ไข่เก็บได้นานแค่ไหน? พร้อมวิธีเช็คไข่เสีย กินอย่างปลอดภัย
ไข่ เป็นวัตถุดิบสามัญประจำบ้านที่แทบทุกครัวเรือนต้องมีติดตู้เย็นไว้ มาพร้อมด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน ทำให้ไข่เป็นตัวเลือกยอดนิยม แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ไข่สดที่เราซื้อมานั้นเก็บไว้ได้นานแค่ไหน? และจะมีวิธีง่าย ๆ ในการ ตรวจสอบไข่เสีย ก่อนนำไปใช้ได้อย่างไร เพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดี บทความนี้มีคำตอบและเคล็ดลับที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันที
ไข่เก็บได้นานแค่ไหน?
อายุการเก็บรักษาของไข่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง โดยหลักๆ คือ ความสดของไข่ตั้งแต่แรก และ วิธีการเก็บรักษา
ไข่สดที่ยังไม่ล้าง (มีนวลไข่): หากเป็นไข่ที่เพิ่งเก็บจากฟาร์มใหม่ ๆ และยังไม่ได้ล้างทำความสะอาด (ซึ่งจะเห็นคราบสกปรกติดอยู่บ้าง) ไข่จะมี "นวลไข่" (Bloom) เคลือบอยู่ที่เปลือก นวลไข่นี้ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันตามธรรมชาติ ช่วยปกป้องไข่จากแบคทีเรียและรักษาความสดไว้ได้ หากเก็บในอุณหภูมิห้องปกติ (ไม่ร้อนจัด) อาจอยู่ได้นานถึง 1-2 สัปดาห์ แต่หากเก็บในตู้เย็นจะสามารถยืดอายุได้นานถึง 3-5 สัปดาห์
ไข่ที่ผ่านการล้างทำความสะอาดแล้ว: ไข่ส่วนใหญ่ที่เราซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านค้ามักจะผ่านการล้างทำความสะอาดแล้ว ซึ่งเป็นการล้างนวลไข่ที่เคลือบอยู่ออกไป ทำให้ไข่สูญเสียเกราะป้องกันตามธรรมชาติไปส่วนหนึ่ง ดังนั้น ควรเก็บในตู้เย็นเสมอ เพื่อชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และเพื่อรักษาคุณภาพของไข่
ในตู้เย็น (ช่องเก็บไข่): โดยทั่วไปไข่ที่เก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิประมาณ 4 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่า จะสามารถเก็บรักษาคุณภาพได้ดีประมาณ 3-5 สัปดาห์ นับจากวันที่ผลิต หรือประมาณ 2-3 สัปดาห์ นับจากวันที่ซื้อ
อุณหภูมิห้องปกติ: ไม่แนะนำให้เก็บไข่ที่ล้างแล้วไว้นอกตู้เย็นนานเกิน 2-3 วัน โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย เพราะอาจทำให้ไข่เสียเร็วขึ้นมาก
คำแนะนำเพิ่มเติม
ควรเก็บไข่ไว้ใน ช่องเก็บไข่ในตู้เย็น หรือในกล่องไข่เดิม เพราะจะช่วยป้องกันการดูดซับกลิ่นจากอาหารอื่น ๆ และลดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ
วางไข่โดยให้ ด้านแหลมคว่ำลง และด้านป้านขึ้น เพื่อให้ถุงลมในไข่อยู่ด้านบน ช่วยรักษาความสดได้ดีขึ้น
ไม่ควรเก็บไข่ไว้ที่ประตูตู้เย็น: เพราะการเปิด-ปิดประตูบ่อยๆ ทำให้อุณหภูมิไม่คงที่ ส่งผลให้ไข่เสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น
เคล็ดลับเช็กไข่เสีย ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
การลอยน้ำ (Float Test) เป็นวิธีที่ง่ายและเป็นที่นิยมที่สุด
วิธีทำ: นำไข่ใส่ลงในแก้วหรือชามที่มีน้ำเย็นพอท่วม
ผลลัพธ์
ไข่นอนราบกับพื้น: แสดงว่าไข่ สดมาก ถุงลมด้านในยังเล็ก
- ไข่ตั้งขึ้นเล็กน้อย แต่ปลายแหลมยังติดพื้น: แสดงว่าไข่ยัง สดพอใช้ และสามารถนำไปประกอบอาหารได้
- ไข่ลอยขึ้นมาทั้งหมด: แสดงว่าไข่ เสียแล้ว ไม่ควรนำไปรับประทาน เพราะถุงลมด้านในขยายใหญ่มากเนื่องจากมีแก๊สสะสม
เขย่าไข่และฟังเสียง
วิธีทำ: ถือไข่ไว้ใกล้หูแล้วค่อยๆ เขย่าเบาๆ
ผลลัพธ์:
ไม่มีเสียง หรือได้ยินเสียงเบามาก: แสดงว่าไข่ยัง สดดี เพราะไข่ขาวและไข่แดงยังแน่น
- ได้ยินเสียงน้ำกระฉอก หรือเสียงดังชัดเจน: แสดงว่าไข่ อาจจะเริ่มเสีย หรือไม่สดแล้ว เพราะไข่ขาวเริ่มเหลว ทำให้ไข่แดงเคลื่อนที่ไปมาได้ง่ายขึ้น
สังเกตจากลักษณะภายนอก (ก่อนตอก)
- เปลือกไข่: หากเปลือกไข่มีลักษณะร้าว มีเมือก หรือมีผงคล้ายแป้งติดอยู่รอบๆ อาจเป็นสัญญาณของการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
กลิ่น: หากมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากเปลือกไข่ แสดงว่าไข่เสียแล้ว
สังเกตเมื่อตอกไข่
- กลิ่น: กลิ่นเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุด หากมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว กลิ่นฉุน หรือกลิ่นซัลเฟอร์คล้ายก๊าซไข่เน่า แสดงว่าไข่เสียแล้ว ไม่ควรนำไปรับประทานเด็ดขาด
- ลักษณะของไข่แดงและไข่ขาว:
- ไข่สด: ไข่แดงจะนูนสวยและกลม ไข่ขาวจะเกาะตัวกันดี ไม่เหลวกระจาย
- ไข่เริ่มไม่สด/เสีย: ไข่แดงจะแบนราบลง ไข่ขาวจะเหลวเป็นน้ำกระจายไปทั่ว
การรู้ว่าไข่เก็บได้นานแค่ไหนและมีวิธีตรวจสอบไข่เสียอย่างไร เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่ใช้ไข่เป็นประจำ การเก็บรักษาไข่ในตู้เย็นอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุความสดได้นานขึ้น และเมื่อไม่แน่ใจ ควรใช้เคล็ดลับการลอยน้ำหรือการดมกลิ่นเพื่อความปลอดภัยเสมอ การทำเช่นนี้ไม่เพียงช่วยให้คุณได้รับประทานไข่ที่มีคุณภาพดีเท่านั้น แต่ยังช่วยหลีกเลี่ยงการสิ้นเปลืองและปัญหาสุขภาพที่อาจตามมาจากการบริโภคไข่ที่เสียอีกด้วย
อ่านเพิ่ม