ICHI ชาพร้อมดื่มฟื้น-OEM หนุน ดันรายได้โต 9.5 พันลบ.

หุ้นวิชั่น-ICHI ครึ่งปีหลังนี้ผลงานโตดีกว่าครึ่งปีแรก รับสต็อกสินค้าชาพร้อมดื่มกลับมามากขึ้น หลังไตรมาสแรกรับผลกระทบ ลานีญ่า (La Niña) ทำยอดขายหด ขณะที่ได้แรงหนุนจาก OEM ดีต่อเนื่อง คาดทำยอดขายได้ตามเป้า 500 ล้านบาท หนุนรายได้ทั้งปีเข้าเป้า 9,500 ล้านบาท

นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้คาดปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมีคำสั่งซื้อกลับเข้ามามากขึ้น เพื่อสต็อกสินค้ารองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม 2568 ถือว่ามีอากาศร้อน และฝนตกน้อยลง สะท้อนจากยอดขายตลาดเครื่องดื่ม ชาพร้อมดื่ม ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กลับมาเป็นบวกแล้ว ที่ 2.13% หลังจากไตรมาส 2/68 ติดลบ ขณะที่แนวโน้มของเดือนสิงหาคมนี้ ก็คาดว่ายอดขายจะปรับตัวขึ้น มากกว่าเดือนก่อนหน้า

ทั้งนี้ในแง่ของการทำการตลาด บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการทำแบรนด์ ICHITAN เป็น Top-of-Mind Brand ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย, การทำแคมเปญใหญ่ ร่วมกับ Wholesaler & Retailer ในช่วงปลายปีนี้, การพัฒนาหรือออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง และการ Focus Value for Money จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ลูกค้ามองหาสินค้าที่ได้คุณภาพ แบรนด์ดิ้งที่ดี และคุ้มค่า เช่น เครื่องดื่มน้ำด่างอิชิตัน หรือ อิชิตัน พีเอสพลัส, เครื่องดื่มอิชิตันขนาดใหญ่ เป็นต้น โดยวางงบลงทุนสำหรับการตลาดไว้ที่ 4.5% ของยอดขาย

ส่วนตลาดส่งออก โดยเฉพาะที่กัมพูชา ปัจจุบันมีการปิดด่านชายแดน ทำให้ไม่สามารถขนส่งสินค้าทางบก ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเปลี่ยนการขนส่งสินค้าไปเป็นทางเรือแทน ขณะที่ตลาดใน สปป.ลาว ยังมีการขยายตัวดี จากการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่อง ด้านการรับจ้างผลิตสินค้า(OEM) เพื่อส่งออก มียอดผลิตสินค้ามากขึ้น โดยในส่วนของเครื่องดื่มแบรนด์อีฟ (IF) น้ำมะพร้าว มียอดผลิตในไตรมาส 3/2568 ที่ 8 แสนลัง ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/2568 หนุนรายได้ในไตรมาส 3/2568 คาดอยู่ราว 180 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 225 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าทั้งปีจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 500 ล้านบาท

“ปีนี้เศรษฐกิจจะดีที่สุด แต่นับจากปีนี้ไปอีก 3-4 ปีจะแย่ลง แต่เราไม่ได้บอกว่า อิชิตัน จะแย่ลง เนื่องจากเราสามารถหารายได้เข้ามา แม้ผลงานไตรมาส 1/2568 ของเราจะแย่ที่สุด จากสภาพอากาศแปรปรวน หรือ ลานีญ่า (La Niña) ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนัก กระทบยอดขายตกลง แต่ไตรมาส 2/2568 เราดีขึ้นจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และ OEM เข้ามาหนุน และคาดว่าครึ่งปีหลังก็จะดีขึ้น ทำให้มั่นใจว่าทั้งปียอด OEM จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 500 ล้านบาท” นายตัน กล่าว

นอกจากนี้บริษัทร่วมทุนอินโดนีเซีย ในครึ่งปีหลังนี้จะมุ่งเน้นการเจาะตลาดไปยังเมือง เกาะที่มีศักยภาพมากขึ้น โดยกำไรของปีนี้ได้ปรับคาดการณ์ลงมาที่ 15 ล้านบาท แต่ยังเติบโตจากปีก่อน เนื่องจากกำไรไตรมาส 2/2568 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการปรับแผน Write off หรือการตัดจำหน่ายสินค้า ที่จากเดิมจะอยู่ในไตรมาส 4 ไตรมาสเดียว แต่ปัจจุบันมีการแบ่งมาในไตรมาส 2 เพื่อสร้างผลกำไรให้มีความเสถียร

แนวโน้มต้นทุนในครึ่งปีหลังนี้ โดยรวมคาดว่าจะปรับตัวลดลง จากการทำสัญญาล็อกต้นทุนยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่มียอด OEM สูงขึ้น คาดสนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นสิ้นปีนี้จะอยู่ราว 24% และอัตรากำไรสุทธิน่าจะไม่ต่ำกว่า 16% พร้อม มั่นใจรายได้ปี 2568 เติบโตแตะ 9,500 ล้านบาท