โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ตลาดอาหารแช่แข็งไทยทะลุ 3.6 หมื่นล้าน ไทยยูเนี่ยนตั้งเป้าโกย 5 พันล้าน

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เดินหน้าสร้างการเติบโตของกลุ่มธุรกิจกุ้งและอาหารแช่แข็ง โดย นายธนโชติ บุญมีโชติ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจกุ้ง ประกาศเป้าหมายการเติบโตสู่ 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2028 หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท จากยอดขายปัจจุบัน 4,000 ล้านบาท พร้อมเปิดแผนลงทุนขยายฐานการผลิตและกระจายความเสี่ยงสู่ตลาดใหม่ทั่วโลก หลังได้รับอานิสงส์จากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่เอื้อต่อการส่งออก โดยมองว่านี่เป็นโอกาสสำคัญในการทวงคืนส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งในภูมิภาค

ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจกุ้งของไทยยูเนี่ยนฯ มีโรงงานผลิตรวม 8 แห่ง แบ่งเป็น 3 แห่งในประเทศอินเดีย และ 5 แห่งในประเทศไทย โดยในไทยมีโรงงานผลิตกุ้ง 3 แห่ง โรงงานแซลมอน 1 แห่ง และโรงงานอาหารสำเร็จรูป (Culinary) 1 แห่ง ซึ่งผลิตสินค้าพร้อมทานหลากหลายประเภท เช่น ข้าวกล่อง ซาลาเปา และพายต่างๆ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจน้องใหม่อย่างกลุ่มธุรกิจสแน็กที่ส่งออกไปยังเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน

อย่างไรก็ตามมูลค่าตลาดาหารแช่แข็งมีมูลค่าว่า 36,000 ล้านบาท ซึ่งไทยยูเนี่ยมมีรายได้จากในแต่ต่างประเทศราว 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 10,000 ล้าน ตลาดในไทยราว 4,000 ล้าน สำหรับสัดส่วนยอดขายในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 4,000 ล้านบาทนั้น 60% มาจากผลิตภัณฑ์กุ้ง รองลงมาคือ แซลมอนและอาหารพร้อมทานในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยตลาดหลักยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ตามด้วยตลาดในประเทศและญี่ปุ่น

นายธนโชติระบุว่า การเติบโตตามเป้าที่วางไว้จะมาจาก 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

  • สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage): ไทยยูเนี่ยนฯ มีฐานลูกค้าทั่วโลก ทั้งในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป และจีน ทำให้มีความเข้าใจเทรนด์ตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ซึ่งจะนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ
  • ความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับลูกค้า (Strong Relationship): บริษัทไม่ได้เป็นเพียงผู้ขาย แต่เป็น “คู่คิด” ที่ทำงานร่วมกับลูกค้าในรูปแบบพาร์ทเนอร์ชิป โดยมีทีมวิจัยและพัฒนากว่า 60 คน ที่คอยพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้า
  • นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (Product Innovation): บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มสินค้าใหม่เข้าสู่พอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนที่จะมีสัดส่วนยอดขายจากสินค้าใหม่ประมาณ 10% ของยอดขายรวม
  • การตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability): บริษัทเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของกุ้งได้ตั้งแต่ฟาร์มต้นน้ำจนถึงผลิตภัณฑ์สุดท้าย ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าต่างชาติ

เกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่ปรับลดภาษีนำเข้าจากไทย นายธนโชติกล่าวว่า บริษัทมองเป็นปัจจัยบวก เพราะทำให้ประเทศไทยมี "แต้มต่อ" ในการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค และเป็นโอกาสสำคัญในการทวงคืนส่วนแบ่งตลาดกุ้งส่งออกในสหรัฐฯ จากเดิมที่เคยเป็นผู้นำแต่ต้องเสียส่วนแบ่งไปเนื่องจากราคาและปัจจัยการแข่งขันอื่นๆ ที่สูงขึ้น

ในอดีตประเทศไทยเคยเป็นผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่ที่สุดไปยังสหรัฐฯ แต่ปัจจุบันสัดส่วนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม นโยบายภาษีใหม่นี้ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสในการกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง

แผนการลงทุนและการขยายแบรนด์ "คิวเฟรช"

นายธนโชติกล่าวเสริมว่า ธุรกิจของไทยยูเนี่ยนฯ ไม่ได้มีเพียงการผลิตและส่งออกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการขยายตลาดในประเทศ โดยเน้นการสร้างแบรนด์ "คิวเฟรช" ซึ่งตั้งเป้าจะเติบโตจากยอดขาย 300 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท ภายใน 3 ปี โดยปัจจุบันแบรนด์คิวเฟรชเน้นการทำตลาดในช่องทางโมเดิร์นเทรดและฟู้ดเซอร์วิสเป็นหลัก และกำลังเพิ่มช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น

"กลยุทธ์ของเราจะมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ทันกับเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งการปรับตัวอย่างรวดเร็วนับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมนี้"

นางสาวพนิตตา มิ่งสูงเนิน ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด แบรนด์คิวเฟรช กล่าวว่า “คิวเฟรชตั้งเป้าหมายการเติบโตภายใน 3 ปี จาก 300 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท ภายในปี 2571 นอกจากนี้ยังเร่งเครื่องขยายช่องทางจำน่ายไปยังกลุ่มร้านอาหารเชนใหญ่มากมาย อาทิ MK สุกี้ตี๋น้อย โบนัสกี้ และแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมาย โดยใช้ 3 กลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนการเติบโต ได้แก่ Customer Centricity หรือการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกจากการวิจัยตลาด

และการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคมาเป็นพื้นฐานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Customer Segment Expansion การขยายฐานลูกค้า โดยใช้ดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเสียงสะท้อนของผู้บริโภคได้แบบเรียลไทม์ และ Strategic Partnership & Co-Innovation หรือการสร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อตอบรับเทรนด์การบริโภคที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ภาครัฐ-เอกชน ขานรับ ‘เศรษฐกิจสุขภาพ’ ดันประเทศไทยฮับ ATMPs

28 นาทีที่แล้ว

ราคาน้ำมันวันนี้2568 (22 ส.ค. 68) บางจาก ปตท.ปรับขึ้น 40 สตางค์

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่นๆ

เงินบำนาญข้าราชการ เดือนสิงหาคม 2568 เข้าบัญชี 22 ส.ค. 68

sanook.com

รองนายกฯ “ภูมิธรรม” นั่งหัวโต๊ะประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5 ติดตามความคืบหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท

สวพ.FM91

บอร์ดรฟท.รับทราบร่างแก้ไขสัญญา”ไฮสปีด” หลัง’อัยการ’ตรวจแล้วมีความเห็น 18 ประเด็น “ซี.พี.เร่งชี้แจงเอง

Manager Online

บอร์ด กพช. เคาะแนวทางการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ขยายอายุโรงไฟฟ้าน้ำพอง – ลดค่าไฟบ้านอยู่อาศัย - ยกเลิกแผนแยก SO

VoiceTV

4 STEP ผ่อนบ้าน ผสานเทคนิคให้ถึงฝัน

TNN ช่อง16

เคาะแนวทางรับซื้อไฟพลังงานหมุนเวียน จี้เจรจาเอกชนลดราคาสะท้อนต้นทุน

The Better

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...