โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

เอกชนฟาดการเมือง ทุบเศรษฐกิจซํ้าซาก จับตาจีดีพี Q4 อ่วม หนุนยุบสภาสู่โหมดเลือกตั้ง

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

การเมืองไทยถึงจุดเปลี่ยนผ่านอีกครั้ง หลัง “แพทองธาร ชินวัตร”ต้องหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และส่งผลให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) กลายเป็นรัฐมนตรีรักษาการ เส้นทางการเมือง ณ เวลานี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่มีหลายฉากทัศน์ที่ผู้คนจับตา เช่น การจับขั้วการเมืองเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อไปสู่การฟอร์ม ครม.ชุดใหม่ ขึ้นมาบริหารประเทศต่อไปอีกเกือบ 2 ปีนับจากนี้ และอีกทางหนึ่งที่กำลังเป็นกระแสหนาหูคือ “การยุบสภา” เพื่อนำสู่โหมดการเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งไม่ว่าจะออกทางใด จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในหลากหลายมิติ

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซียไซรัส จำกัด(มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แม้จะเกิดสุญญากาศทางการเมืองแต่เศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้ 2.0% ตามที่สภาพัฒน์ประเมิน เพราะการยุบสภาแล้วมีการเลือกตั้งใหม่ จะทำให้กำลังซื้อหรือการใช้จ่ายครัวเรือนจะกลับมา การลงทุนภาครัฐส่วนใหญ่ 90% เป็นงบผูกพันอยู่แล้ว ซึ่งการเลือกตั้งใหม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม การมีรัฐบาลเฉพาะกาล 4 เดือน(กรณีรับเงื่อนไขของพรรคประชาชนรัฐบาลใหม่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน) มีโอกาสยืดเยื้อได้อีก 1 เดือนหรือ 3 เดือน ทำได้ทางเทคนิค แต่เสี่ยงชนขั้นตอนการจัดทำงบประมาณและการเลือกตั้ง รัฐบาลจะต้องอยู่ในโหมด “รักษาการ” เร็วขึ้น และต้องพึ่งงบฯปีเก่าไปพลางก่อน โครงการใหม่หยุด ชะลอเบิกจ่ายลงทุนบางส่วน

เชียร์ยุบสภา-เลือกตั้งใหม่

เช่นเดียวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชั่วคราวและเป้าหมายสูงสุดนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ในภาพรวมคือการสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกฝ่าย ได้รัฐบาลที่ดีมาแก้ปัญหาเรื่องใหญ่ ๆ อย่างยั่งยืน ได้แก่ 1.เรื่องคนสำคัญมาก ควรเป็น “รัฐบาลแห่งความเชื่อมั่น” คือเลือกแต่คนมีความสามารถ เป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์ทำงานจริง มาจากภาครัฐหรือเอกชนก็ได้ แต่ต้องเป็นที่ยอมรับและเป็นกลาง ไม่ใช่การแบ่งเก้าอี้ทางการเมือง

2.ต้องการเห็นทีมเศรษฐกิจ มืออาชีพเพิ่มเติม ที่คัดจากความสามารถ มาแก้ปัญหาตรงจุด ปฏิรูปภาษีให้เป็นธรรม เช่น ภาษีลาภลอย ภาษีชาวต่างชาติที่ซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ ปรับการศึกษาให้ตรงกับงานในอนาคต ดึงนักลงทุนต่างชาติ และพัฒนาระบบโลจิสติกส์กับดิจิทัลของประเทศ

ทั้งนี้หากยุบสภาไม่ได้และต้องมีรัฐบาลชั่วคราวมองว่า เวลา 4 เดือนน่าจะพอแล้วถ้าทำงานจริง เน้นแค่ 3 งานหลัก คือ รักษาเศรษฐกิจให้มั่นคงในระยะสั้น แก้กฎหมายเลือกตั้งให้ดีขึ้น และอย่าไปสร้างโครงการใหญ่ๆ ที่จะไปผูกมัดรัฐบาลหน้า

3.นโยบายเร่งด่วนที่ควรทำทันที แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาให้ชัดเจน ทั้งเจรจาและจัดการแนวชายแดน รวมถึงการแก้แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและเรื่องที่อยู่อาศัยอย่างจริงจัง และที่สำคัญคือต้องสื่อสารกับประชาชนและนักลงทุนให้ชัดเจน โปร่งใส จะได้กลับมามั่นใจเร็วๆ

หนุนสู่โหมดเลือกตั้ง

สอดคล้องกับนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย สะท้อนว่าควรเลือกตั้งใหม่ให้เร็วที่สุด เพื่อได้รัฐบาลใหม่ที่เป็นที่ยอมรับและเชื่อมั่นของประชาชนผ่านการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ โดยต้องแก้ไขปัญหาใหญ่ทางการเมืองเรื่องฮั้ว สว. ให้ชัดเจนก่อนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่ทางการเมืองในอนาคตและการใช้อำนาจขององค์กรอิสระ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่กติกาการเลือกตั้งใหม่ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ควรปรับเขตการเลือกตั้งให้ขนาดใหญ่ขึ้น เช่น เป็นกลุ่มจังหวัด เพื่อป้องกันการซื้อเสียง

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ CEO กลุ่มบริษัท efrastructure Group ผู้บุกเบิกวงการอีคอมเมิร์ซ และนักลงทุนธุรกิจ Startup กล่าวว่า รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจะมีมีอายุการทำงาน 3-4 เดือน แล้วยุบสภา โดยการเมืองและเศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสู่ในช่วงสุญญากาศ ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ ในฐานะภาคธุรกิจเอกชน มองว่าเศรษฐกิจหลังจากนี้ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งต้องกัดฟันรอรัฐบาลใหม่ ใน 3-4 เดือนข้างหน้า

ห่วงกระทบเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวปลายปี

นายกวี สระกวี นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย กล่าวว่า ประเด็นการเมืองในกรณีที่อาจมีการยุบสภานั้น ยอมรับว่าความเสถียรภาพทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในช่วง 2 เดือนข้างหน้าที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังเข้าสู่ฤดูกาลไฮซีซัน หากเกิดสุญญากาศทางการเมืองและต้องมีรัฐบาลรักษาการ อาจทำให้การสื่อสารกับผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวขาดความชัดเจน ส่งผลกระทบต่อแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคกลางคืนและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว

“ถ้าธันวาคมนี้ภาคอุตสาหกรรมยังไม่เห็นความชัดเจน วิธีการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวยังไม่เป็นรูปธรรม ก็จะทำให้การทำงานลำบากขึ้น ทั้งที่เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ” นายกวีกล่าว

จีดีพีไทยโตได้แค่ 1.8%

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน กล่าวว่า หากมีรัฐบาลเฉพาะกาลหรือรัฐบาลชั่วคราวบริหารประเทศ 4 เดือนก่อนยุบสภา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย หรือพรรคภูมิใจไทย เศรษฐกิจไทยปีนี้จะช้ำพอๆ กัน เพราะช่วงเวลาที่เหลือก่อนยุบนักการเมืองไม่มีจิตใจที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะมุ่งเตรียมความพร้อมเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งครั้งใหม่ เพื่อชิงความได้เปรียบเป็นหลัก

“ภายใต้ฉากทัศน์รัฐบาลเฉพาะกาล 4 เดือนคาดจะส่งผลกระทบทำให้จีดีพีไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ประมาณ 1.2-1.8% โดยจีดีพีในไตรมาสที่ 4 จะได้รับผลกระทบมากที่สุด จากการบริโภค การส่งออก และการลงทุน ชะลอตัว”

4 เดือนไม่พอกระตุ้นเศรษฐกิจ

ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ต้องเป็นไปตามกรอบรัฐธรรมนูญ และกรอบกติกาที่มีอยู่ ทั้งนี้ประเทศไทยถืออยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหม่ ซึ่งเป็นความท้าทายมาก ท่ามกลางหลากหลายปัญหาที่รัฐบาลต้องเข้ามาบริหารจัดการ เช่น การเจรจาในรายละเอียดการเปิดตลาดสินค้ากับสหรัฐ การแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา การจัดการอุทกภัยและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การช่วยเหลือ SMEs รวมถึงการประสานการทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ดีหากรัฐบาลชุดใหม่ ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน มองว่าเป็นระยะเวลาสั้นเกินไป ทำอะไรไม่ได้มาก โดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่อาจทำได้คือมาตรการเฉพาะหน้า เช่น การอัดฉีดเงินหรือกระตุ้นการท่องเที่ยว ดังนั้นการมีรัฐบาลที่อยู่ต่อในระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้สามารถดำเนินนโยบายเชิงโครงสร้างได้อย่างต่อเนื่อง

จี้รัฐบาลใหม่ฟื้นเชื่อมั่น-คุมต้นทุนการผลิต

นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ควบคุมต้นทุนการผลิต และบริหารประเทศอย่างโปร่งใสเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนและประชาชน ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีควรประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ มีวิสัยทัศน์ และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ไม่ใช่ของพรรคหรือกลุ่มใด โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณต้องตรงเป้าหมายและโปร่งใส

นอกจากนี้ สรท.เสนอให้รัฐบาลควบคุมต้นทุนสำคัญ เช่น ค่าแรง พลังงาน ค่าไฟ และอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อไม่ให้ไทยเสียเปรียบด้านการแข่งขัน พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs และที่สำคัญรัฐบาลต้องส่งสัญญาณชัดเจนถึงการไม่ยอมรับการทุจริต เพื่อหยุดต้นทุนแฝงในระบบเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ

เร่งอัดฉีด 1 แสนล้าน ฟื้นเศรษฐกิจ

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ระบุว่า รัฐบาลใหม่ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แรงกดดันจากนโยบายสหรัฐฯ และการแข่งขันกับมหาอำนาจ ซึ่งต้องอาศัยทีมเศรษฐกิจที่มีความสามารถ ไม่ใช่มือใหม่

ทั้งนี้ภายใน 4 เดือน รัฐบาลต้องมีมาตรการชัดเจน โดยเฉพาะการอัดฉีดงบประมาณ 1 แสนล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเสนอให้ลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อพยุงการเติบโตที่ต่ำกว่า 1% และรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้แข็งเกินไป อีกประเด็นสำคัญคือการดูแลผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ผ่านการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าภายในประเทศ (เมดอินไทยแลนด์) อย่างน้อย 40% ของงบประมาณ รวมถึงการอัดฉีดงบเพิ่มเติม 4-8 แสนล้านบาทผ่าน ธ.ก.ส. เพื่อเป็นทุนหมุนเวียน

นอกจากนี้ยังเสนอให้เร่งใช้งบสนับสนุนกระทรวงท่องเที่ยวฯ และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและขยายตลาดส่งออก โดยตั้งเป้าให้เห็นผลใน 4 เดือน พร้อมเน้นบทบาทของ EEC ที่ไทยมีความพร้อมอยู่แล้ว เพื่อรองรับเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ ควบคู่กับการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียวและดิจิทัลในภูมิภาค

รัฐบาลใหม่ต้องมืออาชีพกล้าปฏิรูป

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า หากยุบสภาในช่วงนี้และรัฐบาลรักษาการไปอีกประมาณ 2 เดือน อาจกระทบการใช้งบประมาณปี 2569 และการเจรจาระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเวทีสำคัญอย่าง APEC 2025 ซึ่งต้องการรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการดำเนินนโยบายและดึงการลงทุนจากต่างชาติในช่วงที่เศรษฐกิจไทยเปราะบาง

อย่างไรก็ตาม หากเดินหน้าตั้งนายกฯ และรัฐบาลใหม่ได้ทัน ควรเร่งสร้างความเชื่อมั่นแก่ภาคประชาชนและนักลงทุน พร้อมเร่งรัดการบริหารงบประมาณให้โปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล และใช้ทีมเศรษฐกิจที่มีประสบการณ์จริง ทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะสั้น กลาง และยาว ที่ตอบโจทย์ภาวะโลกและเป็นที่ยอมรับในเวทีสากล

เชียร์ยุบสภาได้รัฐบาลใหม่เร็ว

ด้านนายกิตติ พรศิวะกิจ นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย กล่าวว่า กรณียุบสภาเลย อาจเป็นทางออกที่ดีที่จะได้รัฐบาลใหม่เร็วขึ้น และสามารถวางแผนระยะยะยาวได้ ทั้งนี้รัฐบาลใหม่ควรตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ที่มีคนเก่งคนดีในกระทรวงสำคัญ พร้อมวางระบบ Dashboard และทีมที่ปรึกษาหลายเจเนอเรชัน

“ระยะเวลาที่เหมาะสมของรัฐบาลควรจะอยูที่ 6-12 เดือนก่อนยุบสภา เพื่อให้เกิดผลในเชิงปฏิบัติ หากมีอายุ 4 เดือนอาจจะเกิดปัญหารัฐบาลและข้าราชการเกียร์ว่าง เสียเวลาประเทศ"

ขณะที่นโยบายเร่งด่วน 7 ข้อที่ควรผลักดันทันที ได้แก่

1.แก้วิกฤตความขัดแย้งไทย-กัมพูชาให้เร็ว ผ่านทุกช่องทาง

2.แก้ปัญหาเศรษฐกิจตั้งแต่รากหญ้าถึงองค์กรใหญ่ ด้วยกองทุนเฉพาะด้าน

3.ทบทวนการใช้งบประมาณ 157,000 ล้านบาท ให้คุ้มค่าสูงสุด

4.ปราบคอร์รัปชันอย่างเข้มงวดโดยเปิดให้ประชาชนร่วมตรวจสอบ

5.ดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่เมืองรอง พร้อมพัฒนาผู้ประกอบการ

6.ส่งเสริมเศรษฐกิจยั่งยืน ดิจิทัล และสุขภาพ เพื่อแข่งในเวทีโลก

และ 7.วางแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

สหรัฐฯ ตัดงบ USAID ซ้ำเติมอัฟกานิสถาน รับมือแผ่นดินไหวชะงัก

22 นาทีที่แล้ว

WMO ชี้สัญญาณลานีญาหวนคืน กระทบสภาพอากาศโลก เริ่มกันยายน

26 นาทีที่แล้ว

ดาวโจนส์ปิดลบ 249.07 จุด นักลงทุนกังวลมาตรการภาษีทรัมป์

32 นาทีที่แล้ว

แรงงาน GenZ ส่อวิกฤต เริ่มขาดแคลนหันทำอาชีพอิสระ เมินทำงานประจำ

58 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

แรงงาน GenZ ส่อวิกฤต เริ่มขาดแคลนหันทำอาชีพอิสระ เมินทำงานประจำ

ฐานเศรษฐกิจ

อุตุฯ เตือน 37 จังหวัด รับมือฝนตกหนัก กทม.โดนเต็มๆ ร้อยละ 70 ของพื้นที่

TOP NEWS ONLINE

ทหารแพทย์โรงพยาบาลสนาม หลอกฉีดวัคซีนปลอมให้กำลังพลกว่า 200 นาย

THE ROOM 44 CHANNEL

พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 3 กันยายน 2568 กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง

สวพ.FM91

สรรพากรรีดภาษี 10 เดือน พลาด 1 หมื่นล้าน โค้งสุดท้ายปีงบ 68 ท้าทาย

ฐานเศรษฐกิจ

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 2 กันยายน 2568

สวพ.FM91

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...