ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 480 จุด รับเงินเฟ้อตามคาด หนุนความหวังเฟดลดดอกเบี้ย
ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 480 จุด รับเงินเฟ้อตามคาด หนุนความหวังเฟดลดดอกเบี้ย
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -13 ส.ค. 68 7:37: น.
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดแดนบวกในวันอังคาร (12 ส.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 483.52 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และดัชนีแนสแดค ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯประจำเดือนก.ค. ออกมาตามคาด และสนับสนุนการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดเพิ่มขึ้น 483.52 จุด หรือ 1.10% ปิดที่ 44,458.61 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 72.31 จุด หรือ 1.13% ปิดที่ 6,445.76 จุด และดัชนีแนสแดค ปิดเพิ่มขึ้น 296.50 จุด หรือ 1.39% ปิดที่ 21,681.90 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่เงินเฟ้อรายปีออกมาต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเรียกร้องให้เฟดปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นปรับตัวลดลง ซึ่งสะท้อนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ส่วนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อิงกับอัตราดอกเบี้ยชี้ให้เห็นว่า บรรดานักลงทุนให้น้ำหนัก 88.8% ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยราว 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.
แคทเธอรีน บอร์เดิลเมย์ (Katherine Bordlemay) จาก Goldman Sachs Asset Management ระบุว่า ข้อมูล CPI ครั้งนี้ เป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้น ถือเป็นข่าวดีที่ทำให้เฟดมีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. มากขึ้น และบ่งชี้ว่าเงินเฟ้ออาจเป็นเพียงภาวะชั่วคราว
ด้านความเคลื่อนไหวหุ้นรายตัว พบว่าหุ้น Alphabet ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% หลัง Perplexity เสนอซื้อธุรกิจเบราว์เซอร์ Chrome เป็นมูลค่า 34,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่หุ้น Intel เพิ่มขึ้น 5.6% หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้พบกับลิป บู-ตัน (Lip-Bu Tan) ซีอีโอบริษัท พร้อมกล่าวแสดงความชื่นชม แม้สัปดาห์ก่อนหน้า ทรัมป์เพิ่งเรียกร้องให้ซีอีโอ Intel ลาออกจากตำแหน่งก็ตาม
ด้านหุ้น Cardinal Health ร่วงลง 7% หลังประกาศซื้อ Solaris บริษัทด้านการดูแลสุขภาพ เป็นมูลค่า 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของกลุ่มเทคโนโลยี ความตึงเครียดทางการค้าที่ผ่อนคลายลง และการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่สหรัฐฯ และจีนขยายมาตรการระงับเก็บภาษีตอบโต้ ออกไปถึงวันที่ 10 พ.ย. รวมไปถึงรายงาน BofA ที่บ่งชี้ว่า กระแสเงินไหลเข้าหุ้นสหรัฐฯ ในสัปดาห์ก่อนหน้า มีปริมาณสูงสุดในรอบ 2 ปี ขณะที่ดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นหุ้นขนาดเล็ก ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 3%
ที่มา Reuters
รายงาน โดย สิริพงศ์ สิริชุมศรี เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ