“สหรัฐ-จีน” ยังไม่ขยายเวลาพักรบภาษี เสี่ยงตึงเครียดรอบใหม่ ก่อนเส้นตาย 12 ส.ค.
ข้อตกลงพักรบภาษี 90 วัน "สหรัฐ-จีน" ใกล้สิ้นสุด 12 ส.ค. ท่ามกลางความขัดแย้งตั้งแต่การค้าสินค้าเกษตร ชิปเซมิคอนดักเตอร์ แร่หายาก จนถึงน้ำมันรัสเซีย
วันที่ 11 สิงหาคม 2568 เวลา 13.10 น. สำนักข่าว CNBC รายงานว่า สหรัฐและจีนยังไม่ได้ประกาศขยายเส้นตายการพักรบภาษี แม้ข้อตกลงชั่วคราวจะใกล้ถึงเส้นตาย 12 สิงหาคม 2568 โดยความตึงเครียดในหลายประเด็นกลับปะทุขึ้นอีกครั้ง
หลังการประชุมทวิภาคีครั้งล่าสุดที่กรุงสตอกโฮล์มเมื่อเดือนกรกฎาคม ฝ่ายจีนแสดงท่าทีมองโลกในแง่ดี โดยระบุว่า ทั้งสองฝ่ายจะทำงานร่วมกันเพื่อขยายเวลาพักรบออกไปอีก 90 วัน แต่ฝั่งสหรัฐได้โยนการตัดสินใจให้เป็นอำนาจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าจะยอมขยายหรือไม่ ทำให้เกิดความกังวลว่าความตึงเครียดระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่อันดับหนึ่งและสองของโลกอาจกลับมาปะทุอีกครั้ง
ในเดือนพฤษภาคม ทั้งสองฝ่ายตกลงพักรบภาษีเป็นเวลา 90 วัน ลดอัตราภาษีจาก 145% ที่ใช้ในเดือนเมษายน พร้อมชะลอมาตรการลงโทษเพิ่มเติม เพื่อเปิดพื้นที่ให้มีการเจรจาต่อไป ข้อตกลงนี้จะหมดอายุในวันอังคารที่จะถึงนี้
ปัจจุบันสินค้าส่งออกจากจีนไปสหรัฐฯ เผชิญกับภาษี 20% ที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาว่าจีนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำสารเฟนทานิลเข้าสหรัฐ บวกกับภาษีพื้นฐาน 10% และภาษี 25% สำหรับสินค้าบางประเภทที่เก็บตั้งแต่สมัยทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ขณะที่สินค้าสหรัฐส่งออกไปจีนถูกเก็บภาษีเฉลี่ยกว่า 32.6% ตามข้อมูลของสถาบัน Peterson Institute for International Economics
แม้การขยายเวลาพักรบยังไม่ชัดเจน แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำทรัมป์-สี จิ้นผิง ที่กรุงปักกิ่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเอียน เบรมเมอร์ ประธาน Eurasia Group มองว่า การประชุมนี้อาจทำให้ความสัมพันธ์มีเสถียรภาพขึ้น แต่ไม่ถึงขั้นเป็นมิตรมากขึ้น เพราะทั้งสองฝ่ายกำลังมุ่งสู่การแยกตัวทางเศรษฐกิจ (decoupling) ตามสภาพแวดล้อมการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ใหม่
การค้าและการตกลงซื้อสินค้า
แม้จะมีการพักรบภาษี แต่การค้าระหว่างสองประเทศยังได้รับผลกระทบหนัก ข้อมูลเดือนกรกฎาคมของจีนชี้ว่าส่งออกไปสหรัฐลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 หดตัว 21.7% จากปีก่อน โดยเดือนพฤษภาคมลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มโควิด-19 ขณะที่การนำเข้าจากสหรัฐในช่วง ม.ค.–ก.ค. ลดลง 10.3%
จูเลียน อีแวนส์-พริตชาร์ด หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์จีนของ Capital Economics คาดว่า ข้อตกลงการค้าอาจรวมถึงการที่จีนเพิ่มการซื้อสินค้าสหรัฐ โดยเฉพาะพลังงาน สินค้าเกษตร และหากสหรัฐฯ อนุญาต ก็รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์ผลิตชิป ซึ่งรูปแบบของข้อตกลงมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นภาคต่อของข้อตกลงเฟสแรก ปี 2563 ที่จีนเคยตกลงจะเพิ่มการซื้อสินค้าและบริการสหรัฐอีก 200,000 ล้านดอลลาร์จากระดับปี 2560 แต่ไม่สามารถทำได้ตามเป้าเพราะโควิด-19
เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์โพสต์ใน Truth Social ว่าเขาหวังให้จีนเพิ่มการสั่งซื้อถั่วเหลืองเป็น 4 เท่าโดยเร็ว โดยข้อมูลของ Wind Information ระบุว่าการนำเข้าถั่วเหลืองของจีนเพิ่มขึ้น 36.2%, 10.4% และ 18.4% ในเดือน พ.ค.-ก.ค. ตามลำดับ
อย่างไรก็ดีการส่งออกสินค้าจีนไปสหรัฐลดลง 12.6% ตั้งแต่ต้นปีถึงกรกฎาคม แม้ส่วนใหญ่ถูกชดเชยด้วยการส่งออกไปอาเซียนที่เติบโต 13.5% ซึ่งสร้างความกังวลเรื่องการส่งผ่านสินค้า (transshipment) เพื่อหลบเลี่ยงภาษี
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการส่งออกซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจจีน อาจชะลอลงหากทรัมป์เดินหน้าจัดเก็บภาษี 40% ครอบคลุมสินค้าที่ส่งผ่านประเทศที่สาม แม้ยังไม่ชัดเจนว่าการกำหนดสินค้าประเภทนี้จะเป็นอย่างไร
ข้อพิพาทด้านการควบคุมการส่งออกชิป
ความตึงเครียดด้านการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ระหว่างสหรัฐ-จีนทวีขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ Nvidia จะเตรียมกลับมาขายชิป H20 ให้จีน หลังทรัมป์สั่งห้ามส่งออกเมื่อเดือนเมษายน นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นเพียงการปรับจุดยืนเล็กน้อย ไม่ใช่การเปลี่ยนทิศทางเชิงยุทธศาสตร์
Financial Times รายงานว่า Nvidia และ AMD ยอมจ่าย 15% ของรายได้จากการขายชิปให้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อแลกกับใบอนุญาตส่งออกไปจีน ขณะที่เจ้าหน้าที่บางฝ่ายมองว่ามาตรการควบคุมการส่งออกที่เข้มงวดเกินไปอาจย้อนกลับและกระตุ้นให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง
การส่งออกแร่หายาก
จีนมีอำนาจต่อรองจากการครองตลาดแร่หายาก และใช้ผ่อนคลายการห้ามส่งออกไปสหรัฐในเดือนมิถุนายน พร้อมเร่งกระบวนการออกใบอนุญาต ส่งผลให้การส่งออกแร่หายากทั่วโลกของจีนในเดือนมิถุนายนพุ่ง 60% จากปีก่อนหน้า แต่มกราคม–กรกฎาคมยังมีความผันผวน
การส่งออกแม่เหล็กถาวรจากจีนไปสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าจากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ราว 353 ตัน
ประเด็นน้ำมันรัสเซีย
อีกประเด็นร้อนคือการที่ทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีเพิ่มกับจีนจากการนำเข้าน้ำมันรัสเซีย จีนยังเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรัสเซียรายใหญ่สุด ขณะที่อินเดียเพิ่งถูกสหรัฐขึ้นภาษีเป็น 50% เมื่อสัปดาห์ก่อน
ข้อมูลล่าสุดชี้ว่าการนำเข้าของจีนจากรัสเซียในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 1.006 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม แม้ลดลง 7.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน
เมื่อวันศุกร์ สี จิ้นผิง ได้โทรศัพท์หารือกับวลาดิเมียร์ ปูติน ก่อนที่ผู้นำรัสเซียจะพบกับทรัมป์เพื่อหารือเรื่องสงครามรัสเซีย–ยูเครน นักวิเคราะห์มองว่าการโทรดังกล่าวมีความเร่งด่วน เพราะเกิดขึ้นระหว่างการลาพักผ่อนประจำปีของสี และอาจเป็นการส่งสัญญาณทางยุทธศาสตร์ให้ทรัมป์ต้องคาดเดาเนื้อหาการเจรจาระหว่างจีนและรัสเซีย
อ้างอิง : www.cnbc.com