ประวัติ Ozzy Osbourne - Black Sabbath ผู้เปลี่ยนโฉมดนตรีเฮฟวีเมทัลไปตลอดกาล
Ozzy Osbourne : 'เจ้าชายแห่งรัตติกาล' อดีตหนุ่มโรงงาน - ผู้หล่อหลอมเฮฟวีเมทัลและท้าทายทุกความคาดหมาย
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกล่าวถึงประวัติศาสตร์ดนตรีร็อกสมัยใหม่ โดยไม่เอ่ยถึงเงาร่างอันยิ่งใหญ่ของชายผู้หนึ่งจากเบอร์มิงแฮม นามว่า Ozzy Osbourne ออสซี่ ออสบอร์น และวงดนตรีที่เป็นดั่งจุดกำเนิดของทุกสิ่งอย่าง Black Sabbath พวกเขาไม่ได้เพียงแค่สร้างสรรค์บทเพลง แต่ได้ให้กำเนิดแนวเพลงใหม่ทั้งหมดขึ้นมาจากความมืดมิดของยุคอุตสาหกรรมในอังกฤษ พร้อมกับปฏิวัติภูมิทัศน์ทางดนตรีและกำหนดจิตวิญญาณของดนตรีร็อกไปตลอดกาล
โลกในยุคหลังปี 2020 เรารับรู้เรื่องราวว่า ออสซี่ ออสบอร์น ร็อกสตาร์วัยชรา เป็นโรคพาร์กินสัน และในปี 2022 เขาเข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลัง หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุล้มในปี 2019 ซึ่งทำให้อาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถเอทีวีในอดีตรุนแรงขึ้นไปอีก
ต่อมาในปี 2023 เขายกเลิกทัวร์คอนเสิร์ตในสหราชอาณาจักรและยุโรป โดยให้เหตุผลว่า “ร่างกายอ่อนแอ” และความชราภาพกัดกินชีวิต - และสุดท้าย เขาได้เดินทางสู่ "เส้นทางใหม่" และจากโลกนี้ไปในวันที่ 22 ก.ค. 2025 บนวัย 76 ปี
แต่ความจริงแล้ว , บนช่วงวัยแห่งความระห่ำของวัยรุ่น Ozzy Osbourne เขาได้สร้าง ผลงานและมรดกแห่งเสียงเพลงไว้มากมาย
จุดกำเนิดของความ 'หนักหน่วง': มรดกแห่ง Black Sabbath
ก่อนที่โลกจะรู้จักคำว่า "เฮฟวีเมทัล" อย่างแพร่หลาย Black Sabbath ได้วางรากฐานที่สำคัญเอาไว้แล้ว วง Black Sabbath ที่มี Ozzy Osbourne เป็นฟรอนต์แมน คือ "ผลงานสร้างสรรค์ขั้นสูงสุด" ในคำนิยามของวง Anthrax
Black Sabbath นำซาวด์กีตาร์อันหนักหน่วง ทะลุทะลวง และเนื้อหาที่ดำดิ่งสู่ด้านมืดของสังคม สงคราม และจิตใจมนุษย์ มาผนวกรวมกับเสียงร้องโหยหวนอันเป็นเอกลักษณ์ของ Ozzy Osbourne
อัลบั้มแรกของพวกเขา ซึ่งมีชื่อเดียวกันกับวง Black Sabbath และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชุดที่ 2 Paranoid (1970) ที่มีเพลงชาติของชาวเมทัลอย่าง "Iron Man" และ "War Pigs" ได้ทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 บนชาร์ตอัลบั้มแห่งสหราชอาณาจักร และกลายเป็นพิมพ์เขียวของดนตรีเฮฟวีเมทัลนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในขณะที่อัลบั้ม Master of Reality (1971) ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลอย่างยิ่งต่อแนวเพลงเฉพาะทางอย่างดูมเมทัล (Doom Metal) ในเวลาต่อมา
นิค รัสเคลล์ บรรณาธิการนิตยสารดนตรีร็อกระดับโลกอย่าง Kerrang! เคยกล่าวเปรียบเปรยมรดกของ Osbourne ไว้อย่างน่าสนใจว่า ในแง่ของอิทธิพลที่มีต่อแนวทางของตนนั้น "เทียบเท่ากับที่วง The Beatles มีต่อวงการเพลงป๊อป"
ขณะที่ บิลลี คอร์แกน แห่ง The Smashing Pumpkins ชี้ให้เห็นว่า Ozzy ได้ ทำอะไรไว้มากมายสำหรับวงการดนตรี - พวกเขาไม่ได้แค่เล่นดนตรี แต่กำลัง "กำหนดทิศทางและจิตวิญญาณของดนตรีร็อกขึ้นใหม่ สร้างสรรค์แนวเพลงที่ไม่สามารถทำซ้ำได้" ด้วย "เสียงร้องที่โดดเด่นซึ่งกินเวลานานหลายทศวรรษ"
ศิลปินเดี่ยวผู้ไม่ยอมจำนน: ก้าวออกจากเงาและสร้างตำนานบทใหม่
การแยกทางกับ Black Sabbath ในปี 1979 อาจเป็นจุดจบของศิลปินหลายคน แต่มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นบทใหม่ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันสำหรับ Ozzy ออสซี่ ออสบอร์น เขาปลดปล่อยตัวเองจากเงาของวงเก่าด้วยบทเพลง "Crazy Train" ที่ออกมาในปี 1980 ซึ่งไม่เพียงแต่พิสูจน์ความสามารถในฐานะศิลปินเดี่ยว แต่ยังกลายเป็นอีกหนึ่งเพลงสัญลักษณ์ของวงการร็อก
อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก Blizzard of Ozz (1980) ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ได้รับการรับรองยอดขายระดับห้าแพลตตินัมในสหรัฐอเมริกา และตอกย้ำว่า "เจ้าชายแห่งรัตติกาล" ยังคงมีพลังในการ "กำหนดนิยามใหม่ของความหนักหน่วง" ได้เสมอ ด้วยยอดขายรวมกว่า 100 ล้านแผ่นทั่วโลก ทั้งในฐานะศิลปินเดี่ยวและสมาชิกวง Black Sabbath เขายังคงสร้างผลงานฮิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการนำเพลง "Changes" ที่ร้องคู่กับลูกสาว Kelly Osbourne ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตสหราชอาณาจักรได้สำเร็จในปี 2003
สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม: จากเวทีร็อกสู่ไอคอนของทุกคน
นอกเหนือจากผลงานเพลง ภาพลักษณ์ของ Ozzy Osbourne ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ยากจะลบเลือน เขาสร้างตัวตน "เจ้าชายแห่งรัตติกาล" ที่ทั้งน่าเกรงขามและเปี่ยมด้วยเสน่ห์ ผสมผสานกับการแสดงสดที่เปี่ยมพลังและเต็มไปด้วยเรื่องราวอันเป็นที่ถกเถียง เช่น เหตุการณ์กัดหัวค้างคาวบนเวทีที่กลายเป็นตำนานเล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้
ทว่าอีกด้านหนึ่ง โลกก็ได้รู้จักเขาในฐานะหัวหน้าครอบครัวสุดอลหม่านผ่านรายการเรียลลิตี้ทีวีบุกเบิกอย่าง The Osbournes (2002-2005) รายการนี้ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของเขาจากร็อกเกอร์สุดขั้วให้กลายเป็นบุคคลสาธารณะผู้เป็นที่รัก และเผยให้เห็น "ความจริงใจอย่างเหลือเชื่อ" ดังที่ เฮนรี โรลลินส์ อดีตนักร้องนำวง Black Flag กล่าวไว้ ซึ่งนั่นทำให้เขาเป็นที่รักของผู้คนทั่วโลก
เสียงสะท้อนจากตำนาน: ผู้สร้างแรงบันดาลใจ
มรดกที่แท้จริงของ Ozzy Osbourne อาจวัดได้จากเสียงสะท้อนของศิลปินรุ่นหลังและเพื่อนร่วมวงการ วงร็อกอเมริกันระดับตำนานอย่าง Aerosmith ยกย่องเขาว่าเป็น "พี่ชายแห่งวงการร็อก" ผู้ซึ่ง "เปลี่ยนโฉมหน้าดนตรีไปตลอดกาล"
แต่บางทีอาจไม่มีคำสรรเสริญใดจะทรงพลังไปกว่าคำกล่าวจากวง Metallica วงที่เรียกได้ว่าเป็นลูกหลานสายตรงของ Black Sabbath พวกเขากล่าวว่า Ozzy คือ "วีรบุรุษ, ไอคอน, ผู้บุกเบิก, แรงบันดาลใจ, ครู และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อน"
Ozzy Osbourne ไม่ได้เป็นเพียงนักดนตรี เขาคือสถาปนิกผู้ร่วมก่อร่างสร้างแนวเพลงเฮฟวีเมทัล คือศิลปินเดี่ยวผู้พิสูจน์ตัวเองได้อย่างสมศักดิ์ศรี และคือไอคอนทางวัฒนธรรมผู้ทลายกำแพงระหว่างดนตรีร็อกกับกระแสหลักได้อย่างน่าทึ่ง มรดกของเขาจะยังคงดังก้องกังวานอยู่ในทุกริฟฟ์กีตาร์ที่หนักหน่วงและเสียงร้องของศิลปินร็อกรุ่นแล้วรุ่นเล่าต่อไปอีกนานแสนนาน
ที่มา :faroutmagazine.co.ukbbctheguardian
ข่าวที่เกี่ยวข้อง