โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ซัดพวกลูกอีช่างฟ้อง วิสุทธิ์โดดป้องนายใหญ่/บรู๊คอ้างยุคชวนก็เคยให้ทักษิณเข้าทำเนียบฯ

ไทยโพสต์

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"เพื่อไทย" ดาหน้าโต้แทน “สทร.” ไม่ได้ครอบงำพรรค แจงร่วมประชุมทีมไทยแลนด์เป็นเรื่องปกติ ในฐานะผู้มีประสบการณ์แก้ปัญหา ศก. อ้างสมัยรัฐบาลชวนก็เคยเชิญ “ทักษิณ” เข้าทำเนียบฯ เพื่อขอให้ช่วยเจรจาการค้ากับ รบ.ออสเตรเลีย "วิสุทธิ์" ซัดลูกอีช่างฟ้อง น่ารำคาญ “กล้าธรรม” ระบุ “ธรรมนัส” ร่วมวงให้ข้อมูลผลกระทบเกษตรกร "เรืองไกร" ยื่น ป.ป.ช.สอบจริยธรรม "พิชัย" เชิญ "ทักษิณ" เข้าประชุมฝ่าฝืนจริยธรรมฯ "ชวน" เตือนต้องป้องประโยชน์เกษตรกรไทย ค้านนำเข้าโค-สุกร หวั่นปนสารเร่งเนื้อ "ดร.อนุสรณ์" ชงโมเดลแก้เกม เปิดตลาดสินค้าแข่งขันได้ "สวนดุสิตโพล" เผย ปชช.ไม่เชื่อเจรจาทรัมป์สำเร็จ

เมื่อวันอาทิตย์ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมามีบทบาทส่งสัญญาณทางการเมืองและร่วมประชุมกับทีมไทยแลนด์ที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา เกรงจะถูกดำเนินคดีเรื่องครอบงำพรรคและรัฐบาลอีกหรือไม่ว่า การเชิญไปให้คำแนะนำในเวทีสาธารณะไม่ใช่การครอบงำ เป็นการพูดถึงสถานการณ์ภาพรวม นายทักษิณไม่เคยสั่งการ สส.หรือข้าราชการ ตัวอย่างในพรรคเพื่อไทยนายทักษิณไม่เคยสั่งตนหรือ สส.ให้ทำอะไร นายทักษิณระวังตัวในทางปฏิบัติและคำพูดอยู่แล้ว การไปประชุมกับทีมไทยแลนด์เพราะได้รับเชิญไปให้คำแนะนำในฐานะผู้มีประสบการณ์แก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อนำคำแนะนำไปปรับใช้ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาจ้องจับผิด จะพูดหรือทำอะไรก็ฟ้องหมด ทำทุกอย่างเป็นนิติสงครามให้ประเทศเดินต่อไม่ได้

"จะกลัวอะไรนายทักษิณขนาดนั้น พวกลูกอีช่างฟ้องต้องหมดได้แล้ว น่าเบื่อ น่ารำคาญ ไม่อยากคบเพื่อนแบบนี้ แต่คดีฮั้วเลือก สว.หลักฐานชัดเจนทำไมไม่ไปฟ้องบ้าง" นายวิสุทธิ์กล่าว

นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ทุกฝ่ายควรพิจารณาโดยวางอคติส่วนตัว อคติทางการเมืองต่างๆ ออกไปก่อน แล้วมองกันที่ข้อเท็จจริง การที่รัฐบาลหรือรัฐมนตรีเชิญบุคคลภายนอกเข้าปรึกษาหารือนั้นเป็นเรื่องปกติมากสำหรับทุกรัฐบาลในโลก ที่ต้องการหาแนวทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชน อีกทั้งขณะนี้ปัญหาเรื่องมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลกำลังพยายามเร่งแก้ไข ในอดีตซึ่งประเทศไทยเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ วิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งสร้างผลกระทบให้กับคนไทยอย่างหนัก รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้นนำโดยนายชวน หลีกภัย และมีนายศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ก็เคยเชิญคนชื่อทักษิณ ชินวัตร เข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ช่วยเหลือรัฐบาลในการเจรจาทางการค้ากับประเทศออสเตรเลียมาแล้ว

“ประเทศไทยเวลานี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายเรื่อง การที่เรามีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และที่สำคัญคือมีประสบการณ์โดยตรงในการนำพาประเทศชาติหลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่มาได้ เคยทำให้ประเทศไทยมีความหวังในการหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง เราก็ควรใช้ความรู้และประสบการณ์ของท่านมาเป็นส่วนประกอบในการพิจารณาแก้ไขปัญหาในขณะนี้ การที่เรามีบุคคลแบบนี้อยู่ แต่ไม่คิดที่จะใช้ความรู้ความสามารถของเขาเข้ามาช่วยประคับประคองสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเวลานี้เลย ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากกว่า” นายดนุพรกล่าว

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ได้ชี้แจงไปแล้วว่า ได้เรียกประชุมทีมไทยแลนด์ พร้อมทั้งทีมที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ เพื่อรับมือมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา รวมถึงนายทักษิณซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์และมีความรู้ เป็นนายกรัฐมนตรีมาถึง 2 สมัยเข้าร่วมประชุมด้วย เชื่อว่ารัฐบาลเปิดกว้างและยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตัวแทนองค์กรต่างๆ ที่มีแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อการเจรจาสำหรับประเทศชาติและประชาชน และหากสามารถเจรจาลดอัตราภาษีลงได้ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกโดยรวมของประเทศ ดังนั้นมีดรีมทีมที่ไหน ต้องชวนกันมาช่วยกันทำงาน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมไทยแลนด์ เพื่อบรรลุผลในการเจรจาที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ควรตั้งแง่หรือวางกับดัก สร้างเงื่อนไขให้การทำงานของรัฐบาลยากขึ้นโดยไม่จำเป็น

เชื่อก่อน 1 ส.ค.ปิดดีลต่ำกว่า 36%

“เชื่อว่ารัฐบาลจะปิดดีลเจรจาภาษีสหรัฐได้ก่อน 1 ส.ค. และต่ำกว่า 36% เพื่อนำพาประเทศชาติและประชาชนออกจากวิกฤตกำแพงภาษีสหรัฐได้ในที่สุด” นายอนุสรณ์กล่าว

ที่โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา จ.ชลบุรี นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ ในฐานะโฆษกพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ร่วมวงเจรจาภาษีสหรัฐที่บ้านพิษณุโลกว่า ร.อ.ธรรมนัสเดิมทีเคยเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ และวันนี้พรรคกล้าธรรมก็ยังดูแลกระทรวงเกษตรฯ อยู่ ภายใต้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรฯ และนายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ซึ่งการทำงานของกระทรวงเกษตรฯ ที่ผ่านมา ขับเคลื่อนพร้อมกับพรรคกล้าธรรม โดยเราได้มีการลงลึกไปถึงปัญหาของประชาชน ไปรับฟังปัญหาของเกษตรกรและคนรากหญ้า ว่าที่ผ่านมาแต่ละจังหวัดมีปัญหาอะไรบ้าง

"ซึ่งที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัสก็เข้าใจเกษตรกรอย่างถ่องแท้ ทั้งเรื่องประมง ปศุสัตว์ และผลิตภัณฑ์การเกษตร ดังนั้น การที่ ร.อ.ธรรมนัสไปให้ข้อมูลที่บ้านพิษณุโลก เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับทีมไทยแลนด์ เพราะพรรคเราเข้าใจว่าเกษตรกรเดือดร้อนเรื่องอะไร ปวดหัวปวดใจกับอะไรบ้าง เราจึงจำเป็นต้องไปให้ข้อมูลกับทีมไทยแลนด์ว่าอะไรที่เป็นตลาดที่เราไม่สามารถให้เปิดได้ หรืออะไรที่เปิดตลาดแล้วไม่กระทบเกษตรกร รวมถึงผู้เลี้ยงสัตว์หรือผู้ประกอบกิจการประมง เราจำเป็นต้องให้ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อไม่ให้พวกเขาถูกทอดทิ้ง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ร.อ.ธรรมนัสและนายอรรถกรต้องไปที่บ้านพิษณุโลก" นายอัครแสนคีรีกล่าว

วันเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ตนได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กรณีที่รับว่าเป็นคนเชิญนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาร่วมประชุมทีมไทยแลนด์และทีมที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีที่บ้านพิษณุโลกว่า จะเข้าข่ายมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 14 ข้อ 17 หรือไม่ ในหนังสือมีข้อเท็จจริงที่นำมาพิจารณากับมาตรฐานทางจริยธรรมและแนวคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีจริยธรรม เป็นข้อๆ ดังนี้

ข้อ 1 การที่พิชัย ชุณหวชิร แถลงข่าวยืนยันข้อเท็จจริงต่อสื่อว่า “ผมได้เชิญทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลกมาร่วมประชุม และเห็นว่าทักษิณรู้เรื่องเหล่านี้ดี น่าจะให้ข้อคิดเห็นได้ดี จึงเชิญมาร่วมประชุมด้วย” นั้น จึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบจากข้อเท็จจริงดังกล่าว ในประเด็นที่จะเข้าข่ายมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ หรือไม่

ข้อ 2 มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 14 ข้อ 17 กำหนดว่า ข้อ 8 ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ข้อ 11 ไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม

'พิชัย' เชิญ 'ทักษิณ' ผิดจริยธรรม

ข้อ 3 จากข้อเท็จจริงตามข่าวกับมาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าว กรณีจึงมีเหตุอันควรพิจารณาจากแนวคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีจริยธรรมที่ผ่านมาว่า การกระทำของพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ที่รับว่าเป็นผู้เชิญทักษิณ ชินวัตร มาร่วมประชุมในงานราชการฝ่ายบริหารนั้น จะเข้าข่ายมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ในข้อต่างๆ หรือไม่

ข้อ 4 การกระทำดังกล่าวเป็นการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น จริยธรรมข้อนี้หมายถึง การรักษาชื่อเสียงของตำแหน่งหน้าที่รัฐมนตรี และการไม่ประพฤติปฏิบัติตนหรือดำเนินการอื่นใดที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ และเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของผู้ดำรงตำแหน่งและองค์กรของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ (เทียบเคียงจากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีจริยธรรม)

ข้อ 5 การกระทำดังกล่าวของพิชัย ชุณหวชิร จะเป็นการแสวงหาประโยชน์จากทักษิณ ชินวัตร ซึ่งได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2568 ในงาน 55 ปี NATION ผ่าทางตันประเทศไทย ในทำนองที่ยอมรับว่าเป็นคนสั่งรัฐบาลเองหรือไม่ ทั้งนี้ ขอให้ ป.ป.ช.นำคลิปรายการดังกล่าวที่มีเผยแพร่ทั่วไปมาเป็นหลักฐานด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร ว่าวันที่ 17 ก.ค.นี้ นายทักษิณจะขึ้นเวทีปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤตโลก” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย…สู่อนาคต” ในเวลา 19.45-20.45 น. พร้อมให้สัมภาษณ์พิเศษ เวลา 20.45-21.30 น. ที่ห้องบอลรูม 1-2 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ส่วนวันที่ 19 ก.ค. นายทักษิณจะเดินทางไปยังวัดบ้านไร่ (วัดหลวงพ่อคูณ) ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เพื่อเป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมเททองหล่อส่วนฐานรับองค์หลวงพ่อคูณองค์ใหญ่

ที่จังหวัดตรัง นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีการเจรจากำแพงภาษีสหรัฐอเมริกาที่ไทยได้รับ 36% โดยจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ว่า อยากฝากให้คำนึงถึงผลกระทบต่อสินค้าภาคเกษตรของไทย โดยเฉพาะความกังวลในการเปิดนำเข้าเนื้อโคและสุกรจากสหรัฐเพื่อแลกดีลภาษี เพราะต้นทุนของไทยในส่วนนี้แพงกว่าสหรัฐมาก อีกทั้งสินค้าเหล่านี้ของสหรัฐมีสารเพิ่มเนื้อแดงที่อาจเป็นพิษต่อผู้บริโภค ดังนั้นหากไทยไปแลกในสิ่งเหล่านี้ จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทยแน่ และต้องพิจารณารอบคอบในเรื่องการต่อรองลดภาษีนำเข้าให้สหรัฐ 0% เพราะไทยต่างจากเวียดนามที่ได้ดุลการค้าสหรัฐมาก และไม่กระทบจนยอมเสนอเงื่อนไขภาษีนำเข้า 0% ให้สหรัฐ แต่คิดว่าคณะเจรจารับทราบดีถึงผลกระทบเหล่านี้

"สหรัฐซึ่งเป็นต้นแบบการค้าเสรี แต่การออกมาตรการแบบนี้ออกมาเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งสหรัฐก็เสื่อมเสียเองในเรื่องนี้ อีกทั้ง 36% ที่ให้กับไทย สุดท้ายแล้วประชากรสหรัฐเองจะได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่สูงมหาศาลขึ้นเอง ทั้งที่ไทยมีความสัมพันธ์กับสหรัฐยาวนานกว่าทุกประเทศในเอเชีย สมัยผมเป็นนายกฯ ไปสหรัฐ เขาให้พักบ้านพักผู้นำสูงสุด นายกฯ คนหลังๆ ไปยังขอต่อรองขอพักบ้านที่นายชวนเคยพัก เรามีความสัมพันธ์อันดีงามมาตลอด แต่ในด้านธุรกิจทุกประเทศปกป้องประโยชน์ตัวเอง" นายชวนกล่าว

แนะเปิดตลาดที่แข่งขันได้

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เราไม่ควรเปิดตลาดสินค้าทุกประเภทด้วยอัตราภาษี 0% แบบเวียดนามเพื่อแลกกับการลดภาษีตอบโต้ทางการค้า หากเราต้องการจะทำแบบเวียดนามโมเดล เราก็อาจทำได้ยากภายใต้โครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองของไทย เพราะกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมภายในและกลุ่มแรงงานก็จะกดดันไม่ให้รัฐบาลเปิดตลาด และเรียกร้องให้มีมาตรการปกป้อง

ผอ.DEIIT เสนอไทยโมเดลแก้เกมสงครามภาษี ควรใช้วิธียอมเปิดตลาดสินค้าเฉพาะบางประเภทที่เราพอแข่งขันกับสินค้านำเข้าได้ หรือเป็นสินค้าไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ส่วนสินค้าประเภทที่ยังแข่งขันไม่ได้ ต้องมีมาตรการช่วยเหลือและระบบสนับสนุนให้สามารถแข่งขันได้ดีขึ้น ผลิตภาพสูงขึ้น แล้วจึงค่อยเปิดตลาด การเปิดตลาดสินค้าเกษตรให้สหรัฐ โดยเฉพาะสินค้าที่มีความอ่อนไหวสูงต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังและมีกลยุทธ์ ลดผลกระทบเกษตรกรรายย่อยปลูกข้าวโพดและเลี้ยงปศุสัตว์ที่มีต้นทุนการผลิตสูง รัฐต้องหาวิธีลดต้นทุนให้กับผู้ผลิตเพื่อให้แข่งขันได้จากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ

รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวต่อว่า โดยหลักการแล้วการเปิดเสรีก็จะเพิ่มการแข่งขัน ลดอำนาจผูกขาดของผู้ผลิตภายในได้ กดดันให้ผู้ผลิตต้องปรับตัวเพิ่มผลิตภาพ การเปิดเสรีเพิ่มขึ้นจะโอนย้ายผลประโยชน์จากผู้ผลิตมายังผู้บริโภคมากขึ้น ระยะยาวจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม หากเป็นการเปิดเสรีที่เป็นธรรม การเปิดเสรีอาจสร้างความไม่สมดุลของเศรษฐกิจภายในประเทศได้ หากภาคการผลิตภายในและภาคแรงงานไม่สามารถปรับตัวได้ดีพอ หรืออาจกระทบความมั่นคงทางเศรษฐกิจหากภาคผลิตในบางอุตสาหกรรมไม่สามารถแข่งขันได้เลยและล่มสลายไปทั้งหมด ทำให้ไม่เหลือผู้ผลิตภายในอยู่ ต้องอาศัยการนำเข้าอย่างเดียว เช่นนี้ก็ไม่เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาวเช่นเดียวกัน

"การเปิดตลาดเพิ่มเติมเพื่อแลกกับการลดภาษีของสหรัฐ จึงต้องมีมาตรการมุ่งเป้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเอสเอ็มอีและแรงงานด้วย คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังต่อเนื่องจนถึงปีหน้า หากประเทศเจอกำแพงภาษีในอัตราที่สูงกว่าประเทศคู่แข่งมากๆ อาจทำให้มีเอสเอ็มอีปิดกิจการเพิ่มขึ้นพร้อมกับแรงงานที่อาจถูกปลดออกจากงาน" รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าว

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ครม.ชุดใหม่และภาษีทรัมป์” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,191 คน ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2568 พบว่า ผลงานหรือนโยบายที่อยากเห็นคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เร่งดำเนินการมากที่สุดคือ แก้ปัญหาค่าครองชีพ เศรษฐกิจ ร้อยละ 65.41, ช่วยเหลือภาคการเกษตร ร้อยละ 52.73, แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 50.80, ปฏิรูปและเร่งพัฒนาด้านการศึกษา ร้อยละ 49.12, ปฏิรูประบบราชการให้ทันสมัย ทำงานเร็ว ร้อยละ 48.03

เรื่องที่กังวลเกี่ยวกับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ คือ อาจมีบุคคลที่ประวัติไม่โปร่งใส ความสามารถไม่ตรงกับงาน ร้อยละ 62.97, ความขัดแย้งภายในอาจกระทบเสถียรภาพรัฐบาล ร้อยละ 60.62, เข้าใจปัญหาปากท้องของประชาชน ร้อยละ 57.35

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับ ครม.ชุดที่ผ่านมา คิดว่าการทำงานของ ครม.ชุดใหม่อาจจะแย่กว่า ร้อยละ 41.56 ด้านความเห็นเกี่ยวกับกรณีโดนัล ทรัมป์ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทย 36% คาดว่าจะกระทบเศรษฐกิจไทยอย่างมาก ร้อยละ 50.04 สุดท้ายมองว่ารัฐบาลไทยไม่น่าจะเจรจาแก้ไขปัญหานี้ได้ ร้อยละ 50.63

น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลสำรวจทั้งเรื่อง ครม.ชุดใหม่และภาษีทรัมป์ สะท้อนภาพเดียวกันว่ารัฐบาลยังเผชิญความคาดหวังสูงจากประชาชน โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจซึ่งเป็นความหวังหลัก ขณะเดียวกันก็มีความกังวลต่อคณะรัฐมนตรีและศักยภาพรัฐบาลในการรับมือแรงกดดันจากภายนอกจากกรณีภาษีทรัมป์ที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ความไม่มั่นใจต่อการเจรจาจึงเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

แผนการของอิสราเอลที่จะย้ายชาวกาซาไปยังเขตปิด ก่อให้เกิดกระแสต่อต้าน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘อิ๊งค์’ ทำให้คิดถึง ‘ลุงตู่’

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘ไม่มี’..คือคำตอบ!

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ปิดประตูตีมาร

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

แรงกดดันถาโถม BYD - ผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV ถูกจับตาลดคาร์บอน

ฐานเศรษฐกิจ

อุตุฯ เตือนร่องมรสุมพาดผ่าน ฝนถล่ม 42 จังหวัด คลื่นสูง 2-3 เมตร

ไทยโพสต์

toea.doe.go.th ลงทะเบียนไปทำงานต่างประเทศ กรมการจัดหางาน

ฐานเศรษฐกิจ

ประกาศ! เรื่องสำคัญสำหรับมนุษย์เงินเดือน จากนี้ไปจนถึงปลายปี 2569!!

TOJO NEWS

รอบรั้วการศึกษา (14 ก.ค.68)

สยามรัฐ

"ศาลปกครอง" สั่งคุ้มครองที่ดิน 995 ฉบับ ยกฟ้อง "รฟท." ปมเพิกถอนที่ดินใน "เขากระโดง"

สยามรัฐ

เข้าทาง!กัมพูชาฉวยโอกาสฟ้องโลกกล่าวหาไทย'ยั่วยุ' เหตุนักท่องเที่ยวต่อยทหารเขมร

Manager Online

รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถกระบะ กลางถนนเพชรเกษม ร่างกระเด็นใต้รถตู้ทึบ มีผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิง 1 ราย

สวพ.FM91

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...