อวสานการตลาดแบบเดาสุ่ม! 'EGG Digital' เปลี่ยน 'คนเห็น' เป็นลูกค้า
ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและคาดเดาได้ยาก EGG Digital (เอ้ก ดิจิทัล) ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งสำคัญให้กับวงการการตลาด ด้วยการเปิดตัวแนวคิดใหม่ “Everyday Touchpoint Attention to Conversion” ซึ่งเป็นเครื่องมือทรงพลังสำหรับแบรนด์ในการเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง และที่สำคัญคือการสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม
โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังครั้งใหญ่ของเครือข่ายสื่อในชีวิตประจำวันเข้ากับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ล้ำสมัย เพื่อเปลี่ยนทุกการมองเห็นให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจ
จาก "แค่เห็น" สู่ "การลงมือทำ" พลังของรีเทลมีเดียเน็ตเวิร์กที่พิสูจน์แล้ว
ชัชพล องนิธิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Media Convergence บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า ความท้าทายของนักการตลาดในปัจจุบันคือผู้บริโภคคาดหวังประสบการณ์ที่เฉพาะตัวและตอบสนองได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งทำให้ "รีเทลมีเดียเน็ตเวิร์ก" ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวด
เอ้ก ดิจิทัล พบข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจว่า การใช้รีเทลมีเดียเน็ตเวิร์กแบบ Omnichannel ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล สามารถเปลี่ยน "ผู้เห็นโฆษณา" ให้กลายเป็น "ผู้ซื้อ" ได้ในอัตราส่วนเพียง 8 ต่อ 1 เทียบกับโฆษณาทั่วไปที่ต้องใช้คนเห็นถึง 66 คนกว่าจะเกิดการซื้อ 1 ครั้ง ตัวเลขนี้สะท้อนถึง "พลังแห่งความสนใจ" (Power of Attention) ที่สื่อรีเทลมีเดียสามารถสร้างขึ้นได้เมื่อทำงานร่วมกับสื่ออื่นอย่างแม่นยำ แนวโน้มนี้ยังได้รับการยืนยันจากผลสำรวจของ Nielsen ที่ระบุว่านักการตลาดทั่วโลกกว่า 65 เปอร์เซ็นต์ และในเอเชียสูงถึง 68 เปอร์เซ็นต์ มองว่ารีเทลมีเดียเน็ตเวิร์กคือหัวใจสำคัญของการตลาดในอนาคต
ถอดรหัส 3 กลยุทธ์ ขับเคลื่อนแนวคิด "Everyday Touchpoint Attention to Conversion"
เอ้ก ดิจิทัล ได้วาง 3 กลยุทธ์หลักเพื่อทำให้แนวคิดนี้เกิดขึ้นได้จริงและสร้างผลกระทบสูงสุดให้กับแบรนด์
1. การขยายเครือข่ายทัชพอยท์ที่วัดผลได้ (Measurable Touchpoints Expansion) กลยุทธ์แรกคือการสร้างอาณาจักรสื่อที่ทรงพลังและครอบคลุมที่สุด โดยเอ้ก ดิจิทัล ได้ขยายเครือข่ายสื่อโฆษณาจากเดิมที่มีในโลตัสไปยังแม็คโคร ทำให้ก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการรีเทลมีเดียเน็ตเวิร์กที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สามารถเข้าถึงประชากรได้มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ทุกทัชพอยท์เหล่านี้ถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเชิงลึกที่สามารถวัดผลได้จริง นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาพื้นที่โฆษณาให้เป็นเครื่องมืออัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AR, AI และระบบ Robotic เพื่อสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
2. ปัญญาประดิษฐ์สื่ออัตโนมัติ (Autonomous Media Intelligence) หัวใจสำคัญของกลยุทธ์นี้คือ "MediaFusion" ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนด้วย EGG AI Agent (Agentic AI) และดาต้าเชิงลึกแบบ 720 องศา เทคโนโลยีนี้ช่วยให้แบรนด์และมีเดียเอเจนซีสามารถวางกลยุทธ์สื่อได้รวดเร็วกว่าเดิมถึง 5 เท่า สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตรงใจ และสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ถูกคน ถูกที่ และถูกเวลาอย่างแม่นยำ ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนี้ได้รับการยืนยันจากความร่วมมือกับ Meta ซึ่งนายเมธิศร์ มุกดาสิริ Head of Industry ของ Facebook ประเทศไทย กล่าวว่า การที่ EGG Digital ใช้ประโยชน์จาก Conversions API และ Omnichannel Ads ของ Meta สามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการโฆษณา (ROAS) ได้สูงถึง 61 เปอร์เซ็นต์
3. สร้างผลกระทบเต็ม Funnel แบบ Phygital (Phygital Full-Funnel Impact) เอ้ก ดิจิทัล กำลังยกระดับบทบาทของรีเทลมีเดียจากการเป็นเพียงสื่อ ณ จุดขาย ไปสู่เครื่องมือที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีความหมายตลอดเส้นทาง กลยุทธ์นี้มุ่งเปลี่ยนการรับรู้ (Awareness) ให้กลายเป็นความสนใจ (Attention) ที่นำไปสู่การกระทำ (Conversion) และสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว (Loyalty) การผสานพลังของช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคไม่เพียงแต่จะสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจ แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เม็ดเงินโฆษณาได้มากกว่า 61 เปอร์เซ็นต์ และลดงบประมาณที่สูญเปล่าอีกด้วย
โอกาสใหม่สำหรับทุกอุตสาหกรรม
ชัชพลกล่าวย้ำว่า บริการรีเทลมีเดียเน็ตเวิร์กของเอ้ก ดิจิทัล ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มธุรกิจ FMCG ที่มีสินค้าจำหน่ายในโลตัสและแม็คโครเท่านั้น แต่ยังพร้อมรองรับทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์ การเงิน ประกัน สุขภาพ และความงาม “เราเชื่อว่าพลัง ‘Attention’ ของรีเทลมีเดียเน็ตเวิร์กที่ถูกวางไว้อย่างแม่นยำ จะสามารถสร้างอิมแพคให้กับแบรนด์ เปลี่ยน ‘ความสนใจที่นำไปสู่การลงมือทำ’ และวัดผลได้จริง” ชัชพล กล่าวทิ้งท้าย