กต. ยื่นหลักฐาน ‘กัมพูชา’ ใช้ทุ่นระเบิดในการประชุมคณะเล็กอนุสัญญาออตตาวา หวังโลกร่วมกดดัน
วันนี้ (22 ส.ค. 68) ในการแถลงข่าวประเด็นที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทยวางรั้วลวดหนามในพื้นที่บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นการละเมิดพื้นที่อธิปไตยของฝ่ายกัมพูชา โดยกระทรวงการต่างประเทศ
นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจจ์ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ชี้แจงกรณีที่ในวันนี้จะมีการประชุม Committee on Cooperative Compliance ภายใต้กลไกอนุสัญญาออตตาวา ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ว่า ขณะนี้เรากำลังรอคำตอบอยู่กับการดำเนินการที่เกิดขึ้นที่เจนีวา ภายใต้กลไกของอนุสัญญาออตตาวา ผ่านเลขาธิการสหประชาชาติ โดยได้แจ้งการกระทำของฝ่ายกัมพูชา ที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง ซึ่งไทยได้ดำเนินการไปแล้ว และรอการตรวจสอบจากเจนีวา
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าวันนี้มีการประชุม ในกรอบของคณะกรรมการ Committee on Cooperative Compliance ภายใต้กลไกอนุสัญญาออตตาวาจริง โดยนางสาวอุศณา พีรานนท์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา จะเข้าร่วมการประชุมด้วย แต่เนื่องจากข้อแตกต่างของเวลาที่ประเทศไทยและกรุงเจนีวา จึงคาดว่าการประชุมดังกล่าวน่าจะยังไม่เริ่ม หรือเพิ่งเริ่มต้นขึ้น หากมีความคืบหน้า จะรีบแจ้งให้ทราบโดยเร็ว โดยในวันนี้จะมีการยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมในการประชุมดังกล่าวด้วย เพื่อเป็นการบังคับให้รัฐภาคี ดำเนินการตามอนุสัญญา
ส่วนการที่รัฐบาลไทยนำคณะทูตลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้รับทราบและประจักษ์พยานหลักฐานเกี่ยวกับการวางทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชา จะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมครั้งนี้ด้วยหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ดังกล่าวทูตหลายท่านได้แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถ้าความคิดเห็นเหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับทุ่นระเบิด และอนุสัญญาออตตาวา ความคิดเห็นเหล่านั้นก็จะไม่เกี่ยวข้องนำเข้าที่ประชุม
ขอย้ำว่า ความคิดเห็นของคณะทูตที่มีการให้สัมภาษณ์สื่อ โดยเฉพาะในประเด็นที่ประเทศไทยเป็นผู้ถูกกระทำนั้น ถือเป็นผลดีต่อประเทศไทยอย่างแน่นอน และแสดงให้เห็นชัดเจนว่า สิ่งที่ไทยได้พูดและนำเสนอนั้นเป็นความจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญต่อไทย ในการได้รับการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ ในการยืนยันสิ่งที่เราพูดเป็นความจริง อีกทั้งเป็นการกดดันฝ่ายกัมพูชาให้ดำเนินการตามสิ่งที่ถูกต้อง
เมื่อถามว่าพอมีการประท้วงไปแล้วฝั่งเขามีการตอบกลับมาอย่างไรบ้าง นายเบญจมินทร์ กล่าวว่า มีหลายจุด เราก็มีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีและนิ่งเฉย เราก็คงต้องปฏิบัติตามหลักการอันเป็นสากล คือ แสดงจุดยืนและท่าทีของเราให้ชัดเจนว่า จุดใดที่เราเห็นว่าเขาล่วงล้ำเข้ามา เราก็ต้องทำการประท้วง และแน่นอนการประท้วงของเราก็ไม่ได้ทำโดยไม่มีฐานทางกฎหมาย เพราะใน MOU 2543 ก็พูดชัดเจนว่า ไม่ควรจะมาทำให้พื้นที่ที่ยังไม่ชัดเจน ไปเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ ก็เป็นข้อห้ามที่ชัดเจนอยู่แล้วในข้อตกลง