ผงะ!เสพยาอื้อ จี้เร่งกม.กัญชา สมศักดิ์ท้าสู้กัน
"สสส." จัดกิจกรรมวันต่อต้านยาเสพติดโลก อึ้ง! คนไทยเสพกระท่อม 1.9 ล้านคน กัญชา 1.5 ล้าน ยาบ้า 1.5 ล้าน เปิดใจอดีตคนเคยก้าวพลาดชีวิตพังก่อนผันตัวทำจิตอาสา ดึงเด็ก-เยาวชนพ้นขุมนรก ปลุกพลังชุมชนร่วมสู้ ชงเร่งคลอดกฎหมายควบคุมกัญชาเป็นวาระเร่งด่วน "สมศักดิ์" ย้ำนโยบายกัญชาทางการแพทย์ 100% โต้ข้อกล่าวหาเอื้อทุนใหญ่ ไปพิสูจน์มาให้ได้ ปัดเกมการเมืองไล่จับร้านกัญชาหลัง ภท.พ้นรัฐบาล ลั่นไว้สู้กันในสภา
ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร วันที่ 26 มิถุนายน มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด มูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม เครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนา "บทเรียนชุมชน-คนชนะใจ สู้ภัยยาเสพติด" เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 26 มิ.ย.2568 ของทุกปี
โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า จากงานวิจัยประมาณการจำนวนประชากรผู้ใช้สารเสพติดของไทยปี 2568 โดยศูนย์วิทยาการสารเสพติด คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล พบคนไทยใช้กระท่อม 1.9 ล้านคน ใช้สารเสพติด 1.6 ล้านคน ใช้กัญชา 1.5 ล้านคน ใช้ยาบ้า 1.5 ล้านคน มีผู้ที่ควรเข้ารับการบำบัด 330,000 คน และมีปัญหาสุขภาพจิต 220,000 คน ที่น่าห่วงข้อมูลในปี 2567 พบมีผู้ใช้สารผสม 21,000 คน เป็นกลุ่มใหม่ที่มีความเสี่ยงสูงที่ต้องได้รับการบำบัดรักษาเฉพาะเจาะจง เพราะมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพที่รุนแรง และยากต่อการจัดการผลกระทบจากสารเสพติดหลายชนิดที่ทำปฏิกิริยาต่อกัน
"สสส.ขอสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของคนตัวเล็กๆ ที่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนอื่นและสังคมให้ปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด การลุกขึ้นสู้ของชุมชน โดยมีองค์กรภาคีเครือข่ายเป็นกลไกเชื่อมประสานให้คนที่เคยก้าวพลาดผิดให้ลุกขึ้นมาสื่อสารกับสังคมไทย ส่งต่อพลังและแบ่งปันบทเรียนชีวิต สร้างความเข้าใจ กระตุ้นสังคมให้ร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ไม่ให้เกิดผู้เสพรายใหม่ เพื่อนำไปสู่ครอบครัวและสังคมที่ปลอดภัย และสร้างพื้นที่แห่งโอกาสที่ยอมรับ" ดร.นพ.ไพโรจน์กล่าว
นายวัชรพงศ์ พุ่มชื่น มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด กล่าวว่า จากสถานการณ์วิกฤตสารเสพติดและพืชเสพติด ทั้งใบกระท่อมและกัญชา จึงมีข้อเสนอที่เร่งด่วน ขอให้รัฐสภาและรัฐบาลพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชงฯ ที่เสนอโดยเครือข่ายภาคประชาสังคม เครือข่ายเยาวชน นักวิชาการ และประชาชน ร่วมลงชื่อ 20,283 รายชื่อ เพื่อให้กัญชากัญชงใช้เฉพาะประโยชน์ทางการแพทย์ ยุติภาวะเสรีกัญชา ฟื้นภาพลักษณ์ที่ดีของไทย และปกป้องเด็ก เยาวชน กลุ่มเปราะบาง ให้มีอนาคตและสุขภาพที่ดี ส่วนการแก้ไขในระยะยาวคือ 1.ให้ความสำคัญการป้องกัน เฝ้าระวัง และสร้างนิเวศที่ดี เพื่อป้องกันผู้เสพรายใหม่ โดยชุมชนสามารถสร้างสรรค์การทำงานตามบริบทและต้นทุนที่มี 2.ขอให้หน่วยงานภาครัฐและรัฐบาล สนับสนุนการทำงานของประชาชน ชุมชนในทุกมิติ ช่วยเสริมพลังประชาชน ชุมชนท้องถิ่น ที่มีใจอาสาทำงานเพื่อสังคม เพื่อกระจายทุน ทรัพยากร องค์ความรู้ และอำนาจ ส่งเสริมให้มีส่วนร่วมช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด
นายไสว อยู่หลาย แกนนำเครือข่าย ต.หนองโสน อ.เมืองฯ จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า ตนอยู่ในวงจรยาเสพติดกว่า 10 ปี ผันชีวิตมาเป็นแกนนำเฝ้าระวังและปกป้องเด็กเยาวชนจากยาเสพติดในพื้นที่ โดยร่วมกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโสน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานสุขภาพ รพ.สต. อสม. และได้รับการสนับสนุนจาก สสส. ร่วมกันสร้างชุมชนให้ปลอดภัยจากยาเสพติด ในตำบลมีคนพร้อมปรับเปลี่ยนตัวเอง 52 คน เฉพาะในหมู่บ้านมี 20 คน ที่เปิดใจเดินเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูโดยสมัครใจ จะนำบทเรียนไปขยายผลสู่พื้นที่อื่น
นายอัสรี พิกุลจร เยาวชนนักวิ่งเพื่อสุขภาพและฟื้นฟูตัวเอง จ.ปัตตานี กล่าวว่า ตนเริ่มสูบบุหรี่ ลองยาเสพติด 4x100 ทดลองกัญชาตั้งแต่ชั้น ม.4 จนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ติดเพื่อน ขาดเรียนบ่อยจนต้องออกจากมหาวิทยาลัย พอออกมาทำงานเจอเพื่อนก็เริ่มกลับเข้าสู่วงจรการเสพหนักขึ้นอีก และเริ่มเสพยาบ้า ต้องถอนฟันหลายซี่เพราะผลจากยาเสพติด มีปัญหาไตเสื่อม จึงตั้งใจเลิกอย่างจริงจัง ครอบครัวพาออกจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ ใช้เวลา 3 เดือน สุขภาพดีขึ้น ปัจจุบันเข้าสู่วงการนักวิ่งได้เหรียญรางวัล และได้ก่อตั้งทีมชื่อว่า "มาวิ่งกันปะนาเระ" รวมคนก้าวพ้นปัญหายาเสพติด และรณรงค์ร่วมกับ สสส. ป้องกันไม่ให้คนเป็นเหยื่อยาเสพติด
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีประกาศ สธ. เรื่องสมุนไพรควบคุม (ช่อดอกกัญชา) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 26 มิ.ย.2568 ว่า ร้านค้าที่มีการขายช่อดอกกัญชาก็ต้องค่อยๆ ปรับตัว ถ้ายังไม่เข้าใจหรือเข้าใจยาก ก็ค่อยๆ ทำความเข้าใจแนวทางประกาศฉบับใหม่ของ สธ. ซึ่งมีการนำเรื่องกัญชาทางการแพทย์ใส่ไว้ โดยอนุญาตขายให้ได้เฉพาะผู้ที่มีใบสั่งแพทย์กับวิชาชีพที่กำหนดไว้ในประกาศ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย เรื่องกัญชาทางการแพทย์ 100%
ถามถึงกรณีที่จะมีผู้ชุมนุมจะเดินทางมา สธ. วันที่ 7 ก.ค.นี้ เรียกร้องให้ทบทวนประกาศฉบับล่าสุด และเร่งผลักดัน พ.ร.บ.ควบคุมกัญชา นายสมศักดิ์กล่าวว่า ถ้ามีใจเป็นกลางก็จะรู้ว่า พ.ร.บ.เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภา โอกาสที่จะจบได้ง่ายๆ ไม่มี เพราะสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการนำเข้าสภาแล้วไม่จบ มาในสมัยนี้คิดว่าไม่รวดเดียวจบ เนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (บอร์ด ป.ป.ส.) หลังปลดล็อกให้เวลา 120 วัน ไปดำเนินการทำกฎหมาย หรือทำเรื่องที่เกี่ยวกับการควบคุมให้จบ แต่ขณะนั้นก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นหากรู้ว่าทำกฎหมายไม่ทัน ก็ต้องประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติดหรือประกาศให้เป็นสมุนไพรควบคุม แต่ก็ไม่ได้ทำเอาไว้ เป็นปัญหามาถึงตอนนี้ แล้วจะโทษใคร
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการมองว่าการดำเนินการเรื่องกัญชาเช่นนี้ เป็นการผูกขาดธุรกิจกัญชาให้อยู่ในกลุ่มทุนใหญ่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไปพิสูจน์มา พิสูจน์ให้ได้ อย่าพูดลอยๆ
เมื่อถามต่อว่า พ.ร.บ.ควบคุมกัญชาฉบับ สธ. ทำเสร็จตั้งแต่สมัย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เป็น รมว.สธ. และเพื่อไทยเองเป็นรัฐบาลมา 2 ปี แต่ยังไม่ผลักดัน นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันเลย สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ แถลงให้กัญชาเป็นยาเสพติด ทำให้เรื่อง พ.ร.บ.กัญชาต้องพับไป ต้องเริ่มนับ 1 ใหม่ ยื้อยุดฉุดมือกันไปอีกพักใหญ่ และตนมาเป็น รมว.สธ.ได้เกือบ 1 ปี ไม่ถึง 2 ปี
เมื่อถามถึงการออกประกาศฉบับล่าสุดตีความว่าเป็นการเอาคืนทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายสมศักดิ์กล่าวว่า จะเป็นการเมืองได้อย่างไร เป็นนโยบายที่ต้องดำเนินการให้ความปลอดภัยกับประชาชน ก็ให้ประชาชนพิจารณาเอาเอง แก่นแกนของปัญหากัญชาคืออะไร อย่าไปเลี้ยวออก ส่วนการเมืองไปสู้กันในสภา
ถามย้ำว่า ที่ถูกมองเป็นเกมการเมือง เพราะที่ผ่านมาไม่มีการตรวจสอบร้าน แต่มาไล่จับหลังจากที่ภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล นายสมศักดิ์กล่าวว่า แล้วได้อะไรกับการที่เป็นเกมการเมืองหรือไม่ เป็นเกมการเมือง สนุกอะไรตรงไหน ซึ่งสมัยนายกฯ เศรษฐาก็จะให้ประกาศเป็นยาเสพติดอยู่แล้ว วันนั้นถึงวันนี้ไม่ถึงปี ตอนนั้นภูมิใจไทยก็ยังอยู่ร่วมรัฐบาลด้วย นโยบายมันเป็นอย่างไรก็พิจารณา.