“สมศักดิ์” สั่ง สธ.ลงพื้นที่ด่วน ช่วยเหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี
30 ก.ค. – “สมศักดิ์” สั่ง สธ.ลงพื้นที่ด่วน ช่วยเหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี ให้กรมอนามัยเร่งตรวจสารปนเปื้อน-ทีม MCATT เร่งเยียวยาสภาพจิตใจ เผยผู้บาดเจ็บ 2 ราย เข้ารักษา รพ.เจ้าพระยายมราช พบบาดแผลไฟไหม้ 67.5% ของร่างกาย เสียใจเกิดเหตุซ้ำ หลังเคยนั่งหัวโต๊ะขณะเป็นรองนายกฯ แก้ปัญหาระยะยาวให้แล้ว จี้ตั้งกรรมการสอบ ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนตามแนวทางที่วางไว้หรือไม่
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเหตุพลุระเบิดในพื้นที่ ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยภายหลังเกิดเหตุ ตนได้สั่งการอย่างเร่งด่วน ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบแล้ว ซึ่งขณะนี้ นพ.รัฐพล เวทสรณสุธี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย ทีม MCATT จำนวน 8 คน ทีมแพทย์ฉุกเฉินพยาบาล รพ.เจ้าพระยายมราช จำนวน 8 คน ทีมนิติเวช จำนวน 5 คน และรถ รพ. Standby จำนวน 3 คัน ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบแล้ว โดยผู้บาดเจ็บ 2 ราย เบื้องต้นเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ซึ่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน (ER) คือ นางนันทนา พันธ์ซาว อายุ 44 ปี มีบาดแผลไฟไหม้ ร้อยละ 67.5 ของร่างกาย ขณะนี้ใส่ท่อช่วยหายใจ อยู่ระหว่างการดูแลรักษาในห้องฉุกเฉิน และนายชุมพล พันธ์ซาว อายุ 39 ปี มีภาวะวิตกกังวล ได้รับการประเมินและให้ยาคลายความวิตกกังวลแล้ว ขณะนี้พักรักษาอยู่ที่ห้องฉุกเฉินเช่นกัน
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนยังได้สั่งการให้กรมอนามัย ลงพื้นที่ตรวจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนในบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะสารปนเปื้อนจากเคมีทั้งในแหล่งน้ำ หรือ ในดิน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมถึงให้ทีม MCATT เร่งประเมินสภาพจิตใจผู้ได้รับผลกระทบ ครอบครัวผู้เสียชีวิต และประชาชนในบริเวณใกล้เคียงเป็นการเร่งด่วน เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อด้านจิตใจเป็นอย่างมาก และจากเหตุที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากขณะตนดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้เกิดเหตุโรงงานพลุระเบิด ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 18 ม.ค.67 ก็ได้มีการประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้วางแนวทางการแก้ปัญหาในระยะยาวไว้ทั้งหมดแล้ว แต่ไม่ได้มีการปฎิบัติอย่างเต็มที่หรือไม่ ถึงยังมีการเกิดเหตุซ้ำในจังหวัดเดียวกันอีก
“ขณะนั้น ได้มีการแก้ประกาศ 5 กระทรวงหลัก คือ กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงแรงงาน เพื่อเพิ่มการควบคุมให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น เช่น ให้มีเขตกันชนระหว่างโรงงาน กับพื้นที่โดยรอบ อาทิ กำแพง คูน้ำ คันดิน โดยเป็นที่น่าเสียใจ ผมได้ประชุมวางหลักเกณฑ์การดูแลความปลอดภัยทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังเกิดเหตุอีก ก็อาจควรมีการตั้งกรรมการสอบว่า ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการตามแนวทางที่ได้วางไว้หรือไม่” รมว.สาธารณสุข กล่าว.-420-สำนักข่าวไทย