อังเคิล ฮุนเซน กุมความลับ ทักษิณ แสดงอำนาจเหนือตระกูลชินฯ พิสูจน์นายกฯ ผิดมาตรา 157

ไทยทนยังเชื่อในทฤษฎี “ครอบครัว ฮุน-ชินฯ” สมคบคิดและร่วมมือกันเพื่อทำให้อำนาจรัฐของไทย อยู่ภายใต้การครอบงำของครอบครัวชินฯ ซึ่งอยู่ในเงื้อมมือของ ผู้นำ ฮุนเซน อีกต่อหนึ่ง เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันใน “ครอบครัว ฮุน-ชินฯ”

หลังจาก ฝ่าย ฮุน เซน ปล่อยหลักฐานคลิปร้อน ในวันที่ 18 มิ.ย. 2025 ถึงการคุยโทรศัพท์ส่วนตัว กับ นายกฯอุ๊งอิ๊งของไทย ในวันที่ 15 มิ.ย. 2025 โดยหลายประโยคเด็ดๆที่เป็นประเด็นกับชาวไทยทั้งประเทศ เช่น "ไม่อยากให้ uncle ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้าม อย่างพวกแม่ทัพภาคสอง เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย”… "จริง ๆ แล้วถ้าท่านอยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้"

จากนั้น ในวันที่ 27 มิ.ย. 2025 เฟซบุ๊กเพจ The Phnom Penh Post สื่อหลักของประเทศกัมพูชา เผยแพร่ถ้อยแถลงระบุว่า สมเด็จฮุน เซน เตรียมเปิดเผยแผนการของทักษิณ ที่อ้างว่าเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนตัวผู้นำประเทศไทย และมีถ้อยคำพาดพิงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย

แต่เอาเข้าจริง ในวันที่ 27 มิ.ย. 2025 กลับไม่มีอะไรใหม่ เพียงแค่เรื่อง ป่วยทิพย์ ซึ่ง พูดออกมา ก็ไม่ได้เพิ่มน้ำหนักอะไร เพราะ แพทยสภาตัดสินว่า แพทย์ที่ให้หลักฐานช่วยทักษิณนั้น ทำไม่ถูกตามหลักจรรยาบรรณ และ อื่นๆอีกมากมาย

…สรุปได้ว่า ฮุนเซน แค่ขู่ ทักษิณ และ ครอบครัวว่า “อย่าลืมนะ” เขามีความลับสำคัญที่ยังไม่เปิด เพราะ เปิดแล้ว ก็หมดราคา จึงเก็บเอาไว้เป็นตัวประกัน เพื่อทำให้ทักษิณ และ นายกฯแพทองธาร ต้องก้มหัวทำตามหรือเปล่า ??

และ นั่น ก็คือเหตุที่คนไทย ไว้ใจให้ครอบครัว ชินวัตร ยึดครองอำนาจประเทศไทยไม่ได้อีกต่อไป เพราะกลัวจะนำไทยแบบ “มวยล้ม” จนทำให้ไทยเสียเปรียบ และ เสียประโยชน์อย่างเดียวกับที่ผ่านๆมา

1. ฮุนเซน ได้เปิดเผยชัดเจนว่า ได้เคยให้ที่หลบซ่อนพักพิงกับ ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมทั้ง ออกวีซ่ากัมพูชาให้ เพื่อให้ไปประเทศต่างๆได้

2. ฮุนเซน ยังเปิดเผยอีกว่า กัมพูชา ยังเป็นที่หลบซ่อนของ นาย จตุพร พรหมพันธุ์ ด้วยคารมทวงบุญคุณอ้างว่า ช่วยให้ลี้ภัย ทั้งที่ นาย จตุพรฯ กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการปลุกปั่นจลาจล จนถึงการเผาบ้านเผาเมือง

3. และคนไทยก็รู้ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ผู้นำม็อบแบบรุนแรง ตั้งแต่การถล่มการประชุมผู้นำอาเซียน 2552 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพที่ โรงแรมรอยัลคลิฟ พัทยา และ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ถือเป็นแก้วประการที่ 3 ที่สวมชุดดำ แล้วกลับมาซ่อนตัวในหมู่คนเสื้อแดงให้เป็นโล่ห์มนุษย์อย่างโหดร้าย และ นำความรุนแรงไปถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง และ ศาลากลางบางจังหวัด ด้วยประโยคในความทรงจำ “เอาน้ำมันใส่ขวดแก้วคนละขวด” “เผามันเลย…ผมรับผิดชอบเอง” แล้วก็หนีไปลี้ภัยในกัมพูชา

4. สรุปได้ว่า คนที่ฮุนเซน อุปถัมภ์ หลายๆคน เป็นคนโกงชาติไทย ใช้อำนาจรัฐทุจริต ทำให้ประเทศไทยต้องเสียหาย ตลอดจนผู้ต้องหาคดีอาญา สร้างความรุนแรงในประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่อง

5…. และดูเหมือน การเป็นที่พึ่งพิง ได้ช่วยให้ผู้กระทำความผิดต่อประเทศไทย “จึงกล้าทำ” เพราะ มีที่หลบซ่อน หลบหนีความผิดที่ทำได้ จึงถือได้ว่า ฮุนเซน ทำตัวเป็น “คนละฝ่าย” กับประเทศไทยในหลายสิบปีที่ผ่านมา

6. เสียงสนทนาของ อุ๊งอิ๊ง และ ฮุนเซน จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่เปิดโปงความจริงสำคัญคือ “อุ๊งอิ๊งไม่อยากให้อังเคิลไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้าม อย่างพวกแม่ทัพภาคสอง เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย…”ก็ยืนยันชัดเจนว่าในสายตาของอุ๊งอิ๊ง “ฮุนเซนเป็นคนละพวกกับแม่ทัพ ภาค 2”

หลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า อุ๊งอิ๊ง มีความผิดตามมาตรา157

1. ความสัมพันธ์ ของอุ๊งอิ๊ง ใน “ครอบครัวชินวัตรฯ” และ “ครอบครัวใหญ่ ฮุน-ชินฯ”

1.1 พ่อทักษิณ ชินวัตร กับ ฮุน เซน มีความสัมพันธ์ที่ดีมากว่า 30 ปี คนในครอบครัว ชินวัตร และ ครอบครัว ฮุนเซน สนิทกัน เป็นครอบครัวใหญ่เดียวกัน เห็นกันตั้งแต่เด็ก การพูดจา หลานกับอา “อังเคิล” จึง สนิทกันมากแบบครอบครัวเดียวกัน

1.2 ฮุนเซน พร้อมสนับสนุน นาย ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนักโทษอาญา ที่ได้รับการพิพากษาแล้วมีความผิดตามกฎหมายจริง อีกทั้งยัง ออกหลักฐานพาสปอร์ตให้เดินทางหนีไปประเทศต่างๆได้ โดยไม่เกรงกลัวต่อการเสียความสัมพันธ์กับประเทศไทยแต่อย่างใด

2. ความผิดมาตรา 157 ของ นายกฯ แพทองธาร ในเรื่อง การจัดการแสกมเมอร์

2.1 ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเปิดเผยถึงกรณีระงับไฟฟ้าชายแดนประเทศไทยและประเทศเมียนมาว่า เรื่องดังกล่าวรัฐบาลไม่มีความลังเลที่จะสั่งระงับแต่อย่างใด … สามารถระงับการจ่ายไฟฟ้าได้ทันที รวมถึงการระงับการส่งน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยเช่นเดียวกัน แพทองธารได้กล่าวต่อว่า “ต้องโอบอุ้มและดูแลคนไทยก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อคนไทย รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศเป็นอย่างมาก” หากรัฐบาลเห็นใจหรือเรียงลำดับความสำคัญไม่ถูกต้องจะเกิดปัญหาที่ยาวนานและต่อเนื่อง

2.2 การดำเนินการนี้ สอดคล้องกับข้อมูลจากรายงาน ของ UNODC (United Nation Office on Drugs and Crime) ที่ชี้ว่า ศูนย์กลางของแหล่งอาชญากรรมทางดิจิตอล (Scammer Centers) ในภูมิภาค เอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้นี้ มีหลายแหล่งในเมียนมาร์ และ กัมพูชา

2.3 แต่คำถามใหญ่คือ ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ทำไม น.ส. แพทองธาร นายกรัฐมนตรีจึงปฎิบัติหน้าที่ถูกต้อง (แม้จะยังช้าเกินไป) เฉพาะกับประเทศ เมียนมาร์ เท่านั้น แต่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กับประเทศ กัมพูชา โดยมิชอบ เพราะ การที่แหล่งแสกมเมอร์ยังคงอยู่ในกัมพูชา ก็ทำให้ประชาชนไทยเสียหายจากอาชญากรรมไซเบอร์อย่างมากต่อมา และ ยิ่งเลวร้ายไปกว่านั้น คือ เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อไม่ให้ กระทบต่อการกิจการของ ครอบครัว “ฮุน-ชินฯ” ของครอบครัวใหญ่ของนายกฯแพทองธารหรือไม่ ?

2.4 การที่ไทยเริ่มมีมาตรการด้านชายแดนกัมพูชา โดยปิดด่าน ก็เพิ่งเริ่มขึ้นหลังจากที่ ฝั่งฮุนเซน เปิดเผยคลิปลับ โทรศัพท์ของอุ๊งอิ๊งกับฮุนเซน ในวันที่ 18 มิ.ย. 2025 แล้ว และ มีผลป้องกันไม่ให้คนไทยข้ามไปทำงานที่ฝั่งประเทศกัมพูชา ส่วนหนึ่ง เป็นการเข้าไปทำงานบ่อนในกัมพูชา รวมทั้ง ในศูนย์แสกมเซ็นเตอร์ และหลังจากปิดด่านแล้ว คนไทยก็เข้าไปเล่นพนันน้อยลง เสียพนันให้ฝั่งกัมพูชาน้อยลง อาชญากรรมไซเบอร์น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นหลักฐานการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส. แพทองธาร แทนที่จะทำพร้อมๆกับเมียนมาร์ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ซึ่งจะเป็นการปราบปรามอย่างได้ผล เพราะ ไม่ใช่ปล่อยให้ย้ายถิ่นฐานจากเมียนมาร์มากัมพูชาได้ ซึ่งการทำด้านเมียนมาร์ด้านเดียว อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกิจการภายใต้ครอบครัว “ฮุน-ชินฯ” อีกด้วย และ หากคลิปนี้ ไม่ถูกปล่อยออกมาจนเป็นที่รู้กันทั้งประเทศแล้ว น.ส. แพทองธาร ยังจะ “แอบลด” หรือ “ยืด” การดำเนินการ ตัดน้ำ ตัดไฟ ปิดด่าน ที่จะกระทบแต่แหล่งแสกมเมอร์ในกัมพูชาต่อไปหรือไม่

3. ความผิดมาตรา 157 ของ นายกฯ แพทองธาร ในเรื่อง การปกป้องอธิปไตยบนผืนแผ่นดินไทย

3.1 ก่อนจะมีพูดคุยกันระหว่าง น.ส. แพทองธาร กับ ฮุนเซนในวันที่ 15 มิถุนายน 2025 ตามคลิปที่ปล่อยออกมาวันที่ 18 มิถนายน นั้น มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของ พล.ต.ณัฐ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 คือ ท่าน มท. 2 ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ก ระบุความจริง 11 ข้อ กรณีข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชาในช่วงนี้

… วันที่ 28 ก.พ.68 กัมพูชาเผาศาลาตรีมุข เคลื่อนกำลังขึ้นมาวางที่ต้นพญาสัตบรรณซึ่งล้ำอธิปไตยไทยเข้ามาประมาณ 150 ม. รวมถึงขุดคูเลททำลายสันปันน้ำละเมิด MOU43 ท่าน มท. 2 เปิดเผยว่า สุดท้ายมีการใช้อาวุธเมื่อวันที่ 28 พ.ค.68

… โดยเขมรอ้างว่ากำลังส่วนนี้วางอยู่เดิมมาตั้งแต่ก่อนมี MOU43 ซึ่งไม่ใช่ความจริงอย่างแน่นอนเพราะ “ถ้ามีกำลังวางอยู่จุดนี้เมื่อปีที่แล้ว (ส.ค.67) (ท่าน มท. 2) จะเดินผ่านจุดนี้เข้าไปที่ศาลาตรีมุขได้อย่างไร”

… และ ในช่วงที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาได้มีการละเมิด MOU 43 หลายครั้ง เช่น การปรับปรุงเส้นทาง ในพื้นที่ช่องอานม้า ตรวจพบเมื่อ 19 มี.ค.68, การปรับปรุงป้อมปืน การขุดหลุม บุคคล ในพื้นที่ช่องอานม้า เมื่อ 14 เม.ย.68, การปรับปรุงเส้นทางและคูติดต่อบริเวณพื้นที่ช่องบก และบริเวณ เนิน 745 เมื่อ 13 พ.ค.68 ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2568 ภายใต้การนำของนายกฯอุ๊งอิ๊งทั้งสิ้น

3.2 และเมื่อกองทัพไทย ไม่ละเลยหน้าที่ ยังปกป้องอธิปไตยบนพื้นที่อย่างเข้มแข็ง ในโทรศัพท์ส่วนตัวของนายกฯอุ๊งอิ๊งจึงบอกว่า “ไม่อยากให้ไปฟังคนที่เป็นฝ่ายตรงข้าม อย่างพวกแม่ทัพภาคสอง เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย” ก็แสดงชัดเจนว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊งมีจุดยืนฝั่งเดียวฮุนเซน ตรงข้ามกับ กองทัพไทยซึ่งกำลังปกป้องอธิปไตยบนแผ่นดินไทยอย่างแข็งขันและกล้าหาญ จึงเป็นการผิดมาตรา 157 เพราะทำให้ประเทศชาติเสียหายได้

3.3 และการที่อุ๊งอิ๊งแจ้งฮุนเซนว่า “ซึ่งพอเป็นฝั่งนั้นก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจหรือโกรธ เพราะจริง ๆ แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ” ในความตั้งใจที่ มท. 2 สื่อสารออกมามีจุดยืนปกป้องอธิปไตยบนผืนแผ่นดินไทย ซึ่งฝั่งฮุนเซนก็น่าจะรับรู้จากเฟสบุ๊คที่โพสต์นั้น ก็ต้องถามว่า “ความตั้งใจของเรา” คืออะไร ? เราคือใคร ? คือ อุ๊งอิ๊ง ทักษิณ และ ครอบครัว หรือไม่ ?

3.4 ความผิดมาตรา 157 อีกประการคือ เมื่อฮุนเซนบอกว่า กองทัพไทยบอกให้กัมพูชา ปรับกำลังพล คือ ถอนกำลังจากพื้นที่ที่ข้ามสันปันน้ำมาฝั่งไทย ทำไมอุ๊งอิ๊งจึงไม่เอ่ยสักนิดว่า ขอให้เข้าใจว่า มท. 2 เขาต้องทำหน้าที่ของเขา ทำไม่อุ๊งอิ๊งไม่บอกว่า กองกำลังของอาข้ามพรมแดนตามสันปันน้ำมานะคะ จึงทำให้ต้องขอให้ถอย ? ไม่มีเลย !

3.5 ขณะที่สังคมก็เริ่มรับรู้ท่าทีของกัมพูชาว่า จะกล่าวอ้างพื้นที่ของ ปราสาทตาเมืองธม ปราสาทตราเมืองโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกตบริเวณช่องบก เพื่อยื่นต่อศาลระหว่างประเทศ หวังจะเอาพื้นที่เหล่านี้ไป ซ้ำรอย ปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งทุกพื้นที่ที่อ้างนั้น เป็นการรุกล้ำแผ่นดินไทย ตามแนวของสันปันน้ำเขาพนมดงรัก 195 กิโลเมตรตั้งแต่ ช่องสะงำ ถึงช่องบก ซึ่งไม่จำเป็นต้องปักเขตแดน โดยอ้างหลักฐานทางประวัติศาสตร์และกฎหมายยืนยันแนวเขตชัดเจนตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ตามบันทึกรายงานของ พันเอก มองกิเอร์ ประธานกรรมการฝ่ายฝรั่งเศสในคณะกรรมการปักปันผสมสยามกับฝรั่งเศส ชุดที่ 2 ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาตามสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) ได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า “เส้นเขตแดนเดินไปตามเส้นสันปันน้ำ ซึ่งอยู่ที่หน้าผาเห็นได้จากตีนภูเขาดงรัก”… แต่ ทำไมนายกฯ อุ๊งอิ๊งไม่อาศัยความสัมพันธ์บอกกับอังเคิลฮุนเซน ทักท้วงอะไรเลย ในเรื่องที่พื้นที่ทั้ง 4-5 แห่งนั้น อยู่ฝั่งแผ่นดินไทยตามสนธิสัญญาระหว่าง สยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) แท้ๆ เอาแต่ถามเพียงว่า “อังเคิลอยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้” และเตรียมเปิดด่านเหมือนเดิมเพื่อปกป้องธุรกิจครอบครัว “ฮุน-ชินฯ” เท่านั้นหรือไม่ ?

3.6 พฤติกรรมของแพทองธาร ชินวัตรเอง ก็ดูจะสอดคล้องกับ พ่อทักษิณ และ อายิ่งลักษณ์ คือ

(1) ในปีที่ทักษิณขึ้นเป็นนายกฯ ปี2544 ก็ทำ MOU44 กำหนดพื้นที่ทรัพยากรในทะเล ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา โดยไม่ใช้เส้นมัธยะ ระหว่าง เกาะกูด และ เกาะกงเป็นหลักตามมาตรฐานสากล แต่ทำให้เส้นแบ่งในทะเลนั้น ไทยเสียประโยชน์ เสมือนไม่นับเกาะกูดเป็นของไทยซึ่งไม่เป็นความจริง

(2) ในวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ทักษิณได้แสดงวิสัยทัศน์ ในงาน Nation TV Dinner Talk 7 โดยแนะให้เร่งดำเนินการคือ เรื่องพื้นที่ทับซ้อนกันของไทยกับกัมพูชา โดยนำเอาทรัพยากรปิโตรเลียมที่มีอยู่ขึ้นมาใช้โดยแบ่งประโยชน์กันฝั่งละ 50%

(3) ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2025 นายทักษิณ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทหารไทยและกัมพูชาปะทะกันบริเวณช่องบก ว่าน่าจะเคลียร์กันจบแล้ว “เขตแดนที่ไม่ชัดเจน ไม่มีการปักปัน” ใครเป็นอย่างไรก็ให้ถอยออกไปเป็น “โนแมนแลนด์” ทั้งที่ เป็นพื้นที่ฝั่งไทยฝ่ายเดียวจากเกณฑ์แนวสันปันน้ำ

(4) ตามรายงานข่าวของ คุณวาสนา นาน่วมแสดงหลักฐาน รั้วประเทศไทย ที่ปราสาทตาเมืองธม เคยคุมโดยฝ่ายไทย และ หายไปในปี 2554 สมัย นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

(5) ในวันที่ 27 มิถุนายน ก่อนเวลาที่ ฮุนเซน จะเปิดโปงทักษิณตามนัด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับ ประธานาธิบดีมาครง แห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ทำไมต้องโทรส่วนตัว ? ในเมื่อเราชัดเจนว่าเราจะเจรจาด้วย JBC ไม่รับอำนาจศาลโลก การยกเรื่องให้ประธานาธิบดี เสี่ยงไปหรือไม่ ? ถ้าภายหลัง ฝรั่งเศสซึ่งไม่ได้อยู่ในเรื่องการเจรจา JBC มาก่อน จะแนะนำให้ไทยกับกัมพูชาหาข้อยุติผ่านศาลโลก จะเข้าทางครอบครัว “ฮุน-ชินฯ” หรือไม่ ?

ทั้งหมดนี้ จึงพอทำให้เชื่อได้ว่า พฤติกรรมนายกอุ๊งอิ๊งเป็นพฤติกรรมตามพันธกิจของครอบครัวชินที่มีต่อครอบครัวฮุน เพื่อกิจการของ “ครอบครัว ฮุน-ชินฯ” เป็นเรื่องที่ส่อเป็นความผิดมาตรา 157 หรือไม่ ?

ไทยทน