ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 27ส.ค.“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้27ส.ค.2568 ที่ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.49 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ไปก่อน หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนของรายงานผลประกอบการของ Nvidia
ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการในช่วงปกติ หรือ ช่วง After Close โดยหากบรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ก็อาจจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งจะช่วยชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้
นอกจากนี้ ในช่วงระยะสั้น นอกเหนือจากปัจจัยแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด เงินดอลลาร์อาจผันผวนไปตามการเคลื่อนไหวของสกุลเงินหลัก
อย่าง เงินยูโร (EUR) ที่อาจเผชิญแรงกดดันจากความวุ่นวายของการเมืองฝรั่งเศสได้ หลังนายกฯ ฝรั่งเศส ได้กำหนดวันลงมติไว้วางใจ ในวันที่ 8 กันยายน นี้
ซึ่งมีโอกาสสูงที่เสียงส่วนใหญ่จะไม่เห็นชอบกับมติไว้วางใจดังกล่าว และนำไปสู่การลาออกของนายกฯ François Bayrou โดยหลังจากนั้น ประธานาธิบดีฝรั่งเศส Emmanuel Macron จะเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะคัดเลือกนายกฯ ใหม่ หรือประกาศยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่
เราประเมินว่า ประธานาธิบดี Emmanuel Macron อาจเลือกประกาศยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ โดยอาจมีการเลือกตั้งเร็วสุดในช่วงเดือนตุลาคม ทำให้ในระยะสั้นนี้ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส อาจกดดันสินทรัพย์ฝั่งยุโรป โดยเฉพาะเงินยูโร (EUR) ได้ และอาจพอช่วยหนุนเงินดอลลาร์บ้าง
อย่างไรก็ดี เรามองว่า สุดท้ายศทางของเงินดอลลาร์อาจขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ทั้ง อัตราเงินเฟ้อ PCE ที่จะรับรู้ในสัปดาห์นี้ และข้อมูลการจ้างงานเดือนสิงหาคม ซึ่งจะรับรู้ในสัปดาห์หน้า โดยข้อมูลดังกล่าวจะส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้อย่างมีนัยสำคัญ
เราประเมินว่า หากเงินบาทจะกลับมาอ่อนค่าลงได้ชัดเจนอีกครั้ง อาจต้องรอรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงาน เพื่อรอลุ้นโอกาสที่ผู้เล่นในตลาดจะปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดอย่างชัดเจน
หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง การจ้างงานยังคงออกมาสดใสหรือดีกว่าคาด โดย หากประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following การอ่อนค่าอย่างชัดเจนของเงินบาททะลุโซน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ จะเพิ่มโอกาสที่เงินบาทกลับเข้าสู่แนวโน้มการอ่อนค่าลงอีกครั้ง
เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.35-32.50 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้างในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 32.42-32.50 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) เข้าใกล้โซนแนวต้าน 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มความคาดหวังแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะในปีหน้า ที่ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสราว 21% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 4 ครั้ง (ส่วนในปีนี้ ผู้เล่นในตลาดยังคงประเมินเฟดมีโอกาสราว 16% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง) จากประเด็นความกังวลต่อแนวโน้มการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟด โดยฝั่งการเมืองสหรัฐฯ แม้ว่าโดยรวมเงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways และยังพอได้แรงหนุนจากอานิสงส์ของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่ที่ออกมาสดใสและดีกว่าคาด อาทิ ยอดคำสั่งซื้อพื้นฐานสินค้าคงทน ซึ่งไม่รวมอากาศยานและอาวุธ (Core Durable Goods ex. Air & Defense) ในเดือนกรกฎาคม ปรับตัวขึ้น +1.1%m/m ดีกว่าคาด ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) เดือนสิงหาคม แม้จะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 97.4 จุด แต่ก็ดีกว่าคาดที่ระดับ 96.4 จุด
บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมออกมาสดใส นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ อาทิ Nvidia +1.1% (ก่อนจะรับรู้รายงานผลประกอบการในวันพุธนี้) ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.41%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.83% กดดันโดยแรงขายหุ้นฝรั่งเศส ซึ่งกดดันให้ดัชนี CAC40 ของฝรั่งเศสดิ่งลงกว่า -1.7% ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองของฝรั่งเศส หลังนายกฯ François Bayrou ประกาศกำหนดการลงมติไว้วางใจในวันที่ 8 กันยายนนี้ ทว่าบรรดาพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาต่างออกมาระบุจุดยืนไม่สนับสนุนการลงมติไว้วางใจ เพิ่มความเสี่ยงที่ฝรั่งเศสอาจต้องมีการเลือกตั้งในเร็วนี้
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ ความกังวลการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟดจากฝั่งการเมืองสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้างสู่ระดับ 4.27% ทว่าการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็เป็นไปอย่างจำกัด หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ในช่วงนี้ก็ออกมาสดใสอยู่
ทั้งนี้ ในช่วงระยะสั้น เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มผันผวนไปตามการมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด โดยยังพอมีโอกาสที่จะเห็นบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นได้บ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงหลังจากนี้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง
เราจึงมองว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้ เนื่องจากเราคงคาดการณ์ว่า บอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มทยอยปรับตัวลดลง ตามการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด (คาดว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยจนถึงระดับ 3.00-3.25%)
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แม้จะพอได้แรงหนุนจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ส่วนใหญ่ออกมาสดใส ทว่าความกังวลของผู้เล่นในตลาดต่อการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟดจากฝั่งการเมืองสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันเงินดอลลาร์ ผ่านการปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงเคลื่อนไหวแถวโซน 98.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.0-98.4 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ ความกังวลการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟดจากฝั่งการเมืองสหรัฐฯ ซึ่งยังคงหนุนการปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะในปีหน้านั้น ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ทยอยปรับตัวสูงขึ้น ทดสอบโซนแนวต้าน 3,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ แม้จะมีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างมีนัยสำคัญ ไม่มากนัก ทว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะมีไฮไลท์สำคัญ คือ Nvidia ที่อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินและทิศทางของบรรดาหุ้นเทคฯ ธีม AI/Semiconductor ได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทอ่อนค่าทดสอบแนว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.27 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.49 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยแม้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่มี bias ในด้านอ่อนค่าเช่นเดียวกับค่าเงินเยนและสกุลเงินเอเชียอื่น นอกจากนี้ การปรับตัวลงของราคา Spot ของทองคำในตลาดโลก และความไม่แน่นอนของปัจจัยการเมืองในประเทศยังเป็นปัจจัยลบของเงินบาทด้วยเช่นกัน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.30-32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงประเด็นทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด