แกะรอยประวัติศาสตร์จากภาพยนตร์ ท่าแร่ ชุมชนคาทอลิกใหญ่สุดในไทย เก่าแก่กว่า 141 ปี
“โลกของพ่อนับถือพระเจ้า แต่โลกของผมนับถือผี…” ใครที่ได้ชมภาพยนตร์ ท่าแร่ ไปแล้วคงจะได้เห็นความทับซ้อนทางความเชื่อและวัฒนธรรมระหว่างคริสต์คาทอลิก และความเชื่อเรื่องผีอีสาน ซึ่งความทับซ้อนนี้มีอยู่จริงที่ บ้านท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ชุมชนคริสต์คาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สามารถย้อนประวัติศาสตร์ไปได้ราว 141 ปี
เมื่อคาทอลิกเดินทางสู่ถิ่นอีสาน
แม้ศาสนาคริสต์จะเริ่มเข้ามาในไทยตั้งแต่สมัยอยุธยาผ่านมิชชันนารี แต่ก็กระจุกอยู่แค่โซนลุ่มน้ำเจ้าพระยา จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่เริ่มมีการสร้างทางรถไฟเชื่อมไปถึงดินแดนที่ราบสูงอีสาน การสำรวจดินแดนลุ่มแม่น้ำโขงจึงเริ่มขึ้น แต่กระนั้นก็การเดินทางของมิชชันนารียุคแรกไปยังฝั่งที่ราบสูงอีสานก็ยังคงต้องล่องเรือไปตามลำน้ำมูล สลับขี่ม้า สลับกองเกวียน โดยจากกรุงเทพฯ ไปสุดแดนอีสานที่อุบลราชธานีก็ต้องใช้ระยะเวลาเดินทางยาวนานราว 30 วัน
ศูนย์คริสตังแห่งแรกในดินแดนอีสานถือกำเนิดขึ้นบนที่ดินรกร้างฝั่งตะวันตกของเมืองอุบลราชธานี ใน พ.ศ.2424 จากนั้นขยายสู่หนองคายและมาถึงสกลนคร กระทั่งได้มีการก่อตั้งหมู่บ้านมีคาแอลแห่งหนองหารขึ้นที่ ท่าแร่ จังหวัดสกลนคร ใน พ.ศ. 2427 แต่กว่าจะก่อตั้งเป็นชุมชนต่างศาสนาบนแผ่นดินอีสานที่นับถือพุทธและผีมาอย่างเหนียวแน่นได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในช่วงแรกชาวสกลนครมีการต่อต้านมิชชันนารีถึงขั้นขว้างปาสิ่งของใส่ รวมทั้งมีการออกคำสั่งห้ามติดต่อกับมิชชันนารี โดยผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 4 ตำลึง แถมยังถูกเฆี่ยนด้วยหวาย 20 ที แต่ในระหว่างที่เกิดกระแสต่อต้านก็มีกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า “ผีปอบ” ราว 40 คนมาขอให้เหล่ามิชชันนารีช่วยรับพวกเขาไว้
ท้ายที่สุดมิชชันนารีกลุ่มนี้ก็ได้หาที่อยู่ใหม่ ชวนกันต่อแพล่องเรือเงียบๆ ในยามค่ำคืนแล้วอพยพไปอยู่อีกฟากฝั่งของหนองหาร นั่นก็คือ ชุมชนท่าแร่ หรือ หมู่บ้านนักบุญมีคาแอลแห่งหนองหาร โดยในช่วงแรกไม่ใช่แค่ผู้ที่นับถือคริสตังเท่านั้นที่อพยพมาอยู่ที่ท่าแร่ แต่ยังมีชาวอีสานที่ถูกมองว่าเป็นปอบ ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นในชุมชนก็เริ่มอพยพเข้ามาอยู่ที่ชุมชนท่าแร่ด้วย
ท่าแร่ยังมีกลุ่มชาวเวียดนามที่หนีภัยสงครามลี้ภัยข้ามฝั่งโขงเข้ามาอาศัย รวมทั้งกลุ่มชาติพันธุ์อีสานอย่างโส้ ญ้อ ภูไทต่างก็เข้ามาอยู่ที่ท่าแร่ ทำให้ความเป็นคริสต์ของชุมชนแห่งนี้ถูกผสมผสานเข้ากับวิถีวัฒนธรรมที่หลากหลาย และหล่อหลอมสร้างเป็นอัตลักษณ์เฉพาะ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ภาพยนตร์ท่าแร่จะมีการพบกันระหว่างบาทหลวงของคริสต์และหมอเหยาซึ่งเป็นการนับถืผีของชาติพันธุ์อีสานแถบเทือกเขาภูพาน
ถอดดีไซน์ “โบสถ์คำเกิ้ม” เก่าแก่สุดในอีสาน
ในส่วนของภาพยนตร์ ท่าแร่ นั้นได้สร้างฉากโบสถ์คริสต์โบราณขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นฉากปมปริศนาทั้งจุดเริ่มต้นและจุดไคลแมกซ์ของเรื่องราวทั้งหมดที่ทำให้ “ตามิ่ง” (เอก ธเนศ) มีอาการผิดปกติ ส่งผลให้ “บาทหลวงเปาโล” (เจมส์ จิรายุ) และ “หมอเหยา” (มีน พีรวิชญ์) ต้องเข้ามาล้วงความลับพร้อมปราบผี โดยโบสถ์หลังนี้แม้จะสร้างใหม่ แต่ถอดดีไซน์ดั้งเดิมมาจาก โบสถ์คำเกิ้ม จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นโบสถ์คริสต์ที่เก่าแก่สุดในภาคอีสานที่ยังคงหลงเหลืออยู่ โดยทางทีมงานใช้ระยะเวลาสร้างราว 2 เดือนเพื่อถอดโครงสร้างสถาปัตยกรรมโบสถ์โบราณให้ละเอียดที่สุด ย้อนถึงประวัติศาสตร์ศาสนาคริสต์ที่ได้เผยแพร่เข้ามาในจังหวัดนครพนมเมื่อ พ.ศ. 2428 จนเกิดชุมชนชาวคริสตังใหม่ที่บ้านคำเกิ้ม ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนมประมาณ 3-4 กิโลเมตร ต่อมาได้มีคณะบาทหลวง นำโดย คุณพ่อโปรโดม คุณพ่อซาเวียร์ คุณพ่อดาแบง เดินทางเข้ามาที่ชุมชนชาวคริสตังบ้านคำเกิ้ม และได้สร้างวัดขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีถือศีลล้างบาปให้แก่ชาวบ้าน
“หมอเหยา” ความเชื่อเรื่องผีของชาติพันธุ์อีสาน
นอกจากศรัทธาในคริสตศาสนาแล้ว ในภาพยนตร์ท่าแร่ เรายังจะได้เห็นการปราบผีที่ผสามผสานระหว่างอำนาจของ บาทหลวง ฝั่งคริสต์ และ หมอเหยา (รับบทโดย มีน พีรวิชญ์ เป็นหมอเหยาชาวภูไท) ฝั่งอีสาน โดยมี พิธีเหยา เป็นพิธีกรรมติดต่อกับผีผ่านการเข้าทรง และมี หมอเหยา เป็นสื่อกลาง จุดประสงค์ก็มีทั้งเพื่อรักษาโรค เรียกขวัญ ไปจนถึงแก้บน เซ่นไหว้ เลี้ยงผี
สำหรับ พิธีเหยา เป็นการนับถือผีที่จะเห็นได้ในชุมชนชาติพันธุ์อีสานรอบๆ ภูพาน รวมทั้งอีสานตอนบน ทั้งภูไท ทั้งโส้ โดยเฉพาะในหมู่ชาวโส้นั้นจะมีการจัดพิธีเหยาเป็นประเพณีใหญ่ประจำปีในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 จนเรียกว่าปีใหม่ของชาวโส้ก็ว่าได้ โดยพิธีเหยาไม่ได้มีแค่อาหาร เครื่องคาย (เครื่องเซ่น เครื่องไหว้) แต่ยังต้องมีเครื่องดนตรีสำคัญอย่างแคนเพื่อให้คนในพิธีและผีบรรพบุรุษได้ฟ้อนรำ
ในการประกอบพิธี หมอเหยาจะเรียกผีบรรพบุรุษมาเข้าทรงลูกหลานคนที่รับสืบทอดซึ่งจะกลายเป็น “ลูกเมือง” ของหมอเหยาที่มีฐานะเป็น “แม่เมือง” ส่วนสถานที่ทำพิธีเหยาก็เป็นได้ทั้งหอบรรพบุรุษที่ต้องห้ามสำหรับคนนอกตระกูล หรือหากจัดที่บ้านหมอเหยาจะเรียกว่า “ลงสนาม” ซึ่งพิธีการเหยาและเรื่องราวของหมอเหยาก็เป็นอีกวิถีวัฒนธรรมที่ไม่ได้เห็นบ่อยนักในภาพยนตร์กระแสหลัก แต่กลับถูกยกมาเป็นเส้นเรื่องหลักของภาพยนตร์ท่าแร่ ที่มีการปะทะทางความเชื่อของวัฒนธรรมอีสานได้อย่างน่าสนใจและน่าตื่นเต้นกับความสยองของเส้นเรื่องไปพร้อมๆ กัน
Fact File
- ภาพยนตร์ ท่าแร่ โดย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล เล่าถึงความเชื่อของ 2 ศาสนาที่ต้องมาอยู่ร่วมกันในชุมชนบ้าน ท่าแร่ จังหวัดสกลนคร ผลงานของผู้กำกับหนังสยองขวัญแห่งยุค “ทวีวัฒน์ วันทา” ซึ่งเคยสร้างความหลอนระดับชาติจากภาพยนตร์ ธี่หยด 1-2 นำแสดงโดย “เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข” กับการสวมบทบาทเป็น บาทหลวง ผู้มีศรัทธากล้าแกร่ง และการพลิกคาแรกเตอร์ของ “มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร” มาเป็น หมอเหยา ผู้เชี่ยวชาญการรักษาทางจิตวิญญาณ
อ้างอิง
- นิตยสารสารคดี ฉบับตุลาคม 2567 และ กันยายน 2562
The post แกะรอยประวัติศาสตร์จากภาพยนตร์ ท่าแร่ ชุมชนคาทอลิกใหญ่สุดในไทย เก่าแก่กว่า 141 ปี appeared first on SARAKADEE LITE.