โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

บอนด์ยีลด์ร่วง รับสัญญาณนโยบายผ่อนคลายจากผู้ว่าธปท.คนใหม่

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ตลาดเงิน ตลาดทุนคาดการณ์แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ภายใต้การนำของผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คนใหม่ที่จะเข้าดำรงตำแหน่งในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ส่วนหนึ่งสะท้อนผ่านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (Bond Yield) อายุ 2-5 ปี ปรับลดลง 5bp มาอยู่ที่ 1.30% ส่วนอายุ 10 ปี ปรับลด 3bp มาอยู่ที่ 1.50%

โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้น มีแรงซื้อเข้ามาโดดเด่น หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้งผู้ว่าธปท. ทำให้ Bond Yield ตัวสั้นลงมามากกว่าตัวยาว เป็นสัญญาณว่า ตลาดเคลื่อนไหวบนความคาดหวังเรื่องลดดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าเดิม และผลตอบรับดังกล่าวยังสะท้อนผ่านตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยมีแรงซื้อหุ้นไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)หรือ บล.พาย (Pi) เปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ดอกเบี้ยไทยครึ่งปีหลังอยู่ในทิศทาง“ขาลง”ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นผู้ว่าธปท. สาเหตุจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยชะลอตัวจากเหตุการณ์ภาษีทรัมป์ ส่วนเศรษฐกิจไทยจะชะลอลงมากหรือน้อยต้องรอดูว่า “ไทยจะเจออัตราภาษีนำเข้าเท่าไร”

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)

ถ้าอัตราเท่ากับประเทศเพื่อนบ้าน มองว่า ผลกระทบจำกัด โดยอาจเห็นเศรษฐกิจไทยครึ่งหลัง ไม่ติดลบ แต่หากไทยเจอภาษีนำเข้าสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านในอัตราสูง เช่น 25-30% ประมาณการเศรษฐกิจอาจจะถูกปรับมุมมองลง จากเดิมที่ธปท.มอง 2.3% ท้าทายมาก ส่วนสำนักพยากรณ์อื่นๆ ประเมินจีดีพีขยายตัวในระดับกลาง คือ 1.5%

“ไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้ว่าธปท.ดอกเบี้ยไทยอยู่ในเทรนด์ขาลงอย่างน้อยคงจะลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง แต่มุมมองของตลาดคาดหวังคุณวิทัยที่เป็นนายแบงก์มาก่อน เข้าใจสถานการณ์ตรงนี้ดี"

ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า เมื่อมานั่งผู้ว่าธปท.อาจจะมีแนวโน้มในการลดดอกเบี้ยเยอะกว่าคือ 2 ครั้ง แต่ถ้าลด 3 ครั้ง มองว่าเร็วเกินไป เพราะการประชุมรอบหน้า 13 ส.ค.ข้อมูลบางอย่างยังไม่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจไทยจะแย่ อย่างการส่งออกเดือนล่าสุดก็ดีมาก จึงคิดว่า จะไม่มีการลดดอกเบี้ยในเดือนส.ค. แต่เริ่มมีท่าทีมากขึ้นในเดือน 8 ต.ค.และ 17 ธ.ค.

ที่ผ่านมา หากไม่กลัวสถานการณ์จากภาษีทรัมป์มากจนเกินไป จะพบว่า การส่งออกของไทยยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ เพียงแต่ถ้าคนบางส่วนกลัว อาจจะบอกให้ลดดอกเบี้ยนโยบายก่อน แต่พูดยาก เพราะเดือนส.ค.คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังเป็นชุดเดิม

กนง.รอบที่แล้วมติออกมา 6 ต่อ 1 แสดงว่า เสียงส่วนใหญ่มั่นใจว่า ไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ย แต่ตัวแปรแรกที่จะทำให้กนง.ส่วนใหญ่เปลี่ยนมุมมองคือ ไทยจะโดนภาษีนำเข้าสูงเกินคาดหรือสูงกว่าประเทศอื่นๆ อาจลดดอกเบี้ยเดือนส.ค.

อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีนำเข้าหลายประเทศคลายตัว แต่ส่วนตัวยังมองว่า อาจจะยังไม่เจอของจริง (รอบนี้ทั่วโลกโดนภาษีนำเข้าจากสหรัฐถ้วนหน้า ซึ่งยังไม่เคยมีในประวัติศาสตร์โลก)ดังนั้น ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จึงยังไม่สามารถตอบได้ชัด แต่มองว่า เศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังไม่ดี หลายประเทศมองว่า จะแย่ลง ตลาดทุนตลาดเงินย่อมมีความผันผวนมากขึ้น

“ตัวเลขชัดต้องรอดูอัตราภาษีนำเข้าที่แต่ละประเทศจะโดนเรียกเก็บ ซึ่งตีความได้ว่า การค้าโลกเหนื่อยแน่ๆ เพราะเมื่อถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงขึ้น ย่อมกระทบกำลังซื้อในสหรัฐ ซึ่งแนวโน้มจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยหรือเงินเฟ้อที่สูงไม่ปรับลดลงและตลาดปรับมุมมองธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจลดดอกเบี้ยแค่ 1 ครั้งจากเดิมคาดไว้ 2 ครั้ง”

สำหรับเมืองไทย ที่เศรษฐกิจจะแย่ แต่เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ มองไปข้างหน้าไทยยังมีพื้นที่ปรับลดดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 2 ครั้งมากกว่าสหรัฐ แต่ภาพรวมทุกประเทศรวมทั้งไทยเองอาจจะต้องปกป้องตัวเองมากขึ้น ฉะนั้นการค้าของโลกและการค้าของไทยก็จะชะลอลง

ดังนั้นความผันผวนจะมีมากขึ้นตลาดเงินในประเทศดอกเบี้ยอาจจะลงได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ปีหน้าอาจจะเห็นลดดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และพยายามทำให้เงินบาทไม่แข็งค่าจนเกินไป ซึ่งจะส่งผลกดดันการส่งออกไทยให้แย่ลง

นายธนเดชกล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลง ฟากธนาคารพาณิชย์ก็ต้องลดดอกเบี้ยตาม ย่อมกระทบผู้ฝากเงินแน่ ดังนั้น ทางออกสำหรับผู้มีเงินออมคงต้องบริหารการเงิน เช่น แบ่งเงินฝากส่วนหนึ่งเก็บไว้กับธนาคาร อีกส่วนแบ่งซื้อกองทุนตราสารหนี้ /หุ้นกู้บริษัทขนาดใหญ่ที่มีฐานะการเงินมั่นคงมาก เพราะเริ่มเห็นสัญญานหลายบริษัทที่เคยออกหุ้นกู้เจอปัญหาสภาพคล่องโดยเฉพาะที่ระดมทุนแล้ว ไปลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาว จะมีปัญหามาก

ดังนั้น การลงทุนในหุ้นกู้ Investment Grade ไม่พอสำหรับในเมืองไทยเวลานี้ จึงต้องเลือกลงทุนหุ้นกู้เกรดดี บริษัทขนาดใหญ่ที่มีฐานะการเงินมั่นคงมากๆ และลงทุนในทองคำ เน้นกระจายความเสี่ยง ถ้ามีสภาพคล่องพอ แม้ว่า อัตราผลตอบแทนของรัฐบาลไทยที่ปรับลดลงนั้น อย่างน้อยผลตอบแทนยังดีกว่าเงินฝากและเลือกลงทุนระยะกลางในพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 ปี ไม่เกิน 4 ปี ไม่ยาวเกินไป เพื่อให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝาก ส่วนอายุ 5 ปี ส่วนตัวมองยาวเกินไปจะมีความเสี่ยง

สำหรับการส่งผ่านดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่านมานั้น เห็นการปรับลดลงน้อย เพราะเงินฝากออมทรัพย์เหลือน้อยแล้ว ธนาคารเองมีข้อจำกัดในการปรับลดดอกเบี้ยรวมทั้งเงินกู้ ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากอาจจะปรับลดเป็นเทอม โดยจะค่อยๆลด (1 ปี 2 ปี หรือ 3 ปี) ส่วนแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ย ฟากธนาคารพาณิชย์จะเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือปล่อยกู้ตลาดเงิน แม้ผลตอบแทนดอกเบี้ยจะบางมาก แต่ดีกว่าปล่อยกู้ เพราะมีความเสี่ยงจากหนี้เอ็นพีแอล

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,117 วันที่ 27 - 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ชายแดนเดือด! ปะทะไทย-กัมพูชาหลายจุด ทิ้งทวนก่อนบรรลุข้อตกลงหยุดยิง

48 นาทีที่แล้ว

หยุดยิงเที่ยงคืน ! ไทย–กัมพูชาบรรลุดีลกลางอาเซียน ฟื้นสัมพันธ์ทหาร–ตั้งทีมสังเกตการณ์

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“คยปท.” บุกทำเนียบฯ พรุ่งนี้ ร้องแก้ปัญหาราคาปาล์ม ยาง ผวาภาษีทรัมป์ทุบราคาตกต่ำ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์" เผยไทย - กัมพูชา จับมือหยุดยิงลดตึงเครียด

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่นๆ

ททท.ผนึกแอตต้า โรดโชว์ 3 เมืองในจีน ปั้มนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย

ฐานเศรษฐกิจ

"กอบศักดิ์" แนะไทยวางตัวเป็นกลาง จีน-สหรัฐฯ สร้างแต้มต่อ ดึงลงทุนระยะยาว

Khaosod

“ฮุน มาเนต” โพสต์ขอบคุณ “ปธ.อาเซียน-ทรัมป์-จีน” หนุนเจรจาไทย-กัมพูชา

การเงินธนาคาร

ราคาทองวันนี้ (28 ก.ค. 2568) ขึ้นลงตลอดวัน รวมปิดตลาดราคาเท่าสุดสัปดาห์

PPTV HD 36

ททท. ออกคำแนะนำต่างชาติเที่ยว 7 จังหวัดพื้นที่ปะทะ - ย้ำ ไทยเที่ยวได้ปลอดภัย

Khaosod

“ไทย-กัมพูชา” ตกลงหยุดยิงแบบไร้เงื่อนไข มีผลเที่ยงคืนวันนี้ หลังปะทะเดือด 5 วัน

การเงินธนาคาร

สรุป! ผลประชุมพิเศษ “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา” ที่มาเลเซีย 28 ก.ค.68

การเงินธนาคาร

ททท.ยืนยันท่องเที่ยวเมืองไทยปลอดภัย ปลุกความเชื่อม่ันทัวร์จีน

Thairath Money

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...