ตลาดอาหารแช่แข็งไทยทะลุ 3.6 หมื่นล้าน ไทยยูเนี่ยนตั้งเป้าโกย 5 พันล้าน
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เดินหน้าสร้างการเติบโตของกลุ่มธุรกิจกุ้งและอาหารแช่แข็ง โดย นายธนโชติ บุญมีโชติ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจกุ้ง ประกาศเป้าหมายการเติบโตสู่ 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2028 หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท จากยอดขายปัจจุบัน 4,000 ล้านบาท พร้อมเปิดแผนลงทุนขยายฐานการผลิตและกระจายความเสี่ยงสู่ตลาดใหม่ทั่วโลก หลังได้รับอานิสงส์จากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่เอื้อต่อการส่งออก โดยมองว่านี่เป็นโอกาสสำคัญในการทวงคืนส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งในภูมิภาค
ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจกุ้งของไทยยูเนี่ยนฯ มีโรงงานผลิตรวม 8 แห่ง แบ่งเป็น 3 แห่งในประเทศอินเดีย และ 5 แห่งในประเทศไทย โดยในไทยมีโรงงานผลิตกุ้ง 3 แห่ง โรงงานแซลมอน 1 แห่ง และโรงงานอาหารสำเร็จรูป (Culinary) 1 แห่ง ซึ่งผลิตสินค้าพร้อมทานหลากหลายประเภท เช่น ข้าวกล่อง ซาลาเปา และพายต่างๆ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจน้องใหม่อย่างกลุ่มธุรกิจสแน็กที่ส่งออกไปยังเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน
อย่างไรก็ตามมูลค่าตลาดาหารแช่แข็งมีมูลค่าว่า 36,000 ล้านบาท ซึ่งไทยยูเนี่ยมมีรายได้จากในแต่ต่างประเทศราว 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 10,000 ล้าน ตลาดในไทยราว 4,000 ล้าน สำหรับสัดส่วนยอดขายในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 4,000 ล้านบาทนั้น 60% มาจากผลิตภัณฑ์กุ้ง รองลงมาคือ แซลมอนและอาหารพร้อมทานในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยตลาดหลักยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ตามด้วยตลาดในประเทศและญี่ปุ่น
นายธนโชติระบุว่า การเติบโตตามเป้าที่วางไว้จะมาจาก 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
- สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage): ไทยยูเนี่ยนฯ มีฐานลูกค้าทั่วโลก ทั้งในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป และจีน ทำให้มีความเข้าใจเทรนด์ตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ซึ่งจะนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ
- ความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับลูกค้า (Strong Relationship): บริษัทไม่ได้เป็นเพียงผู้ขาย แต่เป็น “คู่คิด” ที่ทำงานร่วมกับลูกค้าในรูปแบบพาร์ทเนอร์ชิป โดยมีทีมวิจัยและพัฒนากว่า 60 คน ที่คอยพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้า
- นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (Product Innovation): บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มสินค้าใหม่เข้าสู่พอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนที่จะมีสัดส่วนยอดขายจากสินค้าใหม่ประมาณ 10% ของยอดขายรวม
- การตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability): บริษัทเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของกุ้งได้ตั้งแต่ฟาร์มต้นน้ำจนถึงผลิตภัณฑ์สุดท้าย ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าต่างชาติ
เกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่ปรับลดภาษีนำเข้าจากไทย นายธนโชติกล่าวว่า บริษัทมองเป็นปัจจัยบวก เพราะทำให้ประเทศไทยมี "แต้มต่อ" ในการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค และเป็นโอกาสสำคัญในการทวงคืนส่วนแบ่งตลาดกุ้งส่งออกในสหรัฐฯ จากเดิมที่เคยเป็นผู้นำแต่ต้องเสียส่วนแบ่งไปเนื่องจากราคาและปัจจัยการแข่งขันอื่นๆ ที่สูงขึ้น
ในอดีตประเทศไทยเคยเป็นผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่ที่สุดไปยังสหรัฐฯ แต่ปัจจุบันสัดส่วนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม นโยบายภาษีใหม่นี้ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสในการกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง
แผนการลงทุนและการขยายแบรนด์ "คิวเฟรช"
นายธนโชติกล่าวเสริมว่า ธุรกิจของไทยยูเนี่ยนฯ ไม่ได้มีเพียงการผลิตและส่งออกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการขยายตลาดในประเทศ โดยเน้นการสร้างแบรนด์ "คิวเฟรช" ซึ่งตั้งเป้าจะเติบโตจากยอดขาย 300 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท ภายใน 3 ปี โดยปัจจุบันแบรนด์คิวเฟรชเน้นการทำตลาดในช่องทางโมเดิร์นเทรดและฟู้ดเซอร์วิสเป็นหลัก และกำลังเพิ่มช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น
"กลยุทธ์ของเราจะมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ทันกับเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งการปรับตัวอย่างรวดเร็วนับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมนี้"
นางสาวพนิตตา มิ่งสูงเนิน ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด แบรนด์คิวเฟรช กล่าวว่า “คิวเฟรชตั้งเป้าหมายการเติบโตภายใน 3 ปี จาก 300 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท ภายในปี 2571 นอกจากนี้ยังเร่งเครื่องขยายช่องทางจำน่ายไปยังกลุ่มร้านอาหารเชนใหญ่มากมาย อาทิ MK สุกี้ตี๋น้อย โบนัสกี้ และแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมาย โดยใช้ 3 กลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนการเติบโต ได้แก่ Customer Centricity หรือการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกจากการวิจัยตลาด
และการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคมาเป็นพื้นฐานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Customer Segment Expansion การขยายฐานลูกค้า โดยใช้ดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเสียงสะท้อนของผู้บริโภคได้แบบเรียลไทม์ และ Strategic Partnership & Co-Innovation หรือการสร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อตอบรับเทรนด์การบริโภคที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา