"คนอเมริกัน"รู้สึกข้าวยาก"หมากแพง"-ปรับใช้จ่าย
ผลสำรวจที่จัดทำโดย AP-NORC ระบุว่า ชาวอเมริกันร้อยละ 53 ที่ตอบแบบสำรวจล่าสุดรู้สึกเครียดกับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นความกังวลหลัก ๆ ในขณะที่ร้อยละ 33 มองว่าเป็นความเครียดรองลงมา และมีเพียงร้อยละ 14 ที่ไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นความเครียด
ผลสำรวจชี้ว่าชาวอเมริกันยังคงกังวลเกี่ยวกับราคาอาหารที่สูงและสภาพเศรษฐกิจ แม้ว่าราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจะชะลอตัวลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าราคาจะปรับลดลง ในบางสินค้า อาทิ ไข่ เนื้อวัว น้ำส้ม และสินค้าอื่น ๆ ราคาอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการผลิตหรือสภาพอากาศเลวร้าย
ขณะเดียวกันก็มีสัญญาณบ่งชี้ว่าภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลกระทบต่อราคาผลไม้นำเข้า อาหารกระป๋อง กาแฟ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ หลายรายการ
“เดวิด ออร์เตกา” นักเศรษฐศาสตร์ด้านอาหารจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน กล่าวกับ CNN ว่า ผลสำรวจล่าสุดสะท้อนถึงความผิดหวังต่อคำมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ประกอบกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจ
ที่จริงแล้วชาวอเมริกันมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นจากสงครามการค้าตั้งแต่ต้นปี แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงค่อนข้างต่ำ โดยมีเพียงไม่กี่หมวดหมู่สินค้าที่ราคาปรับขึ้น เนื่องจากบางธุรกิจแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นและยังไม่ส่งภาระต่อไปยังผู้บริโภค ส่วนอีกหลายธุรกิจกักตุนสินค้าไว้ล่วงหน้า แต่ในเดือนมิถุนายนมีการนำเข้าสินค้าลดลง เพราะมาตรการภาษีเริ่มมีผลบังคับใช้ ทำให้สินค้าที่ผลิตในต่างประเทศมีราคาสูงขึ้น
ภาคธุรกิจระบุว่า ผู้บริโภคอเมริกันจำกัดการใช้จ่ายและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค โดยหันไปซื้อสินค้าขนาดเล็กลง ใช้คูปองส่วนลด งดซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ซื้อเฉพาะสินค้าจำเป็น และรับประทานอาหารที่บ้านมากขึ้นด้วย
นักเศรษฐศาสตร์มองว่า นี่เป็นสัญญาณที่น่ากังวลและเป็นส่วนหนึ่งของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อตลาดงานและแผนการเติบโตของบริษัท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง