ซัดไม่เหมือนมนุษย์ ตั้งกมธ.เลิกMOU
“ไทย-เขมร” ยังตรึงกำลังชายแดนแน่น 24 ชั่วโมง “บิ๊กเล็ก” สั่งฟ้องเอาผิดพวกรื้อลวดหนามในพื้นที่บ้านหนองจาน ชี้เป็นการทำลายทรัพย์สินราชการ ย้ำยิงได้ทันทีตามกฎการใช้กำลังหากรุกล้ำอธิปไตย ลั่นไม่เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง “โกเด็ก” เข้าพบ “ภูมิธรรม” บอกเรื่องชายแดนถึงหูทรัมป์แน่หลังหารือจบ "บัวแก้ว" ประณามใช้เด็ก-สตรี-คนแก่เป็นโล่มนุษย์ยั่วยุทหารไทย “พท.” อ่อนยอมถกรื้อเอ็มโอยู 43-44 แต่ต้องประชุมลับและไม่ตั้งกรรมาธิการ แค่ชงเรื่องให้ ครม. ส่วนสภาสูงไฟเขียวตั้ง กมธ.ศึกษาข้อดีข้อเสีย
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) รายงานว่า สถานการณ์ชายแดน 11 จุด ใน 7 จังหวัด ปกติ กองทัพไทยยังคงตรึงกำลังและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง และในวันพุธที่ 27 ส.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ณ จุดผ่านแดนถาวร ช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ตรงข้ามกับช่องจวม จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ซึ่งขณะนี้กองทัพไทยอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมก่อนการประชุม โดยวันที่ 25 ส.ค. ได้มีการประชุมคณะเลขานุการ นำโดยเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 และเสนาธิการภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชาไปแล้ว
“เชื่อมั่นว่าการประชุมอาร์บีซีที่กำลังจะมีขึ้น จะเป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือ ลดความตึงเครียด เพื่อสร้างบรรยากาศที่เกื้อกูลต่อสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา” นายจิรายุกล่าว
สำหรับเหตุการณ์วุ่นวายบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว กรณีฝ่ายกัมพูชาเข้าใจผิดหลังทหารไทยวางแนวลวดหนามเพื่อความปลอดภัยเป็นการชั่วคราว ระหว่างคณะจังหวัดสระแก้วเข้าตรวจพื้นที่ที่ดินของประชาชน ในช่วงเวลา 15.00 น. เมื่อวันที่ 25 ส.ค.นั้น ทำให้กองทัพภาคที่ 1 เพิ่มการเฝ้าระวังและเกาะติดสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดทั้งคืนจนถึงเช้า ซึ่งเหตุการณ์ทั่วไปปกติ สำหรับแนวรั้วลวดหนามที่ดำเนินการอยู่แล้วยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
และในเวลา 10.30 น. ประชาชนชาวไทยจำนวน 200 คน ได้เดินทางมาให้กำลังใจกำลังทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่บ้านหนองจาน โดยไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายหรือกระทบกระทั่งกับฝ่ายใด โดยจุดรวมตัวให้กำลังใจอยู่ห่างจากแนวลวดหนามประมาณ 400 เมตร
ขณะเดียวกัน พล.ต.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ได้ลงพื้นที่บ้านหนองจาน พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า จุดที่ยืนคือบ้านหนองจาน อยู่ในเขตประเทศไทย โดยหลักเขตที่ไทยและกัมพูชายอมรับตรงกันคือหลักเขตที่ 46 และ 47 ซึ่งมีหลักเขตอยู่จริง แต่พื้นที่ที่อ้างสิทธิ์ระหว่างหลักเขตพื้นที่ 46 และ 47 เราอ้างสิทธิ์ไม่ตรงกัน นั่นหมายความว่ามีพื้นที่ที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันอยู่ แต่สิ่งที่แน่ที่สุดคือหลักเขตที่กัมพูชาได้เซ็นยอมรับเมื่อปี 2549 ที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์มีหมู่บ้านของเขาที่ล้ำมาในแผ่นดินไทยชัดเจน
“ฝากไปถึงว่าผู้ที่มาเซ็นยอมรับไว้เมื่อปี 2549 ว่าคุณต้องจัดการกับหมู่บ้านเหล่านี้ โดยทำแผนอพยพประชาชนให้แล้วเสร็จ และต้องมีเวลากำหนดต้องอพยพออกไป เพราะนี่เป็นการละเมิดอย่างชัดเจน ชาวกัมพูชาที่ล่วงล้ำแผ่นดินไทยมีประมาณ 50 ครัวเรือนในพื้นที่เกือบ 60 ไร่ ถ้าไม่เป็นไปตามข้อตกลงนั้น เราจะใช้สิทธิ์ผลักดันต่อไป ฮุน เซน ไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นคนขี้โกง แม้กระทั่งเส้นที่เขาอ้างสิทธิ์ก็ยังล้ำมาในแผ่นดินไทย จึงเรียกร้องให้เขาทำแผนอพยพประชาชนออกไป ถ้าเขายังไม่ยอมทำ เราก็ต้องทำแผนของเรา เพื่อผลักดันเขาออกไป” พล.ต.วันชนะกล่าว
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวในเรื่องนี้ว่า ทางโฆษกกองทัพบกได้ชี้แจงแล้ว ก็เป็นไปตามนั้นเลย
เมื่อถามย้ำว่า จะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายภูมิธรรมย้ำว่า ตามที่โฆษกกองทัพบกได้ชี้แจงแล้ว ซึ่งตรงนี้ยังเป็นปัญหาที่กระทบกันอยู่ ก็ต้องแก้ไขปัญหาไปตามสภาพการณ์ เราก็ยืนยันว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกต้อง เราทำทุกอย่างภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่ประเทศมาเลเซีย
สั่งเอาผิดพวกรื้อรั้ว
ส่วน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีชาวกัมพูชาเข้ารื้อรั้วลวดหนามที่ชายแดนบ้านหนองจานว่า ได้ให้แนวทางไปว่าเป็นการปฏิบัติในพื้นที่ประเทศไทย จะทำอย่างนี้ไม่ได้ ผิดกฎหมายอาญาในฐานความผิดทำลายทรัพย์สินทางราชการ และขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นเมื่อวันที่ 25 ส.ค.อีก ซึ่งผู้แจ้งความเป็นใครก็ได้ จะเป็นกองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 หรือ จ.สระแก้ว
“ต้องไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก เพราะประชาชนรับไม่ได้ นอกจากนี้ได้สั่งการให้ทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปด้วย เพราะนี่คือพื้นที่อธิปไตยของไทย เขาจะมาทำอย่างนี้ไม่ได้”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปฏิบัติการหลังจากนี้จะเป็นลักษณะปราบกลุ่มผู้ชุมชนใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า กองทัพภาคที่ 1 เริ่มใช้ LRAD เครื่องมือช่วยสลายการชุมนุมในเบื้องต้น เพราะฉะนั้นต้องมีการเตรียมกำลังเพิ่มเติม พิจารณาใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะกำลังทหารอาจดูรุนแรงเกินไป
เมื่อถามอีกว่า จะถึงขั้นใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงหรือแก๊สน้ำตาหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งจากการประชุมอาร์บีซีของกองทัพภาคที่ 1 เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา มีข้อตกลงว่าจะมีการติดต่อสื่อสารกันระหว่างผู้ประสานงานในพื้นที่ วันนี้อาจไม่มีอะไรก็ได้ โดยเมื่อวันที่ 25 ส.ค. กองทัพภาคที่ 1 ได้พูดคุยกับทางกัมพูชา เหตุการณ์จึงคลี่คลายลงในตอนหลัง เนื่องจากกัมพูชาเข้าใจแล้วว่าไม่ได้วางเพื่อสกัดกั้นเพิ่มเติม แต่เป็นการวางป้องกันเฉพาะกรณี
ถามอีกว่า ในพื้นที่เขาพระวิหารมีรายงานสถานการณ์เข้ามาบ้างหรือไม่ เนื่องจากมีการรายงานว่าทางกัมพูชาเติมกำลังเข้ามาในพื้นที่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า มี เราได้เตรียมพร้อมเอาไว้ ส่วนเจรจาก็เจรจาไป ส่วนเตรียมกำลังก็เตรียมกำลังไป เราต้องไม่ยอมให้มาปฏิบัติการอะไรทางทหารในพื้นที่เป็นอันขาด
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากที่แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่าหากมีการล้ำในพื้นที่ จะไฟเขียวให้ยิงตอบโต้ได้ในทันที พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า แน่นอน พูดตั้งแต่ต้นไม่ใช่ว่าหยุดยิงแล้วหยุดยิงตลอดไป หากเขาล่วงล้ำอธิปไตยก็สามารถทำตามอำนาจหน้าที่ได้เลย กฎใช้กำลังของกระทรวงกลาโหมได้ให้อำนาจไว้แล้ว ผบ.เหล่าทัพ แม่ทัพภาค มีอำนาจทำได้อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าหยุดยิงแล้วก็ไม่ยิง ยืนยันว่าไม่ใช่แน่นอน ซึ่งไทยเราเตรียมพร้อมไว้ทั้งหมด
ถามถึงกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจยส่งหนังสือมายังผู้ว่าราชการจังหวัดเรื่องออกเอกสารสิทธิที่ดิน จะกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ต้องแยกกัน การออกเอกสารสิทธิหรือโฉนดเป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทย แต่เรื่องความมั่นคงปกป้องอธิปไตยเป็นเรื่องกระทรวงกลาโหม โดยมีกระทรวงมหาดไทยสนับสนุน ต้องแยกออกจากกัน เรื่องเอกสารสิทธิก็ว่ากันไป ส่วนการปกป้องอธิปไตยกระทรวงกลาโหมไม่ยอมอยู่แล้ว
ขณะที่นายจิรายุแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการตั้งข้อสังเกตที่ ครม.มีมติต่ออายุนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าฯ สระแก้ว ไปอีก 1 ปี แต่เหตุใดไม่ต่ออายุ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเงื่อนไขของผู้ว่าฯ ใครที่ประจำครบ 4 ปีแล้วต้องย้ายไปจังหวัดอื่น แต่ผู้ว่าฯ สระแก้วขณะนี้อายุยังไม่ถึง 60 ปี จึงต่ออายุได้ เพราะเกษียณอายุราชการในปี 2569 แต่ พล.ท.บุญสินจะเกษียณอายุในวันที่ 30 ก.ย.นี้
นายจิรายุยังกล่าวว่า ในที่ประชุม ครม. นายภูมิธรรมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนทรัพยากรต่างๆ ให้กับกองทัพในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และขอบคุณทหารหาญที่ประจำอยู่ชายแดนทั่วประเทศไทยในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ต้องอดทนอดกลั้นจากการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชา
“นายภูมิธรรมยังสั่งการให้ ศบ.ทก. ประสานการปฏิบัติให้มีผลสัมฤทธิ์ กระชับความเป็นเอกภาพทั้งการทหาร การต่างประเทศ การสื่อสารประชาสัมพันธ์ รวมถึงการปฏิบัติการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย รวมถึงมาตรการอื่นๆ อาทิ เข้มงวดกับปฏิบัติการห้ามไม่ให้พลเรือนกัมพูชารุกล้ำเขตแดนอย่างผิดกฎหมาย และการติดตามเร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมด้านสแกมเมอร์” นายจิรายุระบุ
เรื่องถึงหูทรัมป์แน่
วันเดียวกัน นายภูมิธรรมให้การต้อนรับนายรอเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โดยกล่าวภายหลังว่า มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันจุดยืนว่าจะรักษาอธิปไตยของเรา รักษาสันติ แก้ปัญหาด้วยวิธีการพูดคุยและหลีกเลี่ยงความรุนแรง และได้ยืนยันไปว่าไม่อยากให้สู้กันด้วยสงครามข่าวสาร แต่ขอให้สู้กันด้วยความจริง
“เราได้ยืนยันในหลักการที่จะให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT และไม่อยากพัฒนาไปสู่ผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวอาเซียน หรือ AOT พร้อมยืนยันในหลักการการพูดคุยระหว่าง 2 ประเทศผ่านกลไกทวิภาคี แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้คงไม่จบลงโดยง่าย ซึ่งเชื่อว่าจะจบลงได้ หากยึดหลักที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน”
เมื่อถามถึงท่าทีของทูตสหรัฐต่อกรณีชายแดนกัมพูชาเป็นเช่นไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า เขาก็พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ ซึ่งเราก็ได้ขอบคุณที่ริเริ่มทำให้เกิดการพูดคุยเกิดขึ้น และเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว โดยทูตสหรัฐแจ้งว่าหลังจากการพูดคุยทั้งหมดแล้ว ก็จะรายงานไปยังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐทันที
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาใช้พลเรือน ทั้งสตรี เด็ก และผู้สูงอายุดำเนินการรื้อลวดหนาม และก่อความวุ่นวายในพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ฝ่ายไทยจึงขอยืนยันว่าบ้านหนองจานตั้งอยู่ในเขตอธิปไตยของไทย ประเทศไทยขอประณามฝ่ายกัมพูชาที่ใช้ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีและเด็กบังหน้า เสมือนโล่มนุษย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ไม่สอดคล้องต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ฝ่ายไทยจึงขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำในลักษณะดังกล่าว และยุติการจัดฉากโดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือด้วย เรื่องดังกล่าวกระทรวงการต่างประเทศกำลังมีหนังสือตอบโต้ฝ่ายกัมพูชาอย่างเป็นทางการ และดำเนินกรอบในคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา ด้วย
นายนิกรเดชกล่าวว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ที่อยู่ระหว่างเดินทางไปนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค.2568 ภารกิจสำคัญคือการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดในเขตอธิปไตยของไทย จนเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดแล้วหลายครั้ง รวมถึงขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตตาวาอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ นายมาริษจะพบหารือกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) โดยเราจะขอใช้โอกาสนี้แสดงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นถึงการกระทำของกัมพูชาที่ไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรม และขัดต่อหลักกติกาสากลอย่างสิ้นเชิง เป็นพฤติกรรมที่กระทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งการโจมตีเป้าหมายพลเรือน การนำเด็กมาใช้ในคลิปวิดีโอ การใช้ทุ่นระเบิด การใช้พื้นที่ชุมชนเป็นฐานที่มั่นทางการทหาร หรือการผลักดันเด็ก สตรี และผู้สูงอายุให้ออกมาเป็นหน้าด่าน รวมถึงพฤติกรรมนำประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์
“ผมไม่คิดว่าจะมีคนที่จะเป็นสุภาพสตรี แม่ของคนที่มีจิตวิญญาณของความเป็นแม่ จะอุ้มลูกออกไปในที่สู้รบหรือพื้นที่เสี่ยง ฝนตกเรายังไม่พาลูกออกไปข้างนอกเลย ดังนั้นมีการยุยงเกิดขึ้นแน่นอน เป็นความอันตรายที่เราพยายามจะต้องอดทนอดกลั้นเต็มที่ เป็นเหตุผลที่ผมต้องออกมาประณามว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมือนมนุษย์” นายนิกรเดชระบุ
ขณะที่นายมาริษได้เดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ Saab AB ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินขับไล่ Gripen ภายหลังที่ไทยลงนามจัดซื้อกริพเพนระยะที่ 1 เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทมีการบรรยายถึงศักยภาพของกริพเพน รวมทั้งผลิตภัณฑ์ทางด้านเทคโนโลยีความมั่นคงหลายชนิด
ตั้งกมธ.ศึกษาเลิก MOU
สำหรับความเคลื่อนไหวการเสนอญญัตติให้ยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44 นั้น นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวภายหลังการประชุม สส.ประจำสัปดาห์ของพรรคว่า มติของพรรค พท. หากมีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา พรรคจะขอเป็นการประชุมลับ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน กระทบกับความมั่นคงและพี่น้องตามแนวชายแดน และจะไม่ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ โดยพรรคเห็นควรว่าเมื่ออภิปรายกันอย่างกว้างขวาง แล้วก็จะส่งเรื่องให้ ครม.พิจารณาต่อไป
เมื่อถามว่า หากเสียงส่วนใหญ่มีมติให้ตั้ง กมธ.วิสามัญ พรรคเพื่อไทยจะร่วมเป็น กมธ.หรือไม่ นายดนุพรกล่าวว่า เราพร้อม แต่ต้องโหวตกัน เนื่องจาก กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นประธาน มีการพิจารณาเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยในวันที่ 27 ส.ค. ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) จะไปหารือกับฝ่ายค้านอีกครั้งถึงมติของพรรคเพื่อไทย
น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส. อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุว่า พรรคยืนยันที่จะให้สภาพิจารณาญัตติต่อที่ค้างอยู่ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย เกี่ยวกับ MOU 43-44 ต่อ และยังมีอีกญัตติของพรรคที่ขอให้ตั้งคณะ กมธ.วิสามัญเพื่อพิจารณาเนื้อหารายละเอียดผลได้ผลเสีย ยืนยันว่าจะเดินหน้าญัตติดังกล่าวต่อ
ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา วาระพิจารณาญัตติเรื่อง ขอให้วุฒิสภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่ง พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นผู้เสนอ มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม
ภายหลังที่สมาชิกอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ในการประชุมลับกว่า 2 ชั่วโมง ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 25 คน แบ่งเป็นสัดส่วน สว. จำนวน 15 คน 1.น.ส.ชญาน์นันท์ ติยะตระการชัย 2.นายชินโชติ แสงสังข์ 3.นายชิบ จิตนิยม 4.นายนพดล อินนา 5.นายนิฟาริด ระเด่นอาหมัด 6.นายชวภณ วัธนเวคิน 7.นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ 8.นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย 9.นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล 10.นายชัยธัช เพราะสุนทร 11.พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ 12.นายนิรัตน์ อยู่ภักดี 13.นายวิวัฒน์ รุ้งแก้ว 14.นางสุมิตรา จารุกำเนิดกนก 15. พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา
ขณะที่สัดส่วนบุคคลภายนอก (ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก) จำนวน 10 คน ได้แก่ 16.พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์ 17.พล.อ.บัณฑิต สุวัฑฒน 18.พล.ร.อ.วีระพันธ์ สุขก้อน 19.พล.ท.ชาคร บุญภักดี 20.รศ.ดุลยภาค ปรีชารัชช 21.นายเทพมนตรี ลิมปพยอม 22.นายวีรพันธ์ มาไลยพันธุ์ 23.นายคำนูณ สิทธิสมาน 24.ผศ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ 25.นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ทั้งนี้ มีระยะเวลาในการดำเนินงาน 90 วัน
จากนั้น พล.อ.เกรียงไกรได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 17.56 น.