เลือกซื้อ “กระเป๋าเดินทาง” อย่างไรให้เหมาะกับทริปท่องเที่ยวของเรา
ไม่ว่าคุณจะเดินทางเพื่อพักผ่อน ท่องเที่ยว หรือไปทำงาน กระเป๋าเดินทางคือหนึ่งในสิ่งของที่สำคัญที่สุด เพราะมันไม่ได้แค่ใช้ใส่เสื้อผ้าและของใช้ แต่ยังเป็นตัวช่วยให้การ เตรียมตัวขึ้นเครื่องบิน และการวางแผน การเดินทาง ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
ขนาดและประเภทของกระเป๋าเดินทางที่เหมาะสม
เลือกให้ตรงกับระยะเวลาและรูปแบบการเดินทางของคุณ
ขนาดของกระเป๋าเดินทางควรสัมพันธ์กับจำนวนวันที่คุณจะเดินทาง และข้อจำกัดของสายการบิน
ถ้าคุณเดินทางเพียง 1-3 วัน เช่น ไปทำงานหรือทริปสั้น กระเป๋าขนาดเล็กแบบถือขึ้นเครื่อง (Carry-on) ขนาดประมาณ 18-20 นิ้ว จะเหมาะมาก เพราะพกพาสะดวก ไม่ต้องเสียเวลาโหลดใต้เครื่อง
หากเดินทาง 4-7 วัน เช่น ท่องเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศระยะสั้น ควรมีกระเป๋าขนาดกลาง ประมาณ 22-26 นิ้ว ซึ่งจุของได้เพียงพอ
ส่วนการเดินทางระยะยาว หรือเดินทางกับครอบครัว ควรใช้กระเป๋าใบใหญ่ ขนาด 28-32 นิ้ว เพื่อให้มีพื้นที่พอสำหรับเสื้อผ้าและของใช้ที่หลากหลาย
การเลือกขนาดกระเป๋าที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณ เตรียมตัวท่องเที่ยว ได้ง่ายขึ้น ไม่พกของมากเกินไป และไม่ต้องจ่ายค่าน้ำหนักเกินโดยไม่จำเป็น
วัสดุของกระเป๋าเดินทาง: แข็งหรือผ้าดี?
เลือกวัสดุที่ตอบโจทย์กับสไตล์และจุดหมายปลายทางของคุณ
กระเป๋าเดินทางมีอยู่หลักๆ 2 ประเภทคือ แบบแข็ง (Hard Case) และแบบผ้า (Soft Case)
กระเป๋าแบบแข็ง ทำจากวัสดุอย่าง ABS หรือ Polycarbonate ซึ่งมีข้อดีคือ ทนทานต่อแรงกระแทก กันน้ำได้ดี เหมาะกับการโหลดใต้เครื่อง และเหมาะมากหากคุณต้องพกของมีค่า
กระเป๋าแบบผ้า มีน้ำหนักเบา ยืดหยุ่นได้ดี เหมาะกับคนที่ต้องการช่องเก็บของด้านนอก หรือมีของที่หยิบใช้งานบ่อย เช่น เอกสาร หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ
ถ้าคุณต้องเดินทางด้วยเครื่องบินบ่อย หรือเจอสภาพอากาศไม่แน่นอน เช่น ฝนตก แนะนำให้เลือกแบบแข็ง ส่วนคนที่ชอบเดินทางในเมือง ขึ้นรถไฟ รถทัวร์ หรือไปต่างจังหวัดแบบสบายๆ แบบผ้าก็เป็นตัวเลือกที่ดี
ฟังก์ชันเสริมที่ควรมีในกระเป๋าเดินทาง
เพื่อให้การเตรียมตัวท่องเที่ยวสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น
ล้อลากหมุนได้ 360 องศา เลือกแบบที่มี 4 ล้อ หมุนได้รอบทิศทาง จะช่วยให้คุณลากกระเป๋าได้อย่างลื่นไหล แม้ต้องเดินบนพื้นขรุขระหรือลากในสนามบิน
ระบบล็อกมาตรฐาน TSA ระบบล็อก TSA ได้รับการรับรองจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรและสนามบินในหลายประเทศ หากมีกระเป๋าที่ล็อกด้วยระบบนี้ เจ้าหน้าที่สามารถเปิดเพื่อตรวจได้โดยไม่ต้องทำลายล็อก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของสัมภาระ
ด้ามจับแข็งแรง ปรับระดับได้ ควรมีทั้งที่จับบนกระเป๋า และคันชักยืดหดได้ง่าย ด้ามจับต้องไม่ฝืด แข็งแรง และไม่สั่นคลอนเวลาลาก
น้ำหนักเบา ไม่เปลืองน้ำหนักสัมภาระ กระเป๋าที่น้ำหนักเบา ช่วยให้คุณใช้โควต้าน้ำหนักจากสายการบินได้อย่างเต็มที่ พกของได้มากขึ้นโดยไม่เสียค่าน้ำหนักเกิน
ช่องจัดระเบียบภายในดีเยี่ยม ช่องแบ่งใส่ของภายในจะช่วยให้คุณจัดกระเป๋าได้เป็นสัดส่วน เช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์อาบน้ำ สายชาร์จ รองเท้า และของจิปาถะต่างๆ หยิบใช้งานง่าย ไม่ต้องรื้อกระเป๋าทั้งใบ
สิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนซื้อกระเป๋าเดินทาง
เพื่อให้ได้ของดี ใช้ได้นาน ไม่เสียใจภายหลัง
ตรวจสอบขนาดของกระเป๋าให้เหมาะกับกฎของสายการบินที่คุณใช้เป็นประจำ โดยเฉพาะกระเป๋าขึ้นเครื่อง เพราะแต่ละสายการบินมีข้อกำหนดต่างกัน
ลองลากจริงที่หน้าร้าน หรือลองเปิดปิดซิป เพื่อทดสอบความแข็งแรงของวัสดุและซิป
ดูเงื่อนไขการรับประกัน เช่น หากล้อแตก ซิปพัง หรือด้ามหัก จะสามารถส่งซ่อมหรือเปลี่ยนได้หรือไม่
หลีกเลี่ยงกระเป๋าที่ไม่มีแบรนด์ หรือไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย เพราะอาจทำให้สัมภาระเสียหายหรือสูญหายระหว่างเดินทาง
แบรนด์กระเป๋าเดินทางยอดนิยมที่คนไทยนิยมใช้
หากคุณกำลังมองหาแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ลองพิจารณาแบรนด์เหล่านี้:
Samsonite – ความทนทานสูง ดีไซน์เรียบหรู ใช้งานได้ยาวนาน
American Tourister – เหมาะกับนักเดินทางทั่วไป ราคากลาง คุณภาพดี
Kamiliant / Caggioni – เหมาะกับผู้เริ่มต้นเดินทาง ราคาประหยัด
MUJI / Xiaomi – ดีไซน์มินิมอล น้ำหนักเบา เหมาะกับสายเที่ยวแบบคล่องตัว
กระเป๋าเดินทางที่ดี คือผู้ช่วยสำคัญของทุกทริป
การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณ เตรียมตัวขึ้นเครื่องบิน ได้รวดเร็ว คล่องตัว ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำหนักเกินหรือของหาย อีกทั้งยังช่วยให้ การเตรียมตัวท่องเที่ยว เป็นเรื่องง่ายขึ้นหลายเท่า อย่าลืมพิจารณาทั้งขนาด วัสดุ ฟังก์ชัน และความคุ้มค่า เพื่อให้กระเป๋าใบที่คุณซื้อมา ใช้งานได้จริงในทุกการเดินทาง
อ่านเพิ่ม