อานิสงส์ ฮุน เซน ทำ กองทัพไทย ได้ กริพเพน-เรือดำนำ เพิ่ม
จากกรณี เมื่อช่วงเวลา 12.50 น. วันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติงบประมาณให้กองทัพอากาศไทย (RTAF) ดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีหลากบทบาทแบบ Saab JAS 39 Gripen E/F ในเฟสแรก จำนวน 4 ลำ
โดยโครงการดังกล่าวมีวงเงินรวม 19,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่า 4,875 ล้านบาทต่อเครื่อง ซึ่งการอนุมัติครั้งนี้ถือเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้กับกองทัพอากาศไทยให้มีความทันสมัยและมีศักยภาพในการป้องกันประเทศเพิ่มมากขึ้น
ล่าสุด นายนพนันท์ อรุณวงศ์ ณ อยุธยา นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านจีนศึกษา ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Noppanan Arunvongse Na Ayudhaya ระบุว่า เสียดาย Shopee ส่งของช้า กว่าจะได้รับของก็อีกหลายปี แต่ก็ยังดีกว่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อไปเรื่อยๆ ขอบคุณฮุนเซ็นที่ช่วยทำให้นักการเมืองไทยและคนไทยทุกภาคส่วนเข้าใจความสำคัญของอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างถ่องแท้ ขอให้รักษาชีวิตให้ดี หากรอบหน้าหลายปียังมีอีกจะได้ตื่นเต้นไม่จืดชืดกับรสขาติเดิมๆ
นอกจากนี้ เจ้าของโพสต์ดังกล่าว ยังได้โพสต์เพิ่มเติมอีกด้วยว่า วันนี้ ครม. อนุมัติแก้ไขสัญญา เรือดำน้ำ เปลี่ยนใช้เครื่องยนต์จีนแทนเครื่องยนต์เยอรมันที่ไม่ยอมขายให้ ไทยเป็นชาติที่ 2 ในเอเชียที่มีเรือดำน้ำ เรามีเรือดำน้ำก่อนจีนเสียอีก แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเรือดำน้ำทั้ง 4 ลำของเราถูกปลดระวาง เราก็ไม่เคยมีเรือดำน้ำอีกเลย แต่เรายังมีกองเรือดำน้ำ ฝึกกันในฝันและจินตนาการมาตลอด 70 ปี อีก 3-5 ปีข้างหน้า เมื่อรวมเรือดำน้ำกับ Gripen ฝูงใหม่และเรือฟริเกตใหม่อีก 2 ลำ กองทัพไทยอันดับ 25 ของโลกในปัจจุบันน่าจะขยับอันดับขึ้นไปอยู่ใน Top 20 ขณะที่กองทัพเขมรก็ยังคงอยู่ในอันดับ 90+ เหมือนเดิม รู้ไว้ด้วยนะฮุนเซ็น