ถอนร่างพ.ร.บ.กาสิโน ไฟเขียวถก‘กม.นิรโทษ’
วิปรัฐบาลไฟเขียวร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข จ่อเข้าสภาคิวแรกพุธนี้ แต่ไม่รับร่างนิรโทษกรรมของ “ชัยธวัช-ภาค ปชช.” เหตุมีเรื่อง ม.112-ทุจริต "ปธ.วิปรัฐบาล" ประกาศ 9 ก.ค.นี้ถอน "ร่างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ออกจากสภาแน่ พร้อมดันนิรโทษพิจารณาต่อ ด้าน กมธ.กาสิโน สว.รายงานต่อที่ประชุม ชี้การพนันไม่ช่วยขับเคลื่อน ศก. เสี่ยงเป็นแหล่งบ่มเพาะอาชญากร "จรัญ" ชี้ส่อขัด รธน.ชัดเจน ยก 4 มาตราค้ำคอ
ที่รัฐสภา วันที่ 7 กรกฎาคม นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ได้มีมติรับร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่เสนอโดยนายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรค รทสช. และร่างของนายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม (กธ.) โดยทั้ง 2 ร่างนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความปรองดองกับผู้ที่มีมูลเหตุความผิดจากการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งจะไม่รวมคดีที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอาญา มาตรา 112 และการทุจริตคอร์รัปชัน
ทั้งนี้ ในการพิจารณาจะใช้ร่างของพรรค รทสช.เป็นร่างหลัก และในวันพุธที่ 9 ก.ค.นี้จะมีการเลื่อนร่างดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาก่อน พร้อมกับร่างอีก 3 ฉบับ ได้แก่ร่างของนายปรีดาและร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอีก 2 ฉบับ
นายอัครเดชกล่าวว่า ส่วนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่นายชัยธวัช ตุลาธน อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตเลขาธิการพรรคก้าวไกลเป็นผู้เสนอ กับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนที่เสนอโดยภาคประชาชนนั้น วิปรัฐบาลมีมติไม่รับทั้ง 2 ร่างดังกล่าว เนื่องจากมีการนิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112
เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายระบุว่าการนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข เช่นยกเว้นมาตรา 112 จะไม่สร้างความปรองดองได้จริง นายอัครเดชกล่าวว่า ยืนยันว่าความปรองดองต้องเกิดขึ้น เพราะคดีมาตรา 112 มีน้อยมาก เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับคดีที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองทั้งหมด เทียบกันไม่ได้
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรว่า ตนขอประกาศว่าในวันที่ 9 ก.ค.นี้ถอนแน่นอน ใครจะมาชุมนุม ไม่ต้องมา ร้อนเปล่าๆ กลับไปนอนตีพุง เราคุยกันในพรรคแล้ว ย้ำว่าไม่ได้ถอนเพราะกลัวอะไร เนื่องจากที่ผ่านมา ตนได้บอกให้ทุกคนทำความเข้าใจกับประชาชนแล้วให้สิ้นกระแสความถึงให้ถอนออกไปก่อน ไม่เป็นไรไม่ได้เสียหน้า อะไร ที่ใครยังติดอกติดใจรัฐบาลก็รับฟังอยู่แล้ว จึงยังไม่อยากให้เข้าตอนนี้
ส่วนในอนาคตจะมีการนำกลับเข้ามาอีกหรือไม่ นายวิสุทธิ์ระบุว่า ในอนาคตยังพูดไม่ได้ ขนาด พ.ร.บ.เสริมสร้างสังคมสันติสุข เรื่องนิรโทษกรรม เมื่อหลายปีก่อนก็โดนรุมเยอะ วันนี้ไม่เห็นใครว่าอะไร การนิรโทษกรรมเรามองว่าใครกลับเนื้อกลับตัวก็เข้ามาทำงานร่วมกันได้ ไม่มีปัญหา ควรอภัยต่อกัน ประเทศชาติบ้านเมืองต้องการความรักความสามัคคี จึงต้องนำกฎหมายนิรโทษกรรมเข้า จะได้ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้
"จะได้เห็น มีหลายคนที่พูดอยากให้ถอนมาหลายเดือน แล้วเดี๋ยววันที่ 9 ก.ค.ดูกันว่าที่อยากให้ถอน ถ้าคุณไม่ขวางก็ถอนได้ง่ายๆ ปากกับใจนักการเมืองควรจะตรงกัน พูดอย่างไรก็รับผิดชอบ ในอดีตไปลองเปิดคลิปดูได้ว่า เมื่อก่อนที่คุณพูดอยากให้ถอน เวลาผมจะถอนคุณอย่าขวางแล้วกัน" นายวิสุทธิ์กล่าว
วันเดียวกัน ในการประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 1 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม วาระรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร หรือ Entertainment Complex วุฒิสภา
โดย นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวรายงานว่า กรรมาธิการฯ ได้ดำเนินการพิจารณาศึกษาอย่างรอบด้าน มีข้อสังเกตและความเห็นในเบื้องต้นแบ่งเป็น 3 ด้านสำคัญ แต่ละด้านมีข้อย่อยที่สะท้อนถึงข้อพิรุธหรือความไม่ชัดเจน และควรติดตามตรวจสอบพิจารณาอย่างต่อเนื่องต่อไป 1.ด้านเศรษฐกิจ พบว่ากิจกรรมการพนันไม่ใช่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะเป็นการโอนเงิน อุตสาหกรรมกาสิโนมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะขาลง และถูกแทนที่ด้วยการพนันออนไลน์ คาดการณ์รายได้จากผู้เล่นคนไทยสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาทนั้นเกินจริง 2.ด้านสังคมและด้านอื่นๆ พบว่าการติดการพนันเป็นโรคชนิดหนึ่งที่มีผลกระทบอย่างรุนแรง กาสิโนยังเป็นแหล่งบ่มเพาะอาชญากรรมที่ซับซ้อนขึ้น ควรทำประชาพิจารณ์และถามประชามติให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจสุดท้าย 3.ด้านกฎหมาย พบว่าร่างกฎหมายดังกล่าวมีแนวโน้มขัดต่อหลักนิติธรรม หน้าที่ของรัฐ และแนวนโยบายแห่งรัฐ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หมวดที่ 5 และ 6
ด้าน ศ.พิเศษ จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะกรรมาธิการฯ อภิปรายในประเด็นผลกระทบด้านกฎหมาย เมื่อร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่กำหนดให้การเปิดกาสิโนชอบด้วยกฎหมายจะเกิดปัญหา เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรค 2 ระบุว่า การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา ครม. ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐทั้งหมด ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามหลักนิติธรรม คือธรรมะของกฎหมาย เป็นการเชิดชูหลักสุจริต เป็นปฏิปักษ์ต่อพฤติกรรมทุจริตประพฤติมิชอบ รวมถึงมาตรฐานทางจริยธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐทั้งระบบ และหลักนิติธรรมยังได้คำนึงเข้าไปคุ้มครองถึงศีลธรรมอันดีของพี่น้องประชาชน
ในหมวดที่ 5 ของรัฐธรรมนูญยังได้บัญญัติว่า รัฐต้องมีหน้าที่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน มาตรา 58 ระบุว่า รัฐจะกระทำกิจการใด หรืออนุญาตให้บุคคล คณะบุคคลใด ดำเนินการที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน และชุมชน หรือสิ่งแวดล้อม จะต้องมีการทำประเมินเรื่องผลกระทบทางสุขภาพ ก่อนจะดำเนินการได้
เช่นเดียวกับมาตรา 63 บัญญัติว่า รัฐมีหน้าที่ต้องสร้างกลไก มาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อมโยงกับช่องโหว่ว่า หากมีสถานบันเทิงที่มีกาสิโนขึ้น จะเปิดช่องให้มีการทุจริตประพฤติมิชอบมากกว่าสถานประกอบธุรกิจอื่นๆ จึงควรต้องมีมาตรการหรือกลไกเพื่อป้องกันปราบปรามการทุจริตให้เข้มข้น แต่ในร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ หาได้มีมาตรการเหล่านั้นให้เราเห็นเลย
ศ.พิเศษ จรัญยังกล่าวถึงมาตรา 65 ในหมวดแนวนโยบายแห่งรัฐ ได้บัญญัติไว้ว่า รัฐพึงจะให้มียุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้การพัฒนาประเทศเป็นไปได้อย่างยั่งยืน โดยใช้กระบวนวิธีการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล และในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนั้น จะเห็นได้ชัดเจนว่า การพัฒนาประเทศจะยั่งยืนต้องเชื่อมโยงกับมาตรฐานทางจริยธรรม สำนึกในจริยธรรมอันดี และไม่ปรากฏในประเทศอื่น คือ หลักเศรษฐกิจพอเพียง
“กาสิโนเป็นแหล่งหาเงิน หาทรัพย์สมบัติ ที่ไม่พอเพียง เต็มไปด้วยความสุ่มเสี่ยงนานัปการ ด้วยเหตุของบทบัญญัติรัฐธรรมนูญไทย 4 มาตราดังกล่าว จึงเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน” ศ.พิเศษ จรัญกล่าวทิ้งท้าย
ก่อนที่ นพ.วีระพันธ์จะกล่าวสรุปการเสนอรายงานว่า การศึกษาของกรรมาธิการฯ ยังไม่จบ แค่ศึกษามาถึงตรงนี้ ก็พบแล้วว่า ยังมีข้อพิรุธและความสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง กรรมาธิการฯ ยังมีระยะเวลาเหลือ ต้องการทำให้ครบ แม้จะได้ยินว่ารัฐบาลเตรียมจะถอนร่างนี้ออกไป แต่ต้องรอดูวันที่ 8 ก.ค.ก่อน เพราะเอาอะไรแน่นอนไม่ได้ เรายืนยันว่า จะศึกษาต่อไปให้ครบรอบด้าน.