โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

กรรมเก่าชาวเขมร

สยามรัฐ

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว

ทวี สุรฤทธิกุล

ใครไม่เชื่อเรื่องกรรมเวรก็ไม่ว่ากัน แต่กรรมเวรนั้นมีจริง ไม่เฉพาะแต่ระดับบุคคล แต่มีไปถึงระดับชาติคือ “คนทั้งชาติ” นั้นด้วย

ท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนบทความชุดหนึ่งลงในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ในช่วง พ.ศ. 2495 – 2496 แล้วมีการรวมจัดพิมพ์เป็นเล่ม ชื่อ “ถกเขมร” ซึ่งท่านอาจารย์คึกฤทธิ์บอกไว้ในตอนต้นเรื่องว่า “ไปเที่ยวสนุก ๆ” แต่ความจริงท่านได้เขียนถึง “ชะตากรรม” ของชาติ ๆ หนึ่ง ที่ “น่าเวทนา” เป็นอย่างยิ่ง และในตอนท้ายท่านยังทำนายด้วยว่าชาติที่น่าเวทนายิ่งชาตินี้ จะยิ่งมีชะตากรรมที่ “น่าเวทนายิ่งขึ้น”

สภาพของ “ชะตากรรมแห่งชาติเขมร” ที่ว่า ผู้เขียนอนุมานหรือตีความเอาจากเนื้อหาในส่วนต่าง ๆ ในหนังสือเรื่องถกเขมร ด้วยความเข้าใจและการเชื่อมโยงของผู้เขียนเอง เพราะสิ่งที่ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์เขียนออกมาจะเป็นในแนวสนุกสนานอย่างที่ท่านได้ชี้แจงไว้ในตอนต้นของการเขียนนั้นจริง ๆ ทว่าเมื่อมาเกิดเหตุการณ์เขมรรุกรานไทยในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ ก็ทำให้ผู้เขียนมองย้อนไปว่าท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ก็เคยเขียนถึง “สันดานชนชาติเขมร” ไว้ในหนังสือเล่มนั้น จึงอยากจะมานำเสนอไว้ว่า ครั้งหนึ่ง “ปราชญ์รัตนโกสินทร์” ที่ชื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เคยแสดงความรู้ในสิ่งนั้นไว้ให้ได้ทราบกันมาแล้ว

คณะของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ได้ไปเที่ยวตามปราสาทหินต่าง ๆ ในเมืองเสียมเรียบ ด้วยความตื่นตาตื่นใจว่าทำไมจึงมีความสามารถสร้างได้ใหญ่โตถึงบ้านนั้น และมีจำนวนมากมายนับสิบ ๆ แห่ง ซึ่งท่านก็ได้ให้เหตุผลว่าน่าจะมีเหตุผลด้วยศรัทธาในทางศาสนาเป็นหลัก โดยเฉพาะศาสนาฮินดูที่มีอิทธิพลปกแผ่อยู่ในดินแดนแห่งนี้ตั้งแต่ช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 ถึง 17 โดยกษัตริย์เขมรในยุคนั้นได้สร้างปราสาทหินต่าง ๆ เพื่อ “บูชา” เทพเจ้าทั้งหลายในศาสนาฮินดูนั่นเอง ยิ่งสร้างได้ใหญ่โตก็ยิ่งแสดงถึงความรักที่มีต่อเทพเจ้านั้นว่ามีมาก เช่นเดียวกับจำนวนที่สร้างก็ยิ่งแสดงถึงความเคารพศรัทธาที่มีมากตามจำนวนนั้นด้วย

ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ใช้คำเปรียบเปรย “ขำ ๆ” ว่า คนใหญ่คนโตของไทย(คงในสมัยที่ท่านเขียนบทความนี้)ชอบเล่นกล้วยไม้ คนใหญ่คนโตคือกษัตริย์ของเขมรโบราณคงชอบ “เล่นปราสาทหิน”

การสร้างปราสาทหินแต่ละแห่งนั้นต้องใช้กำลังคนไม่ใช่น้อย อีกทั้งแหล่งหินก็อยู่ไกลจากเมืองเสียมเรียบมาก ปราสาทแต่ละแห่งใช้เวลาสร้างนานมาก จึงน่าประหลาดใจว่าทำไมจึงสามารถสร้างได้จนสำเร็จ สิ่งนี้มองได้เพียงอย่างเดียวว่า คงเกิดจาก “พลัง” อะไรสักอย่างของกษัตริย์เขมรในการทำให้คนเขมรยอมตายอดตายอยากมาสร้างปราสาทหินจนต้องตายตามกันถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ซึ่งถึงแม้ว่าท่านอาจารย์คึกฤทธิ์จะไม่ได้พูดถึงสิ่งนั้นออกมาตรง ๆ แต่ตัวผู้เขียนเองเมื่ออ่านแล้วก็ตีความออกว่า นี่คือ “ความงมงาย” นั่นเอง

หลายปีต่อมา ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ได้เขียนเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง ชื่อ “เรื่องสั้นสมัยหิน” ให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้จัดคณะจะไปเที่ยวเมืองเสียมเรียบเพื่อชมปราสาทหินต่าง ๆ ท่านก็ยินดีเขียนให้ และก็เขียนออกมาในแนวสนุกสนานอีกเช่นกัน ทว่าได้ทำให้เห็น “ความงมงาย” นั้นอย่างชัดเจน ที่มีอยู่ในตัวคนเขมรตั้งแต่ผู้ปกครองลงไปถึงชาวบ้าน

ตัวเอกของเรื่องนี้ชื่อ “โอยสะลา” แปลเป็นไทยว่า “นายน้ำหมาก” (คนเขมรชอบกินหมากมากมาตั้งแต่สมัยโบราณ) ทำงานเป็นช่างแกะสลักรูปนางอัปสรที่ปราสาทนครวัด แต่ด้วยอายุยังน้อย ฝีมือยังไม่ดี ครูหัวหน้าช่างเลยให้ไปแกะในมุมมืดที่ลับตา วันหนึ่งพระเจ้าสุริยะวรมันเสด็จมาเที่ยวชมการก่อสร้างปราสาท ฝนตกหนักเลยต้องเสด็จไปหาที่หลบฝน ครั้งหนึ่งมีฟ้าแลบขึ้นมา ทอดพระเนตรไปเห็นรูปสลักของโอยสะลาตรงมุมมืดนั้น ทรงตกพระทัยเพราะคิดว่ามีนางอัปสรจริง ๆ ตรัสถามว่าใครเป็นผู้แกะ ครูหัวหน้าช่างก็นำตัวนายโอสะลามาเข้าเฝ้า ด้วยความงมงายของพระองค์ทรงเชื่อว่านางอัปสรนี้ต้องมีตัวจริง จึงให้นายโอยสะลาไปเอาตัวจริงมาถวายตัวให้ได้ภายในเวลา 7 วัน ไม่งั้นนายโอยสะลาจะถูกประหารชีวิต

นายโอยสะลากลุ้มใจมาก ได้แต่กินเหล้าเมามายจนถึงวันที่ 5 ความกลัวตายจึงไปปรึกษาครูหัวหน้าช่าง แกก็เลยแนะนำให้ไปหา “อีตัว” ในตลาดสักคนไปถวาย เอาที่มี “คนขึ้น” มาก ๆ เพราะนั่นแสดงว่าเป็นที่รวมของ “ความเด็ด” และเป็นตัวแทนของนางอัปสรได้อย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อนำขึ้นไปถวายตัวก็เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าสุริยะวรมันจริง ๆ ถึงขนาดที่ทรงงดพระราชกิจไปหลายวัน ปิดห้องบรรทมอยู่กับอีตัวที่โอยสลานำมาถวายนั้น จากนั้นก็ทรงเรียกนายโอยสะลาไปรับพระราชโองการว่า “ต่อไปนี้เธอมีหน้าที่สร้างนางอัปสรให้กับฉันคนเดียว เข้าใจไหม อย่างที่เธอทำมาแล้ว นางอัปสรจริง ๆ ไม่ใช่หิน มีเนื้อมีหนัง มีหัวใจ วิเศษจริง โอยสะลา ดีจริงจริ๊ง … โอยสะลา ดีเหลือเกิน โอย…”

ครับทรงงมงายว่านายโอยสะลานั้นแกะสลักนางอัปสรขึ้นได้จริง ๆ หาใช่ “อีตัว” ที่พวกช่างทำนครวัดนับจำนวนไม่ถ้วนได้ไป “ขึ้น” มาแล้วแต่อย่างใดไม่ (ฮา)

“ความงมงาย” นี่แหละคือ “กรรมเวร” ของชนชาติเขมร คนเขมรในปัจจุบันยังเชื่อในสิ่งบ้า ๆ บอ ๆ ต่าง ๆ มากมาย อย่างเช่นที่เชื่อนายฮุนเซน ที่ก็เป็นคน “บ้า ๆ บอ ๆ” อย่างที่สุด แล้วก็พากัน “บ้า ๆ บอ ๆ” ไปทั้งประเทศ ที่คิดจะรบกับประเทศไทย แล้วก็คิดว่าตนเองจะสามารถสร้างชาติเขมรให้ยิ่งใหญ่ เหมือนดังที่เคยสร้างปราสาทหินต่าง ๆ ในอดีต

ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์บอกไว้เป็นนัย ๆ ว่า การที่ชาวบ้านคนเขมรเชื่อกษัตริย์ของเขา แล้วช่วยกันสร้างปราสาทหินที่ใหญ่โตมโหฬารจนสำเร็จ เพราะเชื่อว่ากษัตริย์ของพวกเขาจะพาเขาขึ้นสวรรค์ไปหาเทพเจ้าที่บนสวรรค์นั้นด้วย ก็คงทำนองเดียวกันกับที่คนเขมรในทุกวันนี้เชื่อนายฮุนเซน แล้วคิดว่าจะมีชีวิตที่สุขสบายเหมือนนายฮุนเซนนั้นไปด้วย

ความเชื่อแบบ “โง่ ๆ” แบบนี้ ถ้าไม่เรียกว่า “งมงาย” แล้วจะเรียกว่า “เฮงซวย” ได้หรือไม่?

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

ททท. จัดใหญ่มหกรรมของดีอีสาน Esan Fest ที่มหาสารคาม 7-9 ส.ค. มวยไทยขึ้นตะบัน 'บัวขาว-แสนชัย' โชว์

21 นาทีที่แล้ว

สรุปไฮไลท์การเมืองรอบวัน 5 สิงหาคม 2568

22 นาทีที่แล้ว

"อนุทิน" เตือน "อธิบดีที่ดินคนใหม่" ปมที่ดินเขากระโดง อย่าเซ็นสุ่มสี่สุ่มห้า

39 นาทีที่แล้ว

การพัฒนายั่งยืนย่อมไม่ลืมฐานราก

40 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

เชฟรอน-BCPR ร่วมมือสำรวจปิโตรเลียมในอ่าวไทย G2/65

สำนักข่าวไทย Online

ประวัติพระบิดากฎหมายไทย ตอบคำถาม ร. 5 “ผู้พิพากษากินเหล้ามากใช่ไหม”

ประชาชาติธุรกิจ

‘SHEIN’ ถูกปรับเงิน 1 ล้านยูโรในอิตาลี ฐาน ‘ฟอกเขียว’

THE STANDARD

ออกแรงปิดประตู “นายกฯ” มาตรา 5

สยามรัฐ

พระเกจิดังพิจิตร ปลุกเสกเครื่องราง-วัตถุมงคล แจกทหาร-ชาวบ้านอพยพ กันผีเขมร สิ่งลี้ลับรังควาน

Khaosod
วิดีโอ

ชาวมาเลเซียมองปมความขัดแย้งไทย-กัมพูชา

Thai PBS

ตำรวจแนะวิธีสังเกตความแตกต่าง โดรน กับ เครื่องบิน ย้ำหากพบโดรนต้องสงสัยแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ 24 ชั่วโมง

THE STANDARD

ครม.เห็นชอบแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2

สำนักข่าวไทย Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...