ชายแดนป่วน 'ธุรกิจไทย' ปรับแผน แก้เกมตลาดกัมพูชา ชะลอลงทุน เล็งเป้าใหม่ ฟิลิปปินส์ อินเดีย มาเลย์
ชายแดนป่วน ‘ธุรกิจไทย’ ปรับแผน แก้เกมตลาดกัมพูชา ชะลอลงทุน เล็งเป้าใหม่ ฟิลิปปินส์ อินเดีย มาเลย์
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นายสมมาต ขุนเศษฐ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แพนเอเซียฟุตแวร์ จำกัด (มหาชน) และรองประธานกรรมการ บริษัท บางกอกแอธเลติก จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าแพน กล่าวว่า หลังจากเกิดปมข้อพิพาทบริเวณชายแดนไทยกับกัมพูชา ส่งผลกระทบต่อบริษัทบ้างในส่วนของแรงงานกัมพูชาที่ทำงานในโรงงานที่เดินทางกลับประเทศไป จากเดิมมีประมาณ 200 คน ปัจจุบันเหลืออยู่ไม่ถึง 10% บริษัทแก้ปัญหาโดยหาแรงงานคนไทยมาทำงานแทน และติดต่อขอเพิ่มแรงงานจากเพื่อนบ้าน เช่น ลาว ถ้าหากยังไม่พอจะเพิ่มการทำโอทีเป็นการชั่วคราว
“รองเท้าแพน” เล็งฟิลิปปินส์-อินเดียแทนเขมร
นายสมมาตกล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทได้ชะลอแผนการเข้าไปทำตลาดรองเท้าที่ประเทศกัมพูชาออกไปก่อน ไม่ได้เร่งรีบ เนื่องจากยังเป็นตลาดที่กำลังซื้อยังไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียน อย่างเวียดนาม เมียนมา และมาเลเซียที่บริษัททำตลาดอยู่ในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาตลาดประเทศฟิลิปปินส์และอินเดียเพิ่ม พร้อมเร่งทำตลาดประเทศมาเลเซียและเมียนมามากขึ้น
“ตลาดกัมพูชาเรามองว่าจะเข้าไปทำตลาดมาหลายปีแล้ว แต่ไม่ได้เป็นประเทศในอันดับต้นๆ เพราะกำลังซื้อยังต่ำกว่าประเทศอื่นๆ และเมื่อเกิดเหตุปะทะกันขึ้น เราเลยชะลอแผนไว้ก่อน ถ้าเหตุการณ์สงบหรือดีขึ้น คงนำกลับมาพิจารณากันใหม่ ตอนนี้เราก็ต้องมองเรื่องอธิปไตยและประเทศชาติเป็นหลัก ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นเรื่องรอง” นายสมมาตกล่าว
โอดกำลังซื้อในประเทศ-ส่งออกวูบ
นายสมมาตกล่าวว่า ปัจจุบันยอดขายของบริษัทกว่า 80% เป็นตลาดในประเทศ และที่เหลือเป็นตลาดส่งออกไปยังอาเซียน ใน 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซียและเมียนมา โดยภาพรวมยอดขายปีนี้มีการเติบโตลดลงกว่า10% ทั้งตลาดในประเทศที่กำลังซื้อหดตัวไม่น้อยกว่า 10% โดยเฉพาะกลุ่มระดับกลาง-ล่าง เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่วนตลาดส่งออกลดลงค่อนข้างมากจากเดิมเคยมีสัดส่วน 20% เหลือไม่ถึง 10% โดยตลาดแต่ละประเทศมีปัญหาไม่เหมือนกัน อย่างเมียนมามีเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง ส่วนเวียดนามมีความผันผวนด้านเศรษฐกิจขณะที่มาเลเซียเป็นเรื่องของตัวแทนจำหน่าย
“โกลบอลเฮ้าส์” ยังไม่มีแผนลงทุนเพิ่ม
นายวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โกลบอลเฮ้าส์มีสาขาที่ประเทศกัมพูชาจำนวน 2 สาขา ได้แก่ สาขาพนมเปญกับสาขาพระตะบอง ปัจจุบันสร้างรายได้ให้บริษัทไม่ถึง 1% ทั้งนี้จากสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทยกับกัมพูชาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เนื่องจากก่อนหน้านี้บริษัทหยุดนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยไปขายในสาขากัมพูชาที่จะเกิดเหตุปะทะกันแล้ว พร้อมทั้งนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เช่น จีน รวมถึงสินค้าจากผู้ผลิตในพื้นที่เป็นหลัก เพียงแต่การเดินทางไปเยี่ยมสาขาของบริษัทอาจจะไม่มีความสะดวกเท่านั้น ด้านการลงทุนบริษัทยังไม่มีแผนจะขยายการลงทุนเพิ่ม
“ที่กัมพูชาสถานการณ์ในขณะนี้ยังเป็นปกติดี ส่วนตลาดในประเทศไทย ยังมีปัญหาด้านกำลังซื้อที่หดตัวแรง ตามภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลต่อยอดขายของบริษัทไม่ค่อยดี สะท้อนจากยอดขายไตรมาสที่ 2/2568 มียอดขาย 8,183 ล้านบาท ติดลบกว่า 6% มีกำไรสุทธิกว่า 477 ล้านบาท ลดลงกว่า 31.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าหนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง”นายวิทูรกล่าว
“คาราบาว” เร่งเปิดโรงงานใหม่แก้ขนส่งสะดุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG รายงานผลประกอบการไตรมาสที่2/2568 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยระบุว่ารายได้ส่งออกไปตลาดต่างประเทศมีจำนวน 1,404 ล้านบาท ลดลง 3% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดลงของรายได้กลุ่มประเทศ CLMV เป็นหลัก โดยลดลง 4% จากผลกระทบการจำกัดการผ่านแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างกะทันหัน
บริษัทจึงต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางและวิธีขนส่งสินค้าไปทางเรือแทน ซึ่งใช้ระยะเวลานานกว่าทางบก ส่งผลให้การขนส่งสินค้าในช่วงแรกล่าช้าไปเกินกว่ากำหนด อย่างไรก็ตามจากการที่บริษัทได้จัดตั้งโรงงานผลิตสินค้าที่กัมพูชา โดยจะดำเนินการให้เร็วขึ้นกว่ากำหนดการเดิม คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้สิ้นปี 2568 เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่แน่นอนในการนำเข้าสินค้าในระยะยาว
“มาม่า” ยังปักหลักต่อพร้อมแผนสำรอง
นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศกัมพูชาในส่วนของมาม่ายังปกติ เนื่องจากมีโรงงานผลิตบะหมี่ซองที่พนมเปญ จึงไม่กระทบต่อการทำตลาด แต่อาจจะมีปัญหาการขนส่งบะหมี่ถ้วยจากไทยไปยังกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบการปิดด่าน ต้องเปลี่ยนเส้นทางขนส่งจากทางบกเป็นทางเรือแทน ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ได้มีการส่งผ่านรวมกับราคาสินค้าที่ส่งไปขายยังปลายทางแล้ว
“ตลาดกัมพูชามาม่ามีส่วนแบ่งการตลาด 80% และทำตลาดมากว่า 20 ปี เรามีแผนบริหารจัดการความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้วทั้งเรื่องแพคเกจจิ้งหรือการทำตลาด เป็นต้น อย่างไรก็ดีในแง่ของธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อ โดยมีแผนจะย้ายโรงงานเดิมอยู่ที่พนมเปญที่ล้อมรอบด้วยชุมชน ไปสร้างใหม่ในพื้นนิคมฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการ”นายพันธ์กล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ชายแดนป่วน ‘ธุรกิจไทย’ ปรับแผน แก้เกมตลาดกัมพูชา ชะลอลงทุน เล็งเป้าใหม่ ฟิลิปปินส์ อินเดีย มาเลย์
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th