กรมบัญชีกลางเผยเบิกงบลงทุนปี 68 ต่ำเป้า ห่วงกระทรวงใหญ่ ใช้ไม่ทัน
รายงานข่าวจากระทรวงการคลังระบุว่า การเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี 2568 ภายใต้วงเงินรวม 4.03 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2568 และเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีล่าสุด ณ วันที่ 1 สิงหาคม สามารถเบิกจ่ายได้ 3.17 ล้านล้านบาทคิดเป็น 78.56% เท่านั้น ยังเหลืิอ อีก 21.24% ก่อนจะสิ้นปีงบประมาณในวันที่ 30 กันยายน 2568
นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลางเปิดเผยว่า ยอมรับว่า การเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐ ยังต่ำกว่าเป้าหมาย โดยรัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลัง สั่งการให้กรมติดตามเป็นรายกระทรวง ซึ่งขณะนี้กรมบัญชีกลางเร่งรัดและติดตามการเบิกจ่ายอย่างเข้มข้น ซึ่งมีการติดตามเป็นรายสัปดาห์
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่กรมบัญชีกลางกังวลคือ บางกระทรวงที่จัดซื้อจัดจ้างได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และยังได้งบกลางเพิ่มขึ้นอีก จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ฉะนั้น กรมบัญชีกลางต้องติดตามเร่งรัดอย่างใกล้ชิด ซึ่งกรมบัญชีกลาง ได้ตั้งตั้งอนุกรรมการกำกับการใช้จ่ายเงินงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีนายธีรลักษ์ แสงสนิท รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เพื่อติดตามเรื่องดังกล่าว
“เราได้ตั้งอนุกรรมการกำกับการใช้จ่ายเงินงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อกำกับติดตามการเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีการประชุมทุกสัปดาห์ เพราะตอนนี้การเบิกจ่ายงบ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ งบภายใต้พ.ร.บ.งบประมาณ และงบภายใต้การกระตุ้นเศรษฐกิจ”
สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำเป็นไปตามเป้าหมาย แต่การเบิกจ่ายงบลงทุน ที่อยู่ภายใต้พ.ร.บ.งบประมาณ 68 ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้มีการก่อหนี้ไปแล้ว 78.50% มีการเบิกจ่ายจริง 57% โดยเป้าหมายในสิ้นเดือนสิงหาคม คาดว่าจะสามารถก่อหนี้ได้ 92% และมีการเบิกจ่ายจริง 71%
ขณะที่ภาพรวมการเบิกจ่ายทั้งหมดในปีงบประมาณ 68 ตอนนี้มีการก่อหนี้ไปแล้ว 83.20% เบิกจ่ายแล้ว 78.73% เป้าสิ้นเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 93% และเป้าการเบิกจ่ายอยู่ที่ 87% ซึ่งหากย้อนไปดูสัดส่วนการเบิกจ่ายตามเป้าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา การเบิกจ่ายยังต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย ยอมรับว่าในปีงบประมาณ 68 เป้าหมายการเบิกจ่ายงบลงทุนจะต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ 80% และคาดว่าจะสามารถทำได้ประมาณ 75%
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้การเบิกจ่ายงบลงทุนต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากกระบวนการจัดซื้อจัดซื้อจัดจ้างที่ยังไม่พร้อม เช่น ผู้รับจ้างอาจจะยังไม่มีความพร้อม มีการอุทธรณ์ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ยังมีจำนวนการอุทธรณ์เข้ามาจำนวนมาก แต่กรมบัญชีกลางก็ได้สร้างกระบวนการให้ดีขึ้น และใช้เวลาตามกฎหมายส่วนใหญ่ไม่เกิน 60 วัน
ขณะที่การผูกพันงบประมาณนั้น หากมีการประกาศจัดซื้อจัดจ้างแล้ว สามารถกันเงินไว้ใช้ในปีงบประมาณถัดไปได้ ไม่ต้องลงนามในสัญญา และจะต้องมีการออกประกาศจัดซื้อจัดจ้าง ประกวดราคาก่อน 30 กันยายน 68 ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของกรมบัญชีกลาง
ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 69 มีความกังวลในเรื่องสะสม เนื่องจากงบปกติยังทำได้ไม่ตามเป้าหมาย และหลายหน่วยงานยังมีงบเพิ่มเข้าไปอีก จากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกระทรวงขนาดใหญ่ ที่มีงบประมาณเข้าไปอยู่แล้ว ซึ่งกังวลเรื่องกระบวนการที่จะจัดทำไม่ทัน
ส่วนการเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจ กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลได้อนุมัติวงเงินรอบแรกแล้ว 1.15 แสนล้านบาทแล้ว ขณะนี้หลายหน่วยงานได้ทยอยเบิกจ่ายแล้ว และบางหน่วยงานก็มีการเบิกจ่ายเป็นก้อน
ขณะที่บางหน่วยงานไม่กล้าเบิกจ่าย เนื่องจากรอจัดสรรงบประมาณก่อน ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ทำความเข้าใจหน่วยงานต่างๆ ผ่านหนังสือเวียนแล้ว สามารถดำเนินการได้เลย เนื่องจากเม็ดเงินดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของสภาฯ แล้ว ซึ่งสามารถเร่งกระบวนการก่อนได้
ก่อนหน้านี้ นายธีรลักษ์ แสงสนิท รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจรายจ่ายและหนี้สินกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาทว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 มีมติเห็นชอบ 481 โครงการ 8,939 รายการ วงเงินอนุมัติทั้งสิ้น 115,375 ล้านบาท
คณะอนุกรรมการกำกับและติดตามผลการดำเนินงานงานตามแผนขับคลื่อนเศรษฐกิจได้ประชุมเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เพื่อกำหนดแนวทางการกำกับและเร่งรัดติดตามการดำเนิน โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
โดยขณะนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2568) สำนักงประมาณจัดสรรเงินให้หน่วยรับงบประมาณแล้ว จำนวน 148 โครงการ 5,595 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 87,365 ล้านบาท คิดเป็น 75.72% ของวงเงินอนุมัติ
นายธีรสักษ์กล่าวเติมว่า โครงการกระตุ้นศรษฐกิจ มีวัตถุประสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ประกอบกับเหลือระยะเวลาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างประมาณ 2 เดือน ก่อนสิ้นปีงบประมาณ จึงขอให้หน่วยรับงบประมาณที่โครงการได้รับความเห็นชอบจากครม.เร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายได้ตามแผนที่กำหนด ส่งผลให้เกิดการจ้างงานและการขยายตัวของเศรษฐกิจตามเป้าหมาย
“เพื่อให้การกำกับติดตามผลการดำเนินงานโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คณะอนุกรรมการฯ จะประชุมเร่งรัดติดตามการดำเนินงานเป็นประจำทุกเดือน โดยใช้ DASHBOARD “แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท” เป็นเครื่องมือ ในการติดตามและรายงานคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป”
หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,122 วันที่ 14 - 16 สิงหาคม พ.ศ. 2568