โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

เปิดกลยุทธ์ลงทุนรับมือ ไฟขัดแย้ง “ไทย-กัมพูชา” เสี่ยงทำเศรษฐกิจเสียหาย 2.8 แสนลบ.

Share2Trade

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว • Share2Trade

ความขัดแย้งระหว่างไทย กัมพูชา ร้อนแรงต่อเนื่อง แม้ฝ่ายไทยได้พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว แต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้เกิดการปะทะตลอดหน้าแนว ทั้งอาวุธปืนเล็ก อาวุธหนัก บริเวณปราสาท และกัมพูชามีการใช้อาวุธปืนยิงแตกอากาศ เข้ามาฝั่งไทย จนถึงขั้นมีพลเรือนไทยเสียชีวิต

เปิดกลยุทธ์ลงทุนรับมือ_S2T (เว็บ)_0.jpg

แน่นนอนว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นประเด็นความมั่นคงของแต่ละฝ่าย แต่หากเข้าไปสำรวจในอีกมิติของ “เศรษฐกิจ” นักลงทุนเคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ความขัดแย้งระหว่างไทย กัมพูชา ที่เกิดขึ้นนี้ มีผลต่อเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างไรบ้าง Share2Trade หาคำตอบมาให้แล้ว

หากไร่เรียงมุมมองของนักวิเคราะห์ชั้นนำของไทย เริ่มกันที่ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีมุมมองเชิงลบต่อสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาข้างต้น ท่ามกลางความกังวลว่าอาจนำไปสู่กรณีที่เลวร้ายที่สุดทางเศรษฐกิจอย่างการปิดกั้นชายแดนอย่างถาวร และคว่ำบาตรทางการค้าระหว่างกัน

โดยมองว่าผลกระทบต่อ SET Index ที่มีแนวโน้มเด่นชัดที่สุด คือ ผลกระทบทางลงต่อหุ้นที่มีการค้าสินค้า/บริการไปยังกัมพูชา รวมถึงหุ้นที่มีการดำเนินธุรกิจในกัมพูชา

ในแง่ความเชื่อมโยงระหว่างกัมพูชากับเศรษฐกิจไทย โดยหลักแล้วพบว่าจะอยู่ที่ด้านการค้าสินค้า/บริการ (การท่องเที่ยว) และแรงงานเป็นหลัก เนื่องจากไทยและกัมพูชามีชายแดนที่ติดกัน จึงมีความเชื่อมโยงในมิติข้างต้น โดยสามารถลงรายละเอียดในมิติต่างๆได้ดังต่อไปนี้

1.การท่องเที่ยว โดยจากข้อมูลในปี 2567 พบว่าไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวกัมพูชา 2.3 แสนคน คิดเป็น 1.6%ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ขณะที่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกัมพูชา เมื่ออ้างอิงจากข้อมูลในปี 2566 พบว่าว่าอยู่ที่ 122 ดอลลาร์/คน/วัน หรือ 4,233 บาท/คน/วัน ซึ่งถือว่าต่ำค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ 131 ดอลลาร์/คน/วัน หรือ 4,549 บาท/คน/วัน

2.การค้าสินค้า จากข้อมูลในปี 2567 พบว่าไทยมีการค้าทวิภาคีกับกัมพูชา 10,450 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 1.7%ของมูลค่าการค้าไทยทั้งหมด เมื่อจำแนกพบว่าเป็นการส่งออก 9,239 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 3.1%ของมูลค่าการส่งออกไทยทั้งหมด และการนำเข้า 1,211 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 0.4%ของมูลค่าการนาเข้าไทยทั้งหมด

จากตัวเลขข้างต้นจะพบว่า โดยหลักแล้วจะเป็นการส่งออกสินค้าจากไทยไปกัมพูชา โดยสินค้าสำคัญที่ส่งออกไป ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ (33.2%ของการส่งออกไปกัมพูชา)น้ำมันสำเร็จรูป (15.7%ของการส่งออกไปกัมพูชา)น้ำตาลทราย (5.1%ของการส่งออกไปกัมพูชา) และเครื่องดื่ม (4.6%ของการส่งออกไปกัมพูชา)

3.แรงงาน จากข้อมูลกระทรวงแรงงานในเดือนพฤษภาคม 2568 พบว่า มีจำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานคงเหลือทั่วราชอาณาจักร 4,080,613 คน (รวมที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จากแรงงานตามมติครม.วันที่ 24 กันยายน 2567 และมติครม.วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568)

โดยในที่นี้ พบว่าเป็นแรงงานกัมพูชา 511,442 คน หรือคิดเป็น 12.5%ของทั้งหมด และเมื่อจำแนกแรงงานกัมพูชาตามประเภทกิจการ (ไม่รวมที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จากแรงงานตามมติครม.วันที่ 24 กันยายน 2567 และมติครม.วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568) พบว่า โดยหลักแล้วจากอยู่ในกิจการก่อสร้าง 160,170 คน กิจการเกษตรและปศุสัตว์ (รวมกิจการต่อเนื่องการเกษตรและปศุสัตว์) 112,720 คน กิจการผลิตหรือจาหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม26,838คน และกิจการค้าส่ง ค้าปลีก แผงลอยในตลาดฯ 26,816 คน

กระทบเศรษฐกิจไทย 2.8 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ในกรณีเลวร้ายที่สุด หากมีการปิดกั้นชายแดนอย่างถาวร และคว่ำบาตรการค้าระหว่างกันทางฝ่าย มองว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มเด่นชัดที่สุด คือ การค้าสินค้าโดยมีแนวโน้มสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยในทางตรงได้ประมาณ 2.8 แสนล้านบาท (อ้างอิงจากข้อมูลในปี 2567) หรือคิดเป็น 1.5%ของ Nominal GDP

ขณะที่ด้านการท่องเที่ยวอาจมิได้มีนัยสำคัญนัก เนื่องจาก นักท่องเที่ยวกัมพูชาคิดเป็นเพียง 1.6% ของจำนวนนักท่องเที่ยวรวมในปี 2567 ประกอบกับการท่องเที่ยวมีน้ำหนักต่อเศรษฐกิจไทยไม่มากนักเมื่อเปรียบการส่งออกสินค้า สะท้อนจากการส่งออกสินค้าของไทยโดยรวมที่คิดเป็น 56.4%ของ Nominal GDPในปี 2567 ส่วนการส่งออกบริการของไทยโดยรวมคิดเป็นเพียง 13.7%

นอกจากนี้ ในด้านตลาดแรงงานทางฝ่ายมองต่อให้เห็นในกรณีเลวร้ายที่สุด ยังเป็นไปได้ยากที่แรงงานกัมพูชาทั้งหมดจะออกจากตลาดแรงงานไทย เนื่องจากตลาดแรงงานกัมพูชา อาจไม่มีตำแหน่งงานรองรับได้อย่างเพียงพอ สอดรับกับการที่กัมพูชาระบุว่า กัมพูชามีตำแหน่งงานว่างนับหมื่น แต่แรงงานกัมพูชาในไทยมีถึงครึ่งล้านตำแหน่ง และหากอิงจากภาพการพัฒนาของเศรษฐกิจแล้ว การทำงานในไทยมีแนวโน้มได้รับค่าจ้างที่สูงกว่าการทำงานในกัมพูชา

เปิดรายชื่อหุ้นมีสัดส่วนรายได้จากกัมพูชา

ส่วนความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองสถานการณ์ตึงเครียดไทย-กัมพูชา อาจเป็น Sentiment ลบอ่อนๆต่อ SET index และหุ้นที่มีสัดส่วนรายได้จากกัมพูชาบ้าง โดยได้รวบรวมหุ้นที่มีธุรกิจในกัมพูชาหรือมีการขายสินค้าและให้บริการกัมพูชา เรียงลำดับจากมากไปน้อย

ดังนี้ 1.SAV 100%, 2.CBG 13%, 3.AEONTS 8% 4. BH 5% 5.CPF BTG 3-4% 6. BDMS 3% 7.SCC 3% 8.NEO ICHI 2-3% 9. OR 2-3% 10. GLOBAL 2% 11.BCH 1.7%

  • SCGD 1.5% 13. HANA 1.4% 14. CPALL CPAXT BJC น้อยกว่า1% 15. MINT CENTEL ERW น้อยกว่า1% และ 16. BBL KBANK SCB น้อยกว่า 1%

เปิดความเสี่ยงหุ้นรายกลุ่ม

ขณะที่ความเห็นนักวิเคราะห์จากบริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มองว่า คาดการณ์ว่าอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทไทยที่มีความเสี่ยงด้านรายได้ในกัมพูชา

1.กลุ่มค้าปลีก - ความเสี่ยงทางการเงินมีจำกัด จำเป็นต้องหาแหล่งสินค้าใหม่

ผู้ค้าปลีกไทยมีความเสี่ยงในกัมพูชาจำกัด โดย CPALL, CPAXT, BJC และ GLOBAL ต่างมีร้านค้าจำนวนน้อย คิดเป็นสัดส่วนตั้งแต่ 1% ถึง 1.7% ของจำนวนร้านค้าทั้งหมด แม้ว่าผลกระทบทางการเงินโดยตรงจะน้อยมาก แต่ความตึงเครียดที่ยังคงดำเนินอยู่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน ซึ่งรวมถึงความจำเป็นที่ แต่ละบริษัทต้องปรับตัวโดยการจัดหาสินค้าภายในประเทศ หรือลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานของไทย

2.อาหารและเครื่องดื่ม - ความเสี่ยงจากการส่งออกสำหรับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มและต้นทุนโลจิสติกส์ที่เพิ่มสูงขึ้น

บริษัทอาหารและเครื่องดื่มมีความเสี่ยงต่อกัมพูชาในระดับที่แตกต่างกัน โดย CBG ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีรายได้ 15% มาจากกัมพูชา และมีแผนที่จะขยายการผลิตในประเทศ ปัญหาการหยุดชะงักบริเวณชายแดนในปัจจุบันทำให้ต้นทุนด้านโลจิสติกส์สูงขึ้น และการสูญเสียรายได้ทั้งหมดอาจทำให้กำไรสุทธิลดลง 26% SNNP ซึ่งมีรายได้ 6% และผลิตในประเทศ อาจมีกำไรลดลง 6.4% ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด CPF ซึ่งมีรายได้ 5% จากอาหารสดที่ไม่มีตราสินค้า ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย ส่วน OSP มีรายได้จากกัมพูชาเพียง 1-2%

3.สื่อ - รายได้ต่ำ ความเสี่ยงจากการหยุดชะงักต่ำ

บริษัทสื่อต่างๆ มีรายได้จากตลาดกัมพูชาเพียงเล็กน้อย MAJOR มีรายได้ประมาณ 5% จากตลาด โดยดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์ 6 แห่ง (33 โรง) ร่วมกับ AEON Mall คิดเป็นเพียง 8% ของตลาดโรงภาพยนตร์ในกัมพูชา ONEE มีรายได้เพียง 1% จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในกัมพูชา ดังนั้น ผลกระทบทางการเงินจากความตึงเครียดที่กำลังดำเนินอยู่จึงคาดว่าจะมีจำกัด

4.อิเล็กทรอนิกส์ - HANA มีความเสี่ยงต่ำ แต่ SVI มีความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์

การดำเนินงานของ HANA ในกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของยอดขายรวม และถือว่าขาดทุน โดยโรงงานที่เกาะกงกำลังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างก่อนการขยายกิจการตามแผนในปี 2568 ในทางตรงกันข้าม SVI เผชิญกับความเสี่ยงที่สูงกว่า โดยโรงงานในกัมพูชามียอดขาย 10% ของยอดขายรวม และมีพื้นที่ให้บริการถึง 25%

5.Healthcare - ความเสี่ยงด้าน downside ต่อการเติบโตของรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ

ความตึงเครียดบริเวณชายแดนก่อให้เกิดความเสี่ยงด้าน downside ต่อรายได้ของโรงพยาบาลจากผู้ป่วยชาวกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานพยาบาลใกล้ชายแดน ซึ่งแตกต่างจากผู้ป่วยในตะวันออกกลาง ผู้ป่วยชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ดังนั้น การหยุดชะงักของสถานทูตน่าจะส่งผลกระทบโดยตรงในวงจำกัด BH มีความเสี่ยงสูงสุดที่ 4% ของรายได้ รองลงมาคือ BDMS (3%) และ BCH (2%) ซึ่งพึ่งพาผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ตามชายแดนมากกว่า PR9 (1.3%) และ CHG (1%) มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยรวมแล้ว BH, BDMS และ BCH อาจได้รับผลกระทบที่คล้ายคลึงกัน ขณะที่ PR9 และ CHG ได้รับผลกระทบน้อยกว่า

6.สายการบิน - ความเสี่ยงด้านปัจจัยการขนส่ง

สายการบินต่างๆ มีความเสี่ยงในระดับปานกลางต่อกัมพูชา โดย AAV และ BA ให้บริการเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ และเมืองต่างๆ ในกัมพูชาวันละสามเที่ยวบิน คิดเป็นประมาณ 1.7% และ 4.6% ของเที่ยวบินทั้งหมดต่อปีตามลำดับ แม้ว่าผลกระทบทางการเงินในปัจจุบันจะยังจำกัด แต่หากความตึงเครียดยืดเยื้อ อาจทำให้ load factor ลดลง ส่งผลต่อความคุ้มค่าของเส้นทางบิน และอาจต้องมีการปรับลดจำนวนเที่ยวบินหรือความถี่ในการให้บริการ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Share2Trade

หอการค้ากระบี่ ผนึก ททท. จัดงาน “กินทุเรียนพื้นบ้าน” กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโลว์ซีซัน

17 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ Share2Trade 29 ก.ค. 2568 (SUPER, AOT, TPCH, WP)

17 ชั่วโมงที่ผ่านมา

บ้านปู ปูอนาคตพลังงาน “เสถียร-สะอาด” เดินเกมรุกธุรกิจกักเก็บพลังงานในประเทศยุทธศาสตร์

17 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ROCTEC : ที่ประชุมผู้ถือหุ้น อนุมัติแก้ไขสัญญาซื้อขาย Hello LED พร้อมจ่ายปันผล 0.0165 บาทต่อหุ้น

18 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความหุ้น การลงทุนอื่น ๆ

ราคาทองวันนี้ (26 ก.ค. 68) ปรับลง 100 บาท ทองรูปพรรณ 52,050 บาท

ประชาชาติธุรกิจ

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดเพิ่ม 208.01 จุด หวังสหรัฐ-อียู ปิดดีลการค้าเร็ว ๆ นี้

The Bangkok Insight

ราคาบิตคอยน์วันนี้ (26 ก.ค. 68) ปรับลง 0.72% อยู่ที่ 117,571 เหรียญสหรัฐ

ประชาชาติธุรกิจ

ราคาทองคำร่วงลงแรง ดอลลาร์แข็งค่า จากความหวังในข้อตกลงการค้า

กรุงเทพธุรกิจ

เช็ก 10 หุ้น SET50 รีบาวนด์แรงในรอบ 1 เดือน

กรุงเทพธุรกิจ

ดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 5 วันรวด

กรุงเทพธุรกิจ

Night Recap Gold Spot 25-07-2568

ฮั่วเซ่งเฮง

สงครามการค้าสหรัฐฯ-ทั่วโลก: 1 ส.ค. เส้นตาย ‘ภาษีทรัมป์’ กับทิศทางทองคำ

ฮั่วเซ่งเฮง

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...