โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

340 ปี..นับแต่เริ่มติดต่อครั้งแรก ‘ไทย-ฝรั่งเศส’ สัมพันธ์แน่นแฟ้น

เดลินิวส์

อัพเดต 14 กรกฎาคม 2568 เวลา 20.26 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
สารจากนายฌ็อง-โกลด ปวงเบิฟ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสวันชาติฝรั่งเศส และการครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ

เนื่องในโอกาส “วันชาติฝรั่งเศส” วันที่ 14 กรกฎาคม และเนื่องในวาระที่ปี พ.. 2568 นี้เป็นปีครบรอบ “340 ปี การติดต่อครั้งแรกระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส” รวมถึงในปีหน้า พ.. 2569 จะเป็นวาระครบรอบ “170 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-ฝรั่งเศส” ทาง “เดลินิวส์” ได้รับเกียรติจาก นายฌ็อง-โกลด ปวงเบิฟ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ในการเป็นสื่อกลางนำเสนอเรื่องราว “ความสัมพันธ์ ไทย-ฝรั่งเศส” ดังนี้

“…เป็นที่กล่าวกันอยู่เสมอว่า ประเทศไทยและฝรั่งเศสมีสิ่งที่คล้ายคลึงกันหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นขนาดพื้นที่และจำนวนประชากรที่ใกล้เคียงกัน ความหลากหลายทางภูมิประเทศ วิถีชีวิต ตลอดจนเอกลักษณ์ด้านอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทั้งสองประเทศเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่โดดเด่น อีกทั้งธงชาติของทั้งสองประเทศยังมีสีเหมือนกัน ได้แก่ สีน้ำเงิน ขาว และแดง ประเทศของเราทั้งสองต่างภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตน ซึ่งเป็นสินทรัพย์สำคัญในการส่งเสริมอำนาจละมุนหรือซอฟต์พาวเวอร์ และต่างยึดมั่นในการธำรงรักษาไว้ซึ่งเอกราชและอธิปไตยของชาติ

ด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสจึงเกิดขึ้นและเริ่มต้นเมื่อ 340 ปีก่อน ในช่วงเวลาที่ฝรั่งเศสมีเป้าหมายด้านการค้าและศาสนาในสยาม ขณะที่สยามก็มีความประสงค์จะกระชับความสัมพันธ์กับมหาอำนาจในยุโรปเพื่อสร้างดุลอำนาจระหว่างประเทศ และ ในปี พ.. 2568 นี้ ไทยและฝรั่งเศสร่วมรำลึกวาระครบรอบ 340 ปี เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ได้ส่งคณะราชทูตชุดแรกมายังกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในโอกาสนี้ สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ จัดการประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์และอัตลักษณ์ภาพเพื่อเฉลิมฉลองวาระสำคัญดังกล่าว โดยตราสัญลักษณ์ที่ได้รับเลือกสะท้อนถึงการผสมผสานสัญลักษณ์อันทรงคุณค่าของทั้งสองประเทศ อันได้แก่ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารในกรุงเทพมหานคร และหอไอเฟลในกรุงปารีส

แม้บริบททางประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนแปลงไปมากจากช่วงเวลา 340 ปีที่ผ่านมา และความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศก็มีทั้งช่วงเวลาที่ใกล้ชิดและห่างเหิน แต่สิ่งสำคัญคือ ในปัจจุบันความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและฝรั่งเศสมีพลวัตเชิงบวกอย่างยิ่ง โดยแรงผลักดันสำคัญคือการเยือนประเทศไทยของประธานาธิบดี เอมานูว์แอล มาครง

เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 และต่อเนื่องด้วยการเยือนฝรั่งเศสของ นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะนายกรัฐมนตรี ในเดือนมีนาคมและพฤษภาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งนำไปสู่การแสดงเจตจำนงในการยกระดับความสัมพันธ์ ไทย-ฝรั่งเศส สู่ระดับ “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์” ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาความร่วมมือเชิงโครงสร้างในระยะยาวในสาขาหลัก อาทิ การป้องกันประเทศ พลังงาน อวกาศ และโครงสร้างพื้นฐาน

ความร่วมมือระหว่างไทยและฝรั่งเศสตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเกื้อหนุนกันในระดับโลก ทั้งไทยและฝรั่งเศสต่างให้ความสำคัญกับระเบียบระหว่างประเทศที่ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และสนับสนุนระบบพหุภาคีนิยมที่มีประสิทธิภาพและเข้มแข็ง ซึ่งหมายความว่า ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องร่วมมือกันในเวทีพหุภาคีต่าง ๆ เพื่อสร้างกลุ่มพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน ไม่เพียงแต่ในด้านการค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรับมือกับความท้าทายระดับโลก อาทิ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และประเด็นด้านสาธารณสุข

ในระดับภูมิภาค ทั้งสองประเทศต่างต้องการเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เนื่องจากสถานการณ์ในภูมิภาคดังกล่าวส่งผลกระทบต่อทั้งโลก และไทยกับฝรั่งเศสต่างก็มีผลประโยชน์ด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้เป็นอย่างมาก ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจึงดำเนินไปทั้งในระดับทวิภาคี และในบริบทของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ซึ่งฝรั่งเศสดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 รวมทั้งในบริบทของการเสริมสร้างความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

ในด้านเศรษฐกิจ ไทยมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับจุดแข็งของฝรั่งเศสในหลายด้าน เช่น โครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการขนส่งและโลจิสติกส์ การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการลดการปล่อยคาร์บอน รวมถึงนวัตกรรม ปัจจุบันมีบริษัทฝรั่งเศสมากกว่า 300 แห่งที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยบริษัทหลายแห่งที่มีบทบาทสำคัญในสาขาดังกล่าวมีความประสงค์ที่จะขยายความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

รัฐบาลฝรั่งเศสติดตามยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติของรัฐบาลไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งฝรั่งเศสมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ โดยการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงปารีส เมื่อปีที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสสำคัญในการเผยแพร่ซอฟต์พาวเวอร์ของฝรั่งเศสที่สะท้อนทั้งมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าและความคิดสร้างสรรค์ไปทั่วโลก การเปิดอาสนวิหารนอเทรอดาม กรุงปารีส อีกครั้ง ภายหลังการบูรณะเป็นเวลา 5 ปี ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ก็ได้รับความสนใจจากทั่วโลกเช่นกัน

ฝรั่งเศสดำเนินการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ในประเทศไทยผ่านกลไกและสถาบันต่าง ๆ ได้แก่ สมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพ เชียงใหม่ เชียงราย และภูเก็ต โรงเรียนฝรั่งเศสนานาชาติ กรุงเทพ เชียงใหม่ เกาะสมุย พัทยา และภูเก็ต สถาบันวิจัยและพัฒนาของฝรั่งเศสที่มีความเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ศาสนา และสถาปัตยกรรมไทย ตลอดจนด้านสังคมศาสตร์ นอกจากนี้ ยังมีทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาไทยที่ประสงค์ศึกษาต่อ ณ ประเทศฝรั่งเศส

ในบริบทนี้ ฝรั่งเศสมีความประสงค์จะยกระดับการหารือกับประเทศไทยในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายด้านซอฟต์พาวเวอร์

กระผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่พระบรมวงศานุวงศ์ไทยทรงมีพระปรีชาสามารถในการสื่อสารภาษาฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดี และทรงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรมและวิชาการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณส่งเสริมการดำเนินงานของสมาคมฝรั่งเศสและสมาคมครูภาษาฝรั่งเศสแห่งประเทศไทย (สคฝท.) มาอย่างต่อเนื่อง

การเฉลิมฉลองวาระสำคัญทางประวัติศาสตร์ตลอดปีนี้ รวมถึงการรำลึกวาระครบรอบ 170 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-ฝรั่งเศส อย่างเป็นทางการ ในปี พ.. 2569 ถือเป็นโอกาสสำคัญในการริเริ่มกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ อาทิ การตีพิมพ์หนังสือ การจัดนิทรรศการ การแสดง และการสัมมนา ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างไทยและฝรั่งเศสให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น…”.

ทีมวาไรตี้ เดลินิวส์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

“ชาโด้” เปิดใจประเด็นนิ้วจิ้มตา “โมฮาเหม็ด” พร้อมรีแมตช์เคลียร์ให้ชัดเจน

12 นาทีที่แล้ว

‘อนุทิน’ ซัดไม่เป็นขี้ข้าคนขายชาติ-ทวงบุญคุณไร้ ‘ภูมิใจไทย’ ก็ไม่มี ‘นายกฯเพื่อไทย’ ถึง 2 คน

21 นาทีที่แล้ว

SACIT เร่งดันหัตถศิลป์ขึ้นเป็นซอฟต์พาวเวอร์ไทย

26 นาทีที่แล้ว

‘สังฆาทิเสส 13’ มีอะไรบ้าง อาบัติหนักรองจาก ‘ปาราชิก’ โทษถึงขั้น ‘ถอดสมณศักดิ์’

27 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

นายกฯ ออสเตรเลียเซ็ง “ไม่มีที่ไหนในโลกปลอดภัย” หลังเกาะร้างไร้คนมีแต่ ‘เพนกวิน’ ก็ไม่รอดภาษีทรัมป์ 10%

THE STATES TIMES

ทำไม'ทรัมป์'ถึงอยากได้'ทับละมุ'เป็นฐานทัพอเมริกันในไทย? เพราะมันคือ'ไข่มุก'ล้อมจีนที่หายไป

The Better

กัมพูชาเตรียมบังคับเกณฑ์ทหารในปี 2569 อ้างต้องตื่นตัวเพราะขัดแย้งกับไทย

เดลินิวส์

จับตา ‘ไบโอเทคจีน’ แนวรบใหม่ท้าชนสหรัฐ ดัชนีหุ้นกลุ่มนี้พุ่ง 60%

กรุงเทพธุรกิจ

ไขปริศนา แอร์อินเดียตก คร่า 241 ชีวิต โศกนาฏกรรมพิศวงสุดในรอบหลายปี เร่งเช็กพิรุธกัปตัน

Thaiger

“ภาษีทรัมป์” สะเทือนเศรษฐกิจเอเชีย บีบคู่ค้าอ่อนข้อ ชาวมะกันรับกรรมราคาแพง

ฐานเศรษฐกิจ

สงครามกลางเมืองที่มะกันกังวล

สยามรัฐ

ผู้นำไลบีเรียเผย “เป็นเกียรติ” ที่ได้พบทรัมป์ ไม่ติดใจคำถาม “ทำไมเก่งภาษาอังกฤษ”

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...