เคาะ1.85หมื่นล.สู้ภาษีทรัมป์
“ภูมิธรรม” ฟุ้งภาษีสหรัฐ 19% ทำไทยมีศักยภาพแข่งขันในเวทีโลก “นฤมล” รีบปัด รมว.กษ.โดดประชุมคณะรัฐมนตรีเพราะไม่พอใจผลเจรจามะกัน ปลัดคลังจี้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสรุปผลกระทบก่อนเคาะเยียวยา บอกเป็นโอกาสดีรื้อทิ้งภาคการเกษตรที่สู้ไม่ได้ ครม.ไฟเขียวงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.85 หมื่นล้านบาท
เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี อ่านแถลงการณ์รัฐบาล “ก้าวผ่านสองวิกฤต เดินหน้าไปด้วยกัน” ตอนหนึ่งว่า สถานการณ์สำคัญอีกประการหนึ่ง คือไทยเราต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งรัฐบาลขอยืนยันว่าได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ การที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีการค้าของไทยที่ 19% จึงสะท้อนให้เห็นถึงความพยายาม และผลจากการทำงานอย่างใกล้ชิดของรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องทุกคน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้ไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก และยังคงความได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาค ซึ่งอาจถือได้ว่านี่คือโอกาสใหม่ของไทยในการเปิดประตูสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก
นายภูมิธรรมกล่าวว่า รัฐบาลทราบดีว่าการเปลี่ยนแปลงกติกาและโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ของโลก ย่อมทำให้ทุกประเทศต้องมีการปรับตัว ดังนั้นรัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการซอฟต์โลน มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนและรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงมาตรการรับมือภาษีสหรัฐว่า พณ.จะมีการตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ หรือ One Stop Service อธิบายให้ผู้ประกอบการทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของภาคเกษตร SMEs ที่ศูนย์ส่งออกสินค้ารัชดาฯ โดยจะเปิดภายในสัปดาห์นี้
ส่วนที่สมาคมผู้ค้าสุกรฯ ออกมาคัดค้านการนำเข้าหมูจากสหรัฐ นายจตุพรกล่าวว่า ต้องดูในรายละเอียด ในเรื่องกรอบ 19% ที่เราคุยกับสหรัฐ ส่วนเรื่องอื่นก็ต้องพูดคุยกันต่อ ไม่ใช่ว่าสหรัฐประกาศออกมาที่ 19% แล้วจะจบเลย แต่จะพูดคุยกันในแต่ละไอเทมต่างๆ ไม่ใช่ว่าจะจบภายในวันหรือ 2 วัน ยังมีอีกหลายขั้นตอน เช่น สินค้าแต่ละชนิดจะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เข้าสภา ซึ่งมีเงื่อนไขอื่นๆ
ส่วนนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไม่เข้าร่วมประชุม ครม. เนื่องจากไม่พอใจผลของการเจรจาภาษีสหรัฐว่า ไม่มีเรื่องนี้ แต่โดยหลักการตอนที่เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็เคยพูดว่าไม่อยากให้เอาผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรไปแลก เนื่องจากมองว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะไม่คุ้มกับพี่น้องเกษตรกรกว่า 30 ล้านคน ซึ่งกรณีนายอรรถกรลาประชุม ครม. เข้าใจว่าติดภารกิจที่จังหวัดน่านเพื่อไปช่วยฟื้นฟูโรงเรียน และบ้านพักของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ที่ยังไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ซึ่งยังมีดินโคลนจำนวนมาก
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐอยู่ที่อัตรา 19% หลังจากนี้จะพิจารณาในรายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบว่ามีกลุ่มไหนบ้าง กระทบอย่างไร และต้องหาแนวทางช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบ โดยกระทรวงเจ้าสังกัดแต่ละแห่งต้องไปเร่งทำการบ้าน อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงแรงงาน, กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ต้องไปดูให้ครบในทุกมิติ หลังจากนั้นจะสรุปรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับผลกระทบที่ได้รับ และแนวทางบรรเทาผลกระทบเสนอมายังคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และเสนอไปยังที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป โดยในปีงบประมาณ 2568 ยังมีงบกระตุ้นเศรษฐกิจเหลืออีกราว 2.4 หมื่นล้านบาท และในปีงบประมาณ 2569 อีกราว 2.5 หมื่นล้านบาท ที่สามารถใช้ได้
“ทุกคนไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เพราะแต่ละส่วนต่างก็อยู่ในทีมไทยแลนด์ช่วยกันเจรจามาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงจะรู้อยู่แล้วว่าไทยยื่นข้อเสนออะไรไปบ้าง ก็น่าจะทราบว่ามีผลกระทบกับกลุ่มไหนบ้าง แบบใดบ้าง ดังนั้นก็ให้แต่ละกระทรวงเสนอมาเป็นแพ็กเกจว่าระยะเร่งด่วน รัฐบาลควรช่วยเหลือแบบใด อยากให้ทุกส่วนเร่งยื่นคำขอมาเร็วที่สุด” นายลวรณกล่าว
นายลวรณกล่าวอีกว่า ในภาคเกษตรของไทย ภายหลังจากการเจรจาภาษีสหรัฐแล้วควรถือโอกาสนี้ในการปฏิรูปโครงสร้างภาคเกษตรไทยไปเลย ไม่ใช่แค่เยียวยาเท่านั้น โดยกลุ่มไหนที่แข่งไม่ได้แล้วก็ต้องรื้อกันทั้งหมด เพราะก่อนหน้านี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง ระบุว่าภาคเกษตรของไทยใช้พื้นที่เยอะ ใช้ปริมาณคนเยอะ แต่สร้างผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ โดยมีแชร์ในจีดีพีเพียง 8% เท่านั้น ซึ่งจะอยู่กันไปแบบไม่มีประสิทธิภาพคงไม่ได้ ควรใช้โอกาสนี้ปรับโครงสร้างเกษตรไทยใหม่ไปเลยน่าจะดีกว่า เพื่อให้ทุกคนอยู่ในจุดที่แข่งขันได้
วันเดียวกัน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวหลังประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ระยะที่ 2 ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ 18,488 ล้านบาท โดยส่วนแรกเป็นโครงการกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ วงเงิน 10,000 ล้านบาท ส่วนที่ 2 เป็นของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่จะไปเพิ่มในเรื่องผู้กู้รายใหม่และดูแลผู้กู้รายเก่า วงเงิน 8,488 ล้านบาท
นายจุลพันธ์กล่าวว่า เงินที่เหลืออีกประมาณ 20,000 ล้านบาท คณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจคงมีประชุมกันว่าจะนำไปใช้ในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์เบื้องต้นออกมา
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลเตรียมจัดการหารือระดับสูงระหว่างผู้นำรัฐบาลกับผู้บริหารบริษัทชั้นนำระดับโลกในวันพุธที่ 6 ส.ค.2568 เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยนายภูมิธรรมจะเป็นประธานการหารือกับผู้บริหารบริษัทชั้นนำดังกล่าว พร้อมทั้งร่วมงานเปิดตัวโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ในเวลา 11.00 น.
“เป็นการหารือระดับสูงระหว่างผู้นำรัฐบาลกับผู้บริหารบริษัทชั้นนำระดับโลกที่เข้ามาลงทุนขนาดใหญ่ในไทยช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยจะมีผู้บริหารบริษัทชั้นนำเข้าร่วมมากกว่า 30 บริษัท ใน 4 อุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ไฟฟ้า ศูนย์ข้อมูล และอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG” นายจิรายุกล่าว.