แรงกดดันถาโถม BYD - ผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV ถูกจับตาลดคาร์บอน
ผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลกส่วนใหญ่ยังไม่มีเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียน 100% และการลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน ตามรายงานใหม่ของกรีนพีซเอเชียตะวันออก
รายงานฉบับใหม่ของกรีนพีซเอเชียตะวันออกได้ประเมินความพยายามในการลดการปล่อยคาร์บอนของผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่ที่สุดของโลก
เอริน ชอย นักรณรงค์จากกรีนพีซเอเชียตะวันออกกล่าวว่า การใช้ไฟฟ้าและการจัดหาวัตถุดิบดิบเป็นสองปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตแบตเตอรี่ แต่ผู้ผลิตแบตเตอรี่ส่วนใหญ่ยังไม่มีเป้าหมายในด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้าน ความล้มเหลวในการตั้งเป้าหมายเหล่านี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำเอาจริงกับการลดคาร์บอนหรือไม่ เป้าหมายที่เข้มแข็งในการลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานจะเป็นสัญญาณสำคัญถึงซัพพลายเออร์ว่าจำเป็นต้องดำเนินการ”
ภายใต้ระเบียบแบตเตอรี่ของสหภาพยุโรป (EU Battery Regulation) สหภาพยุโรปกำลังเข้มงวดเกณฑ์การปล่อยคาร์บอนสำหรับแบตเตอรี่นำเข้า และกำหนดให้มีความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทานแบตเตอรี่ มาตรการเหล่านี้คาดว่าจะสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อผู้ผลิตแบตเตอรี่ ผลการประเมินของเราชี้ให้เห็นถึงความน่ากังวลว่า ผู้ผลิตแบตเตอรี่ส่วนใหญ่กำลังวางรากฐานที่มั่นคงเพียงพอสำหรับการลดคาร์บอนหรือไม่
ข้อค้นพบสำคัญ
การใช้ไฟฟ้าและการผลิตวัสดุแคโทดเป็นสองแหล่งการปล่อยคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เพื่อที่จะลดการปล่อยคาร์บอน บริษัทต่าง ๆ ต้องเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน และจัดหาวัสดุแคโทดที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ
การผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งคิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของการปล่อยคาร์บอนจากจุดเริ่มต้นถึงประตูโรงงาน (cradle-to-gate CO₂ emissions) ขึ้นอยู่กับความเข้มของคาร์บอนในโครงข่ายไฟฟ้าในพื้นที่เป็นอย่างมาก ผู้ผลิตชั้นนำดำเนินการผลิตในระดับหลายร้อยกิกะวัตต์-ชั่วโมงในประเทศจีนและโปแลนด์ ซึ่งมีความเข้มของคาร์บอนในไฟฟ้ามากกว่า 500 กรัม CO₂ ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ส่งผลให้เกิดการปล่อยคาร์บอนจากกระบวนการผลิตในระดับสูง
CATL, LG Energy Solution และ Panasonic Energy เป็นเพียงสามบริษัทในกลุ่มสิบอันดับแรกที่ได้ตั้งเป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% สำหรับการดำเนินงานของตนเอง และเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน
ส่วนอีกเจ็ดบริษัทที่เหลือ ไม่มีเป้าหมายลดการปล่อยของซัพพลายเออร์, ไม่มีข้อผูกพันต่อพลังงานหมุนเวียน 100% หรือไม่มีทั้งสองอย่าง การไม่มีข้อผูกพันดังกล่าวเปิดช่องให้มีการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้น
กรีนพีซเรียกร้องให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำตั้งเป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2030ผู้ผลิตแบตเตอรี่ต้องเผยแพร่รายงานความคืบหน้าเป็นประจำเกี่ยวกับการใช้พลังงานหมุนเวียน และควรตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการใช้วัสดุรีไซเคิลให้มากขึ้น โดยการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว ผู้ผลิตแบตเตอรี่จะสามารถลดรอยเท้าคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ของตนเอง และยืนยันบทบาทของตนในกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำได้
จากตาราง "An evaluation of plans to address greenhouse gas emissions hotspots in battery production by manufacturers" ซึ่งประเมินแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV รายใหญ่ทั่วโลก โดยเปรียบเทียบ 2 ปัจจัยหลัก คือ การตั้งเป้าหมายใช้ไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ในระดับองค์กร การตั้งเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน
บริษัทที่มีเป้าหมายครบทั้งสองด้าน (100% พลังงานหมุนเวียน และลดคาร์บอนห่วงโซ่อุปทาน)
1. CATL (ส่วนแบ่งตลาด 38.18%)
2. LG Energy Solution (LGES) (12.02%)
3. Panasonic Energy (4.01%)
แม้มีจำนวนบริษัทเพียง 3 ราย แต่ทั้ง 3 รายนี้รวมกันครองตลาดถึง กว่า 54% ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการผลักดันอุตสาหกรรมสู่การลดคาร์บอน หากรักษาแนวทางและสร้างแรงจูงใจต่อซัพพลายเชน
บริษัทที่มีเป้าหมายด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น
Samsung SDI (3.81%) และ SK On (3.11%)
มีเป้าหมายใช้พลังงานหมุนเวียน 100% แต่ไม่มีข้อมูลการลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน
CALB (4.41%) และ **Gotion (3.21%)
ไม่มีข้อมูลเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียน แต่ตั้งเป้าลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน
Sunwoda (2.10%)
มีเป้าหมายใช้พลังงานหมุนเวียน 100% แต่ ไม่มีข้อมูลเป้าหมายด้านซัพพลายเชน
กลุ่มนี้ยังไม่สามารถยืนยันเจตจำนงอย่างชัดเจนในทุกมิติของการลดคาร์บอน แม้จะมีจุดเริ่มต้น
บริษัทที่ไม่มีข้อมูลเป้าหมายทั้งสองด้าน
1. BYD (16.53%)
2. EVE (2.81%)
การที่ BYD ซึ่งเป็นบริษัทอันดับ 2 ตามส่วนแบ่งตลาด ยังไม่มีข้อมูลทั้ง 2 ด้าน ถือว่าน่ากังวล เพราะอาจกลายเป็นจุดอ่อนของทั้งอุตสาหกรรม และกระทบต่อความน่าเชื่อถือด้าน ESG
โดยสรุปแล้ว ผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV รายใหญ่ของโลก ส่วนใหญ่ยังไม่มีแผนหรือเป้าหมายที่ชัดเจนในเรื่องพลังงานสะอาดและห่วงโซ่คาร์บอนต่ำ มีเพียง 3 จาก 10 ราย เท่านั้นที่มีเป้าหมายในทั้งสองมิติ
แม้บริษัทที่มีเป้าหมายครบจะครองส่วนแบ่งตลาดเกินครึ่ง แต่การที่บริษัทใหญ่อีกหลายรายยังไม่มีข้อมูลสะท้อนถึง ความไม่พร้อมของอุตสาหกรรมต่อกฎระเบียบใหม่ของยุโรปและความคาดหวังจากสาธารณะ