EV เดือด! รัฐบาลจีนคุมเข้มสงครามราคา แบรนด์พัง-ผู้บริโภคเสี่ยง
ในขณะที่โลกกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลายเป็นสมรภูมิการแข่งขันครั้งใหญ่ของผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศจีนที่ขึ้นแท่น “อภิมหาอุตสาหกรรม EV” ด้วยการผลิตแบบมวลรวมและการขยายตลาดแบบก้าวกระโดด แต่ในปี 2568 นี้ สงครามราคาที่รุนแรงเกินขอบเขตภายในจีน ได้ลุกลามข้ามพรมแดนมาถึงประเทศไทยอย่างชัดเจน พร้อมแรงสั่นสะเทือนที่ส่งผลทั้งเชิงบวกและลบ
ภายในประเทศจีน ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายรายเริ่มเผชิญแรงกดดันจากการตัดราคากันอย่างหนักเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ภายใต้บรรยากาศการแข่งขันที่หลายฝ่ายมองว่า “ไร้เหตุผล” จนทำให้แบรนด์รายกลางรายเล็กหลายแห่งต้องแบกรับภาระขาดทุน และซัพพลายเชนทั้งระบบเริ่มสั่นคลอน สถานการณ์บานปลายจนถึงจุดที่รัฐบาลจีนไม่อาจนิ่งเฉย นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง จึงออกโรงแถลงจุดยืนชัดเจน เรียกร้องให้มีการกำกับดูแลการแข่งขันด้านราคามากขึ้น พร้อมเน้นย้ำว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าควรอิงกับนวัตกรรมและคุณภาพ ไม่ใช่แค่การลดราคาอย่างบ้าคลั่ง
องค์กรอุตสาหกรรมยานยนต์อย่าง China Association of Automobile Manufacturers ก็ออกมาเตือนถึงการแข่งขันที่ “ไร้ระเบียบ” และ “เสี่ยงต่อการเสียสมดุลทั้งระบบ” โดยมีการคาดการณ์ว่า หากปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปโดยไม่มีการควบคุม ราคาตลาดอาจถูกบิดเบือนอย่างรุนแรงจนเกิดฟองสบู่ในอุตสาหกรรม EV ของจีน
แรงสะเทือนจากแดนมังกรเริ่มลามมาถึงประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์จากจีนกลายเป็นผู้เล่นหลักที่ครองส่วนแบ่งตลาดไทยแทบทั้งหมด และการแข่งขันตัดราคายังดำเนินต่อเนื่องแบบไม่ลดราวาศอก ล่าสุด BYD ซึ่งถือเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากจีน ได้ปรับลดราคาจำหน่าย EV ในไทยลงถึง 20-34% เพื่อเร่งยอดขายและกดดันคู่แข่งรายอื่นในตลาด
แม้ผู้บริโภคไทยจะได้ประโยชน์ในแง่ของราคาที่ถูกลง แต่นั่นอาจมาพร้อมกับความเสี่ยงที่หลายคนอาจยังมองไม่เห็น ทั้งในเรื่องคุณภาพ ความมั่นคงของแบรนด์ และบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการครอบครองรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว สงครามราคาที่ดูเหมือนจะเป็นโอกาสสำหรับผู้บริโภคในวันนี้ อาจกลายเป็นต้นเหตุของปัญหาที่ยากจะแก้ไขในวันหน้า
ในอีกด้านหนึ่ง ประเทศไทยซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนในการเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ของอาเซียน ก็อาจได้รับผลกระทบจากการแย่งชิงตลาดระหว่างแบรนด์ต่างชาติ โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมผู้ผลิตท้องถิ่นและสร้างอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนระยะยาว หากการตัดราคาแบบไม่มีที่สิ้นสุดยังดำเนินต่อไปโดยไม่มีมาตรการรองรับที่ชัดเจน
ในระหว่างที่รัฐบาลจีนเริ่มควบคุมและทบทวนนโยบายสนับสนุน EV อย่างเข้มข้น ประเทศไทยเองก็ควรเริ่มประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน เพื่อวางยุทธศาสตร์ที่ไม่ใช่แค่การรับรถราคาถูกจากต่างชาติ แต่ต้องมองไกลถึงความยั่งยืนของทั้งอุตสาหกรรมและผลประโยชน์ของผู้บริโภคในประเทศเป็นหลัก