ซึ่งเหล่านี้ไม่น้อยมีครอบครัว และเมื่อต้องย้ายมาจึงพาบุคคลที่ต้องดูแล เช่น บุตรข้ามชายแดนมาด้วย รัฐไทยจึงต้องให้การศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายและอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก

กระนั้นชาวไทยจำนวนไม่น้อยมองว่า การให้การศึกษาแก่เด็กข้ามชาติเป็นการเบียดบังสิทธิการเข้าถึงการศึกษาของชาวไทย ขณะเดียวกันก็มองว่า จะเป็นการ ‘สร้างปัญหา’ หากให้การศึกษาแก่เด็กสัญชาติอื่น โดยเฉพาะกัมพูชาจึงควรตัดโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กกลุ่มนี้ทั้งหมด ซึ่งสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเยาวชนนอกระบบการศึกษาอย่างนเรศ การทำเช่นนั้นถือเป็นการ ‘สร้างปัญหาเพิ่ม’ มากกว่าเดิม

“แทนที่ทัศนคติความเกลียดชังจะจางหายไป แต่การทำแบบนั้นก็จะทำให้มันเติบโตขึ้นมาใหม่ ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นนอกจากเราจะแก้ไม่ได้แล้ว แต่มันจะกลับมารุนแรงขึ้นอีก”

นเรศชี้ว่า การตัดโอกาสทางการศึกษาของเด็กกัมพูชาจะทำให้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชาย่ำแย่ลง และเปราะบางมากขึ้น เนื่องจากเป็นการสร้างบาดแผลจากความเกลียดชังให้ร้าวลึกขึ้นไปอีก

ขณะเดียวกันบทความหลายชิ้นรวมทั้งงานวิจัยยังชี้ว่า การปล่อยให้เด็กข้ามชาติขาดโอกาสทางการศึกษา นอกจากโอกาสที่พวกเขาจะหลุดเข้าสู่แวดวงอาชญากรรม การฆ่ามนุษย์ และการก่อคดีแล้ว ยังอาจทำให้พวกเขามีปัญหาในเรื่องของสุขอนามัย เนื่องจากไม่ได้รับการอบรมที่เหมาะสมอีกด้วย

อ้างอิง

https://search.asean-cites.org/article.html?b3BlbkFydGljbGUmaWQ9MTAwMjU2

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Momentum

สายลับแม่ม่าย จากภรรยาซีไอเอ สู่สปายล้วงตับโซเวียต

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สำรวจร่องรอยทหารอเมริกัน ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ค่ายรามสูร มรดกสงครามเย็นในอุดรธานี

12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘รามคำแหง’ ริบคืนปริญญาเอก ‘ฮุน เซน’ ชี้เป็นปฏิปักษ์ต่อไทย ผิดเจตนารมณ์ของมหาวิทยาลัย

1 วันที่แล้ว

Grab เจาะกลุ่มเอ็กซ์แพต-ดิจิทัลนอแมดในไทย ยอดใช้บริการเดลิเวอรีโต 50% พัฒนา AI แปลภาษา หวังสร้างฐานลูกค้าระยะยาว

1 วันที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

เจ้าของเก๋ง MG ตกเหวไฟไหม้พบตร. มอบหลักฐานสาวเช่ารถก่อน GPS ขาดหาย

เดลินิวส์

กองทัพภาคที่ 2 เผยอาการ '3 ทหารไทย' แนวหน้า เหยียบกับระเบิดกัมพูชาขณะลาดตระเวน

MATICHON ONLINE

จับพ่อค้ายา 40,000 เม็ด ตกใจมีแฟนเป็นเด็กอายุแค่12 ร่วมขบวนการ

TNews

1 ชนิดกีฬาที่ทำคนเสียชีวิตมากที่สุด แต่ยังมีคนนิยมที่สุด

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

รวมหนุ่มวัย35 พร้อมแฟนด.ญ.วัย12 ขายยาบ้า พบของกลางเพียบ ซิ่งหนีตร.แต่ไม่รอด

Khaosod

"โฆษกบุ๋ม ปนัดดา" ฟาดกัมพูชาลอบวางระเบิดแฝง โต้สื่อเขมรเหน็บใช้มงกุฎนางงาม ย้ำ "มีมงเดียว ไม่ถึง 18"

สยามรัฐ
วิดีโอ

จีนเผยคุณภาพน้ำ อากาศในปี 2025 เมืองกว่า 339 แห่งมีอากาศดี 83.8% และน้ำคุณภาพดี 89%.

BRIGHTTV.CO.TH

‘กัมพูชา’ เจ็บจากทุ่นระเบิด แต่ละเมิดออตตาวา รับเงินมาทำลาย!! แต่แอบใช้กับ ‘ประเทศไทย’

THE STATES TIMES

ข่าวและบทความยอดนิยม

ผิดสัญญา จ่ายราคาเยอรมัน ได้เครื่องจีน คนสั่งซื้อไม่ต้องรับผิดชอบ ‘เรือดำน้ำไทย’ จะมีอะไรดีกว่านี้อีก

The Momentum

ทหารนำ รัฐบาลตาม สมช.หาย พวงทองมองภาพ ‘การต่างประเทศ’ ไทย สะท้อนความอ่อนแอภายใต้วิกฤตกัมพูชา

The Momentum

ส่องเมกะโปรเจกต์อาเซียน สนามบินเตโชตาเขมาของกัมพูชา หวังปั้นประเทศให้เป็น ‘สิงคโปร์ 2’

The Momentum
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...