เศรษฐกิจโตต่ำคาด ‘คลัง’ รับปีงบ 68 จัดเก็บรายได้หลุดเป้า
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สถานการณ์การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2568 คาดว่าจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ต่ำกว่าสมมุติฐาน
"เราพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในปีงบประมาณนี้ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการทำให้ตัวเลขการจัดเก็บรายได้ หากเกิดความคลาดเคลื่อนจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ จะต้องพลาดเป้าให้น้อยที่สุด แม้จะยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเติบโตต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้มากก็ตาม"
สำหรับปีนี้มีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อการประมาณการรายได้เดิม ซึ่งกระทรวงการคลังได้ตั้งสมมติฐานการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไว้สูงถึง 4.5-5% แต่สถานการณ์จริงอาจโตไม่ถึง 2%
อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดเก็บภาษี ได้มีการทำงานอย่างเข้มข้น เพื่อพยายามรักษาระดับการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่สุด อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดเก็บภาษีได้เท่าเดิม
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาในส่วนของรัฐวิสาหกิจ โดยจะมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มจากรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรมากพอ โดยมีเกณฑ์ว่าไม่ควรเก็บกำไรไว้ในธุรกิจโดยไม่นำไปลงทุน อย่างไรก็ตาม รายได้จากรัฐวิสาหกิจแม้จะมีส่วนช่วย แต่ก็เป็นเพียงหลักแสนกว่าล้านบาท
ขณะที่ปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุนการจัดเก็บรายได้รัฐบาล อาทิ รายได้จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และยอดขายรถยนต์ก็ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี เป็นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มขึ้นซึ่งมีอัตราภาษีต่ำ
"กระทรวงการคลังพยายามจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณนี้ให้พลาดเป้าให้น้อยที่สุด และยืนยันว่าสามารถปิดหีบงบประมาณปี 2568 ผ่านการใช้เงินคงคลัง ซึ่งตามกฎหมายสามารถทำได้ โดยไม่ต้องกู้เงินชดเชยหากรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้"
กระทรวงการคลัง รายงานผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 8 เดือนแรกของปี งบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567– พฤษภาคม2568) ว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิจำนวน 1,704,184 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 12,753 ล้านบาท หรือ 0.7% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 28,834 ล้านบาท หรือ 1.7%
โดยภาษีรถยนต์ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ผลการจัดเก็บรายได้ที่ต่ำกว่าประมาณการส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลที่มีนิติบุคคลบางส่วนเปลี่ยนไปยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิ (ภ.ง.ด. 50) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะมีกำหนด ระยะเวลาสิ้นสุดการยื่นแบบในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2568
อย่างไรก็ดี การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจและการจัดเก็บรายได้ของส่วนราชการอื่นสูงกว่าประมาณการ
สำหรับในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2568 กระทรวงการคลังจะติดตามและบริหารการจดัเก็บรายได้อย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมสร้างฐานะการคลังให้มีความมั่นคง พร้อมสนับสนุนการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐต่อไป
ขณะที่ฐานะการคลังของรัฐบาล ตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 1,642,494 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 2,593,065 ล้านบาท
โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 777,123 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ระดับ 420,170 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 338,541 ล้านบาท