TFM ฟื้นตัวแรง! ปันผลเด่น 9-12%
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า Thai Union Feedmill (TFM) เป็นผู้ได้ประโยชน์จากขาลงของ Soft Commodity และมีจุดเด่นด้าน เงินปันผลที่น่าสนใจ
ผ่านการปรับประสิทธิภาพภายใน วัฏจักรธุรกิจกลับสู่โหมดการเติบโต
TFM เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสำหรับสัตว์เศรษฐกิจ โดยเน้นกลุ่มอาหารสัตว์น้ำ อาทิ กุ้ง และปลา โดยช่วงปี 2565 ถึงปี 2567 บริษัทเผชิญกับปัจจัยกดดันหลักด้านต้นทุนที่ราคาวัตถุดิบปรับขึ้นจากผลกระทบความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และสภาพภูมิอากาศที่เป็น El-Ninoไม่เอื้อต่อปริมาณผลผลิต ทำให้บริษัทต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตภายใน, ปรับสูตรลดต้นทุน อย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว ประกอบกับความสามารถในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในประเทศ และการขยายตลาดอินโดนีเซีย ทำให้ผลการดำเนินงานปี 2567 อยู่ที่ 535 ล้านบาท เติบโต 540.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เห็นการฟื้นตัวชัดเจนสะท้อนผลลัพธ์กลยุทธ์ของบริษัท
คาดกำไรปี 2568 ถึงปี 2569ทำ New High … ติดตามการเจรจานำเข้าสินค้าเกษตร
ในระยะสั้น เราคาดกำไรปกติในไตรมาส 2/2568 ที่ 156 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 13.3% จากไตรมาสก่อนหน้า และ เพิ่มขึ้น 24.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน) เติบโตจากส่วนแบ่งการตลาดในประเทศที่สูงขึ้น และแนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง
โดยในปี 2568 เราประเมินว่าจะเป็นปีแรกที่เริ่มเห็นผลของราคาต้นทุนวัตถุดิบหลัก อาทิ ข้าวสาลี, กากถั่วเหลืองที่ปรับลดลงตามราคาในตลาดโลก หนุน GPM ของบริษัทให้ปรับขึ้นต่อ
อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ธุรกิจในอินโดนีเซียเผชิญปัญหาโรคระบาดในกุ้งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของรายได้บ้างแต่ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวคลี่คลายแล้ว คาดผลการดำเนินงานในอินโดนีเซียจะกลับมาเติบโตรายปี อีกครั้งตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 เป็นต้นไป
โดยรวมเราประเมินกำไรปกติปี 2568 ที่ 612 ล้านบาท เติบโตต่อ 14.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แม้มีฐานกำไรที่สูงในปี 2567 ก็ยังทำสถิติใหม่ได้ และคาดกำไรปกติปี 2569 จะเติบโตทำ New High ต่อ จากการกลับมารับรู้การขยายธุรกิจในอินโดนีเซียได้ตามปกติหลังโรคระบาดกุ้งคลี่คลาย และคาดจะรับรู้ราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับลดลงได้ชัดเจนมากขึ้นประกอบกับติดตามผลการเจรจาภาษีระหว่างไทย-สหรัฐฯ หากเปิดให้นำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เข้ามาเพิ่มเติมอาจเป็น Upside (ปัจจัยบวกเพิ่มเติม) ต่อแนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบของ TFM
ราคาปัจจุบันคาดหวังอัตราเงินปันผลได้ 9 ถึง 12%… เริ่มต้นให้คำแนะนำ “ซื้อ”
เรามีมุมมองบวกต่อ TFM จากการกลับเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นของธุรกิจ ทั้งในด้านการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศหนุนการเติบโตของรายได้ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 1.0 หมื่นล้านบาทภายในปี 2030 หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยที่ 11% ต่อปี ขณะที่ฝั่งต้นทุนได้ผลบวกโดยตรงจากราคา Soft Commodity โลก ที่เป็นต้นทุนหลักของบริษัท (วัตถุดิบหลักคิดเป็น 80% ของ COGS) อยู่ในแนวโน้มขาลง
เราใช้ PER ที่ 8.35 เท่าในการประเมินมูลค่า ซึ่งยังเป็นระดับที่ Conservative กว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีตและค่าเฉลี่ยของบริษัทคู่แข่งในอุตสาหกรรม ได้ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2569 ที่ 6.00 บาทเริ่มต้นให้คำแนะนำ “ซื้อ” และราคาหุ้นปัจจุบันคาดหวังเงินปันผลกรณีฐาน(Base Case) ได้สูงที่ 9 ถึง10% สำหรับปี 2568 ถึงปี 2569 ตามลาดับและกรณีดีที่สุด (Best Case) ที่ 12 ถึง 14% (Payout Ratio ที่ 100% เหมือนในปี 2567) มองเป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว 1 ถึง 3 ปี
สรุป
- แนะนำ “ซื้อ”
- ราคาเป้าหมายในอีก 12 เดือน อยู่ที่ 00 บาท
- คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในประมาณการปี 2568 อยู่ที่ 612 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 535ล้านบาทในปี 2567