ไทยเสี่ยงเสียศูนย์! "ดร.กอบศักดิ์"ห่วงความขัดแย้ง-ภาษีสหรัฐทำหลุดเกมเศรษฐกิจโลก
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการ บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองบนเวทีบรรยายหัวข้อ"เกมเศรษฐกิจโลก : นโยบายการเงินของมหาอำนาจและผลกระทบต่อไทย" โครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง (พศส.) ปีที่ 19 จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2568 ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์ความรุนแรงชายแดนไทย-กัมพูชา อาจลุกลามกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนและภาคการท่องเที่ยว
โดยเฉพาะในช่วงใกล้ High Season อาจทำให้ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวช้าลง ต้องเร่งหาทางออกโดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับทั้งสองประเทศ
ขณะที่การท่องเที่ยวของไทย ความหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ตัวเลขนักท่องเที่ยวติดลบต่อเนื่อง จากเหตุการณ์ต่างๆ อาทิ การลักพาตัวนักท่องเที่ยว เหตุการณ์แผ่นดินไหว
รวมทั้งข่าวเรื่องความปลอดภัยที่เกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ทั้งหมดโดยปกติใช้เวลาประมาณ 4 เดือนจะถูกพูดถึงน้อยลงและคนจะเริ่มกลับมาท่องเที่ยว แต่หากเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งกับกัมพูชาจะกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ทำให้ภาคท่องเที่ยวปลายปีที่เป็นช่วง High Season ไม่น่าจะฟื้นตัวทัน
การเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯใกล้เส้นตาย 1 ส.ค.นี้ เป็นอีกเรื่องที่น่ากังวล หากไทยถูกเก็บภาษีในอัตรา 36% จะกระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยยะ โดยเฉพาะภาคการส่งออกซึ่งมีสัดส่วนเกือบ 60% ของ GDP
ทั้งนี้คาดว่าภาคเอกชนรับได้หากภาษีสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อยู่ที่ 25% เอกชลบริหารจัดการได้ แม้อาจกระทบภาคเกษตรบางส่วนแต่สามารถนำรายได้จากส่งออกนำมาเยียวยาได้ และหวังว่าไทยจะสามารถได้ข้อสรุปทันวันที่ 1 ส.ค.นี้เพื่อที่ไม่สร้างภาพจำว่าไทยมีภาษี 36% นั่นจะเป็นผลเสียมากกว่า
"ถ้าไทยโดนภาษี 36% ภาพตัวเลขที่ขอ BOI การย้ายฐานการผลิตมาไทยถือเป็นเรื่องยากมาก ผู้ประกอบการจะไม่เข้ามาลงทุน และโอกาสเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมใหม่ๆอาจถอนตัวออกไป และจะส่งผลกระทบในระยะยาว"
ทางออกประเทศไทย คืออะไร ?
ภายใต้ความขัดแย้งของสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ อย่าง สหรัฐฯ และจีน ทางออกที่ดีที่สุดของไทย ไม่ใช่การเลือกสหรัฐฯ หรือ เลือกจีน แต่คือการรักษาความเป็นกลาง เพื่อให้ทุกคนมองว่าไทยเป็นประเทศที่สามารถทำการค้ากับประเทศใดก็ได้
"อยากให้พูดคุยและตกผลึกต่อประเด็นดังกล่าวให้มาก เพราะการวางตัวเป็นกลางในอนาคตจะมีคุณค่ามากที่สุด"