ความเชื่อมั่นผู้ผลิตอาเซียนดิ่งเหว หนักสุดรอบ 5 ปีตั้งแต่โควิด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความเชื่อมั่นของผู้ผลิตทั่วอาเซียนมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในอนาคต "น้อยที่สุด" ในรอบเกือบ 5 ปี นับตั้งแต่เกิดการรระบาดใหญ่ของโควิด-19 เนื่องจากบรรยากาศมาตรการภาษีของสหรัฐ แม้ว่าตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นในเดือนที่แล้วก็ตาม
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยดัชนี S&P Global ASEAN Manufacturing PMI เดือนก.ค.ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตในอาเซียนปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ไปอยู่ที่ 50.1 ซึ่งสูงกว่าเส้น 50 เล็กน้อย ที่บ่งชี้ว่าอยู่ในระดับเติบโตหรือหดตัว ดีขึ้นจากเมื่อเดือนมิ.ย. ที่หดตัวลงเหลือ 48.6 หรือหดตัวลงมากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี
ทั้งนี้ อาเซียนได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐมาตั้งแต่ต้นปีนี้ หลังจากมีการขู่ขึ้นภาษีนำเข้าในระดับสูงกับหลายประเทศเมื่อเดือนเม.ย. และล่าสุดวันนี้ (1 ส.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสำหรับภูมิภาคนี้ไว้ที่ 10% ถึง 40%
เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้พึ่งพาการผลิตและการส่งออกภาคอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา และยังทำหน้าที่เป็นตัวชี้วัดกิจกรรมการค้าและอุปสงค์ทั่วโลก
อุปสงค์ภายนอกมีการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากคำสั่งส่งออกใหม่หดตัวในอัตราที่ช้าลง และราคาผลผลิตเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์จากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี ในมุมมองความเชื่อมั่นต่ออนาคตของผู้ผลิตกลับออกมาสวนทางกัน S&P Global ระบุว่า ความเชื่อมั่นต่ออนาคตในปีหน้าของผู้ผลิตในอาเซียนกลับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2020 โดยดัชนีเคลื่อนไหวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว ซึ่งบริษัทต่างๆ คาดการณ์ว่าการขยายตัวของการผลิตจะอยู่ในระดับปานกลาง
มารยัม บาลุช นักเศรษฐศาสตร์จาก S&P Global Market Intelligence กล่าวว่า ช่วงเริ่มต้นครึ่งหลังของปี 2568 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่น่าพอใจในภาคการผลิตของอาเซียน โดยเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนที่สภาวะการดำเนินงานมีสัญญาณดีขึ้น โดยผลผลิตกลับมาเติบโตอีกครั้ง การปรับตัวลงของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานลดลง และกิจกรรมการซื้อยังคงทรงตัวตลอดทั้งเดือน
“อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแนวโน้มเชิงบวกเหล่านี้ แต่ข้อมูลล่าสุดยังบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงเพิ่ม เกี่ยวกับแนวโน้มในปีหน้าของผู้ผลิตในอาเซียน ความเชื่อมั่นลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวอย่างมาก แม้ว่าคาดการณ์ว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้น แต่คาดว่าอัตราการเติบโตจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ”
ดัชนี จีน-เกาหลี-ญี่ปุ่น ชะลอตัว
แม้ตัวเลขผู้ผลิตในฝั่งอาเซียนจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ในฝั่งเอเชียตะวันออก สถานการณ์ของผู้ผลิตยังคงอยู่ในระดับหดตัว
ดัชนีราคาผู้ผลิตหน้าโรงงานของ "จีน" S&P Global China เดือนก.ค. ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 49.5 จาก 50.4 ในเดือนที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 50.4 ในการสำรวจของรอยเตอร์ส และต่ำกว่าเกณฑ์ 50 ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่บ่งชี้ว่าเติบโตหรือหดตัว
ตัวเลขดังกล่าวมีขึ้นตามมาเพียง 1 วัน หลังจากผลสำรวจอย่างเป็นทางการของปักกิ่งแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมการผลิตของจีนในเดือนก.ค. "หดตัวลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน" ซึ่งบ่งชี้ว่าโมเมนตัมการส่งออกที่พุ่งสูงขึ้นก่อนที่สหรัฐจะขึ้นภาษีได้เริ่มลดลงแล้ว ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศยังคงซบเซา
"ผลสำรวจเป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าเศรษฐกิจจีนสูญเสียโมเมนตัมไปบ้างในเดือนที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความอ่อนแอภายในประเทศ" จื่อชุน หวง นักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics กล่าว
ส่วนทางฝั่ง "ญี่ปุ่น" นั้น ดัชนีราคาผู้ผลิตหน้าโรงงานของญี่ปุ่นเดือนก.ค. ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 48.9 จาก 50.1 ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าภาษีของสหรัฐกำลังส่งผลกระทบต่อเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดอันดับ 4 ของโลกแห่งนี้
ขณะที่ ดัชนีราคาผู้ผลิตหน้าโรงงานของ "เกาหลีใต้" ลดลงมาอยู่ที่ 48.0 ในเดือนก.ค. จาก 48.7 ในเดือนมิ.ย. และเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 แล้ว
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของ S&P Global จัดทำขึ้นก่อนการประกาศตัวเลขภาษีของสหรัฐกับหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งได้ข้อตกลงที่อัตรา 15% จากเดิมที่เคยถูกขู่ขึ้นภาษีเป็น 25% ทั้งสองประเทศ
เมื่อข้อตกลงการค้ากับวอชิงตันเริ่มต้นขึ้น “สิ่งสำคัญคือต้องดูว่าข้อตกลงนี้จะส่งผลให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นมากขึ้นและยอดขายดีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าหรือไม่” แอนนาเบล ฟิดเดส รองผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจของ S&P Global Market Intelligence กล่าว