‘รังสิมันต์’ มอง ไทยล่าช้า พาผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่ชายแดนพรุ่งนี้ หลัง ‘กัมพูชา’ รับบทเหยื่อ ทำไทยเสียหาย

ชี้ รัฐบาลขาดความชอบธรรม เหตุ สังคมขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาล ติง 'มาริษ' เคลมไปถึงนิวยอร์กก่อนใคร แต่ไม่เห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ย้ำ ต้องสื่อสารกับโลกให้มากกว่านี้

วันนี้ (31 ก.ค. 68) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงการประชุมวันนี้ว่า เป็นการติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งการหยุดยิงน่าจะเป็นผลแล้ว แต่สิ่งสำคัญต้องคิดถึงโจทย์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะแนวทางการรับมือที่กัมพูชาได้ดำเนินการ ทั้งการพาผู้ช่วยทูตทหาร และสื่อต่างชาติไปลงพื้นที่ชายแดน

สำหรับประเทศไทย จะพาผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่ในวันพรุ่งนี้ (1 ส.ค. 68) ซึ่งหลายฝ่ายเป็นห่วงว่าอาจจะล่าช้าไปหรือไม่ ขณะนี้ประชาชนจำนวนไม่น้อยเป็นห่วงบ้าน และสัตว์เลี้ยง ก็อาจจะทยอยกลับ ต้องยอมรับว่าความล่าช้าของไทยทำเสียโอกาสที่จะทำให้ต่างชาติเห็นภาพที่ชัดเจนว่าการกระทำของกัมพูชามีเป้าหมายโจมตีไปที่พลเรือนอย่างไร

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมในวันนี้จะมีการสอบถามถึงแนวทางของรัฐบาล เนื่องจากกัมพูชาได้ดำเนินการระหว่างประเทศทุกรูปแบบ ทุกขั้นตอน แม้กระทั่งประธานสภาของกัมพูชาก็ไปพูดในเวทีสำคัญ ขณะที่ไทยไม่ได้เตรียมการ เรื่องระหว่างประเทศอย่างดี และเพียงพอ

การรบกับกัมพูชาตามแนวชายแดนเป็นสิ่งที่ชาติอื่นไม่รู้ว่ากัมพูชาเป็นอย่างไร เขาอาจไม่เข้าใจอย่างที่เราเข้าใจ ฉะนั้น ความชอบธรรมในเวทีระหว่างประเทศของไทยจึงเป็นเรื่องสำคัญ ต้องถ่ายทอดข้อเท็จจริงโดยไม่บิดเบือนเนื้อหา ได้เห็นถึงสิ่งที่กัมพูชาทำ เพราะกัมพูชามักทำตัวเป็นเหยื่อ ไทยจึงไม่สามารถปล่อยให้กัมพูชาเล่าเรื่องของเขาเพียงลำพัง ไทยต้องสื่อสารอย่างรวดเร็ว กัมพูชาชิงเล่าก่อน ฝ่ายที่พูดทีหลังอาจจะถูกกล่าวหาว่าแก้ตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียหาย ทั้งที่มีสถานเอกอัครราชทูตตั้งอยู่ในไทยจำนวนมาก มีมิตรสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ มานาน

นายรังสิมันต์ ยอมรับว่า ตั้งแต่เกิดการรัฐประหารปี 2557 บทบาทไทยในเวทีโลกลดลงเรื่อย ๆ วันนี้เห็นผลชัดเจน ไทยต้องเผชิญหน้าประเทศที่เล็กกว่าอย่างกัมพูชา กลายเป็นว่าไทยเสียเปรียบหลายด้าน การสู้รบทางการทูตเราจะต้องเร่งสปีดให้มากกว่านี้

สำหรับการสื่อสารของไทยที่ล่าช้าดูเหมือนจะไม่พัฒนา จะมีการพูดคุยในที่ประชุม อยากเห็นการสื่อสารของรัฐบาลที่เร็วกว่านี้ ทั้งคนไทยและเวทีโลก ซึ่งส่วนนี้ยังขาดตกบกพร่องไป เรามีเหตุการณ์หลายอย่างที่จะทำให้เวทีโลกเห็น ไม่ว่าจะเป็นการวางกับระเบิด การโจมตีเป้าหมายพลเรือน หลักฐานการปะทะ ไทยมีข้อมูลว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มก่อน แต่เรากลับไม่ได้เอาข้อมูลไปใช้ สุดท้ายประชาคมโลกก็คิดว่าไทยโจมตีกัมพูชาก่อน การรับมือเรื่องนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง

ส่วนการประชุมวันนี้ได้เชิญ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึง นายฉัตรชัย บางชวด เลขา สมช. เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ติดต่อมาหาส่วนตัวว่าติดการประชุมสำคัญเกี่ยวกับไทย-กัมพูชา ย้ำว่าการประชุมคณะกรรมาธิการเป็นเรื่องสำคัญ

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สิ่งที่มีนัยสำคัญคือความชอบธรรมของรัฐบาล สังคมไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลแล้ว คืนอำนาจให้ประชาชนเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง การที่รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมทำให้ทุกฝ่ายมีคำถาม สังคมไม่ไว้ใจการเจรจาที่ประเทศมาเลเซีย ยอมรับว่าคนที่ทำให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นคือรัฐบาลเอง

ส่วนที่ ณอน โอนีล ว่าที่ทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนใหม่ แสดงความเห็นว่าการปะทะระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่มีประโยชน์ ถือเป็นคำพูดที่เจ็บแทนความรู้สึกของคนไทย ต้องช่วยกันกระตุ้นให้กระทรวงการต่างประเทศสื่อสารกับโลกให้ดีกว่านี้ เราปล่อยให้แนวคิดแบบนี้เกิดขึ้นไม่เป็นผลดีต่อไทย หากทั่วโลกคิดแบบนี้ไทยเสียหาย เราทำงานล่าช้าแบบเช้าชามเย็นชามไม่ได้อีกแล้ว

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เคลื่อนไหวน้อยมาก ที่ผ่านมาพยายามเคลมว่าไปถึงนิวยอร์กก่อนใคร อยู่ที่สหรัฐอเมริกาแล้ว แต่กลับไม่เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการสื่อสาร หรือทำให้ภาพลักษณ์ของไทยดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น