แผนการของอิสราเอลที่จะย้ายชาวกาซาไปยังเขตปิด ก่อให้เกิดกระแสต่อต้าน
ควันพวยพุ่งขึ้นทางตะวันออกของกาซาซิตี ใจกลางฉนวนกาซา หลังการโจมตีของอิสราเอล เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ท่ามกลางช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ในความพยายามหาข้อตกลงสงบศึกชั่วคราวเพื่อยุติการสู้รบอันเลวร้ายในฉนวนกาซาที่ดำเนินมานาน 21 เดือน (Photo by Bashar TALEB / AFP)
ข้อเสนอของอิสราเอลที่จะย้ายชาวกาซาไปยังพื้นที่ที่เรียกว่า "เมืองแห่งมนุษยธรรม" ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจจากความรับผิดชอบต่อการทำสงคราม และในกรณีเลวร้ายอาจเป็นก้าวสำคัญในการบีบให้ชาวปาเลสไตน์ต้องออกจากดินแดนของตน
อิสราเอล คาตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลได้เปิดเผยแผนดังกล่าวเป็นครั้งแรกในการแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าว โดยระบุว่าโครงการนี้มุ่งหวังที่จะสร้างเขตปิดทางตอนใต้ของฉนวนกาซาขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้น ในช่วงที่อาจมีการหยุดยิง 60 วันในสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในกาตาร์
คาตซ์กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวในเบื้องต้นจะเป็นที่อยู่อาศัยของผู้พลัดถิ่นจากทางใต้ของฉนวนกาซาประมาณ 600,000 คน และรวมถึงสถานที่แจกจ่ายความช่วยเหลือ 4 แห่งที่บริหารจัดการโดยองค์กรระหว่างประเทศ
และท้ายที่สุด ประชากรพลเรือนทั้งหมดของฉนวนกาซา ซึ่งมีมากกว่า 2 ล้านคน จะถูกย้ายไปอยู่ที่นั่น
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์ได้ตั้งคำถามถึงทั้งความเป็นไปได้และจริยธรรมของแผนนี้ โดยผู้นำฝ่ายค้านของอิสราเอลอ้างถึงค่าใช้จ่ายมหาศาล และผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นถึงการขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ที่จำเป็นต่อการรองรับผู้คนจำนวนมากเช่นนี้
หน่วยงานผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ของสหประชาชาติได้แสดงความกังวลเช่นกันต่อสถานที่ที่ถูกเสนอว่าอาจเป็นเหมือน "ค่ายกักกัน" ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือของสหราชอาณาจักรกล่าวว่าเขาค่อนข้างช็อกกับแนวคิดนี้
"ดินแดนปาเลสไตน์ต้องไม่ถูกลดทอน และพลเรือนต้องสามารถกลับไปยังถิ่นฐานของพวกเขาได้" แฮมิช ฟอลคอนเนอร์ ของสหราชอาณาจักรกล่าว
ทั้งนี้ สงครามเกือบ 21 เดือนได้ทำลายล้างพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซา, ทำให้ประชากรส่วนใหญ่ต้องอพยพ, ก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารและสิ่งจำเป็นอื่นๆ อย่างร้ายแรง และคร่าชีวิตผู้คนไป 58,026 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในกาซา
การโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งเป็นชนวนให้เกิดสงคราม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,219 ราย ตามรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีที่อ้างอิงจากตัวเลขอย่างเป็นทางการ
มีข้อกำหนดจากฝั่งอิสราเอลว่า ผู้ที่เดินทางมาถึงสถานที่ใหม่ที่เสนอนี้จะต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มฮามาส และเมื่อเข้ารับการรักษาแล้ว พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปอีก
คาตซ์กล่าวว่า กองทัพอิสราเอลจะคอยรักษาความปลอดภัย "จากระยะไกล"
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าคำวิจารณ์ต่อแผนดังกล่าวขยายวงกว้างไปถึงหน่วยงานด้านความมั่นคงของอิสราเอลเองด้วย
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เอยัล ซามีร์ ผู้บัญชาการทหารบกของอิสราเอลได้วิพากษ์วิจารณ์ในการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่าข้อเสนอนี้จะเบี่ยงเบนความสนใจจากวัตถุประสงค์หลักสองประการของกองทัพ ได้แก่ การเอาชนะกลุ่มฮามาสและการช่วยเหลือตัวประกันที่ถูกจับตัวไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
สถานีโทรทัศน์ของอิสราเอลเองก็รายงานว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงส่วนใหญ่มองว่าแผนนี้จะเป็นเพียง "เมืองเต็นท์ขนาดยักษ์" และเตือนว่าแผนนี้อาจปูทางไปสู่การกลับคืนสู่การปกครองของทหารอิสราเอลในฉนวนกาซา
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของเบซาเลล สโมทริช และอิทามาร์ เบน กวีร์ รัฐมนตรีฝ่ายขวาจัดของอิสราเอล ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู
ทั้งสโมทริชและเบน กวีร์ สนับสนุนการฟื้นฟูถิ่นฐานชาวยิวในฉนวนกาซา ซึ่งอิสราเอลได้ถอนตัวออกไปฝ่ายเดียวในปี 2005 และเรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซาโดยสมัครใจหลายครั้ง
ค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์ไว้ของโครงการริเริ่มนี้ ซึ่งประเมินไว้ระหว่าง 10,000-20,000 ล้านเชเกลอิสราเอล (3,000-6,000 ล้านดอลลาร์) ยิ่งทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจภายในประเทศมากขึ้น เนื่องจากต้นทุนจากสงครามตลอดสองปีนั้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆและจะไม่มีวันได้กลับคืนมา
อีกด้านหนึ่ง ทางการปาเลสไตน์วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อสิ่งอำนวยความสะดวกที่อิสราเอลเสนอ โดยกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า เมืองแห่งมนุษยธรรมแห่งนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อมนุษยชาติ
มุมมองนี้สอดคล้องกับ UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ซึ่งระบุว่า "แผนดังกล่าวจะสร้างค่ายกักกันขนาดใหญ่ขึ้นที่ชายแดนติดกับอียิปต์โดยพฤตินัย"
เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ผู้หนึ่งซึ่งทราบเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิงที่กำลังดำเนินอยู่ในกาตาร์กล่าวกับเอเอฟพีว่า กลุ่มฮามาสปฏิเสธแผนการที่จะรวมชาวปาเลสไตน์ไว้ในพื้นที่เล็กๆ ทางตอนใต้ โดยมองว่าเป็นการเตรียมการสำหรับการบังคับพวกเขาให้พลัดถิ่นไปยังอียิปต์หรือประเทศอื่นๆ
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งกล่าวหาอิสราเอลว่าก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เตือนว่าการย้ายถิ่นฐานชาวกาซาภายในดินแดนดังกล่าวหรือการเนรเทศพวกเขาออกไปข้างนอกโดยไม่สมัครใจ จะถือเป็นอาชญากรรมสงครามจากการโยกย้ายถิ่นฐานที่ผิดกฎหมาย
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ นักวิชาการด้านกฎหมายระหว่างประเทศของอิสราเอล 16 คน ได้ส่งจดหมายถึงรัฐบาลเพื่อเตือนว่าโครงการนี้อาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม
อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางทหารของอิสราเอลรายหนึ่งเรียกแผนนี้ว่าเป็นหนึ่งในจินตนาการมากมายที่ผู้นำอิสราเอลเสนอ ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับวิถีของสงครามและการขาดทางออกทางการเมือง
เขายังตั้งข้อสังเกตว่าไม่มีโครงสร้างพื้นฐานใดๆ ในพื้นที่ที่เสนอ ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการจัดหาไฟฟ้าและน้ำ เพราะดินแดนนี้มีเพียงทรายและทุ่งนาเท่านั้น
ขณะที่นักวิเคราะห์การเมืองเชื่อว่า สาธารณชนอิสราเอลกำลังสงสัยว่าราคาและผลที่ตามมาของการยึดครองฉนวนกาซาอีกครั้งคืออะไร จากมุมมองทางเศรษฐกิจ, การเมือง และความมั่นคง และถ้าประชาชนเข้าใจไปในทิศทางที่ว่าจุดประสงค์ของสงครามคือการยึดครองฉนวนกาซาอีกครั้ง ความไม่สงบทางสังคมจะเกิดขึ้นมากมายในอิสราเอล.