เจาะลึก Netflix - Uber หุ้นแกร่งไม่หวั่นสงครามการค้า
อัตราภาษีทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้น ครอบคลุมสินค้ามากมายไม่ว่าจะเป็นโลหะ ยา หรือ อาหาร ได้สร้างความกังวลและความปั่นป่วนให้ธุรกิจมากมาย อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก http://Investing.com ได้ชี้เป้า 2 หุ้น ที่มีแนวโน้มจะดำเนินการได้อย่างมั่นคงในช่วงสงครามภาษี เนื่องจากไม่พึ่งพาการนำเข้าหรือโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ
1.Netflix (NFLX)
ในฐานะแพลตฟอร์มสตรีมมิงดิจิทัล ต้นทุนหลักของ NFLX มาจากการผลิตและซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ไม่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้า จึงแทบไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้า
โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นนี้ ยกตัวอย่างเช่น Needham ที่เพิ่งปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นเป็น 1,500 ดอลลาร์ พร้อมคงคำแนะนำ “ซื้อ” หรือ Piper Sandler ที่ปรับเป้าจาก 1,150 ดอลลาร์ เป็น 1,400 ดอลลาร์ โดยเชื่อมั่นในการเติบโตและความสามารถในการตั้งราคาของบริษัท
อย่างไรก็ตาม บางสำนักมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันอาจสะท้อนการเติบโตในอนาคตไปมากแล้ว Seaport จึงปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” โดยระบุว่าราคาหุ้นอาจมี upside ไม่เกิน 10%
2.Uber (UBER)
โมเดลธุรกิจของ UBER เน้นการให้บริการในแต่ละพื้น ซึ่งไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการนำเข้า ดังนั้น จึงมีแนวโน้มจะโดนผลกระทบจากภาษีนำเข้าน้อย อีกทั้งยังใช้โมเดล asset-light ที่ไม่ต้องลงทุนในทรัพย์สินจำนวนมาก ซึ่งช่วยให้ปรับตัวได้ง่ายในภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน
ด้านมุมมองนักวิเคราะห์ Bank of America ให้คำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 115 ดอลลาร์ โดยให้เหตุผลว่า Uber จะได้ประโยชน์จากกฎหมายภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ที่เอื้อต่อรายได้ของคนขับ ขณะเดียวกัน Wells Fargo ก็ปรับเพิ่มเป้าเป็น 120 ดอลลาร์ พร้อมคงน้ำหนักการลงทุนระดับ “Overweight”
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่นักลงทุนต้องติดตามในช่วงหน้าได้แก่ รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของทั้งสองบริษัทที่กำลังจะมีออกมา โดย NFLX จะรายงานในวันที่ 17 กรกฎาคม และ UBER ในวันที่ 5 สิงหาคม ซึ่งอาจเป็นปัจจัยชี้นำต่อแนวโน้มราคาหุ้นในระยะสั้น
นอกจากนี้ ยังควรติดตามการประกาศภาษีรอบใหม่หรือความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการประเมินมูลค่าหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบต่ำจากภาษี
โดยสรุปแล้ว ทั้ง NFLX และ UBER ยังคงอยู่ในจุดแข็งท่ามกลางสงครามการค้า โดย NFLX ได้เปรียบจากโมเดลธุรกิจดิจิทัลที่ขยายสเกลได้ทั่วโลก ส่วน UBER ก็โดดเด่นในด้านการให้บริการภายในประเทศและไม่พึ่งพาการนำเข้า และแม้ NFLX จะเผชิญแรงกดดันจากมูลค่าหุ้นที่สูงอยู่บ้าง แต่ Uber ก็ยังมี upside ระยะสั้นที่น่าสนใจ ทั้งนี้ ผลประกอบการและนโยบายภาษีที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ จะเป็นตัวแปรสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม