โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘Wellness Economy’ เมื่อโลกป่วยทั้งกายและใจ โอกาสของไทยอาจอยู่ตรงนี้

THE STANDARD

อัพเดต 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
‘Wellness Economy’ เมื่อโลกป่วยทั้งกายและใจ โอกาสของไทยอาจอยู่ตรงนี้

เศรษฐกิจโลกผันผวน ส่งออกชะลอตัว ท่องเที่ยวแบบเดิมเริ่มอิ่มตัว สิ่งเหล่านี้ทำให้ไทยต้องกลับมาถามตัวเองอย่างจริงจังว่า

“อะไรคือเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจชิ้นใหม่ของเรา?”

หลายคนมองไปที่เทคโนโลยีขั้นสูง หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต แต่ถ้าเราหันกลับมามองสิ่งที่เรามีอยู่แล้วในมืออย่างลึกซึ้ง เราอาจพบว่า ‘Wellness Economy’ หรือเศรษฐกิจสุขภาวะ ไม่ใช่แค่โอกาสใหม่ แต่คือ ‘ทางรอด’ ที่เป็นไปได้และเป็นไปได้ดีมาก

🟡 สุขภาพกาย-ใจ ของคนทั้งโลกกำลังติดลบ

ในช่วงปี 2023-2025 ข้อมูลสุขภาพจากทั่วโลกกำลังบอกเราอย่างชัดเจนว่า “มนุษย์กำลังป่วย” ไม่ใช่แค่ในร่างกาย แต่ลึกลงไปถึงจิตใจ

โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อย่างเบาหวาน ความดัน มะเร็ง และโรคหัวใจ เพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่น่าตกใจ โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ ที่ล่าสุดผู้ใหญ่เป็นเบาหวานถึง 13.6% และอ้วนมากถึง 38.4% จากการบริโภคอาหารแปรรูป กิจกรรมทางกายน้อยลง ความเครียดเรื้อรัง และสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ

ขณะเดียวกัน รายงานจาก AXA พบว่า 42% ของคนวัย 18-24 ปีทั่วโลกมีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือเครียดอย่างหนัก และเกือบครึ่งยอมรับว่ากำลังมีปัญหาสุขภาพจิต ผลที่ตามมาหนักหนากว่าที่คิด เพราะโรคทางจิตและสมองกำลังกลายเป็นต้นทุนใหญ่ของเศรษฐกิจโลก คิดเป็นมูลค่าถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี

Euromonitor ชี้ว่า 21% ของคนไทยที่อายุเกิน 18 ปีมีความดันโลหิตสูง และ 10% ของคนอายุ 20-79 ปีเป็นเบาหวาน เทียบเท่าค่าเฉลี่ยโลก แต่ที่น่าห่วงยิ่งกว่าคือข้อมูลของสภาพัฒน์ ระบุว่า มีคนไทยมากถึง 10 ล้านคนมีภาวะทางใจ แต่เข้ารับการรักษาเพียงราว 2-3 ล้านคนเท่านั้น

นี่คือสัญญาณเตือนว่า ‘สุขภาวะ’ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป แต่มันคือการจัดการเชิงระบบที่ทั้งรัฐ ธุรกิจ และสังคมต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง

🟡 ของดีที่โลกต้องการ และโอกาสที่แบ่งปันได้ทั่วถึง

หลังโควิด-19 การใส่ใจสุขภาพกลายเป็นเรื่องใหญ่ของคนทุกเพศทุกวัย ผนวกกับการเข้าสู่สังคมสูงวัยทั่วโลก ทำให้ตลาด Wellness ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปี 2566 มูลค่าเศรษฐกิจ Wellness ทั่วโลกอยู่ที่ 6.3 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะแตะ 9 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2571 เติบโตเฉลี่ยปีละ 7.3%

นี่อาจเป็นโอกาสของประเทศไทย เพราะเรามีต้นทุนเดิมที่หลายชาติไม่มี และบางอย่างก็ไม่มีวันลอกเลียนได้ ทั้งดิน น้ำ อากาศที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะกับเกษตรกรรมทุกประเภท รวมถึงสิ่งที่ไม่มีตัวเลขใดวัดได้ คือ ‘เสน่ห์ของคนไทย’ ที่อบอุ่น ใจดี และพร้อมต้อนรับผู้มาเยือนเสมอ

ทั้งหมดนี้คือ ‘Intangible Capital’หรือทุนที่จับต้องไม่ได้ แต่สร้างมูลค่ามหาศาลในตลาดโลก ยิ่งถ้าเรานำมาร้อยเรียงเข้ากับกระแส Wellness Economy ที่กำลังเติบโต ก็จะกลายเป็นสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ที่คู่แข่งสู้เราได้ยาก

สิ่งสำคัญคือ Wellness Economy ไม่ใช่เศรษฐกิจเพื่อคนกลุ่มเล็ก แต่เป็นโอกาสของทุกคนในประเทศ เพราะห่วงโซ่อุปทานของมันกว้างขวาง ตั้งแต่

🔸ต้นน้ำ:เกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร ผลไม้ หรือข้าวอินทรีย์

🔸กลางน้ำ:ผู้แปรรูปเป็นอาหารสุขภาพ เครื่องดื่มฟังก์ชัน หรือสกินแคร์จากพืชสมุนไพร

🔸ปลายน้ำ:ธุรกิจสปา การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โรงแรมเชิง Wellness อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาวะ หรือแม้แต่เทคโนโลยีด้านการแพทย์และไบโอเทค

ในมุมนี้ Wellness Economy จึงไม่ใช่แค่ ‘เครื่องยนต์ใหม่’ ของเศรษฐกิจไทย แต่เป็นเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนไปพร้อมกับผู้คนทุกกลุ่ม และรักษาเอกลักษณ์ของชาติเอาไว้ได้อย่างภาคภูมิ

🟡 เปลี่ยนทุนเดิมให้กลายเป็นศูนย์กลางสุขภาวะของโลก

เพราะการมีของดีไม่พอ ต้องมีระบบที่ต่อยอดและยกระดับของดีให้มีมาตรฐานโลกให้ได้ ซึ่งแผนงานสำคัญควรเดินหน้าอย่างจริงจังใน 6 ด้าน ได้แก่

🔸 สร้าง Wellness Cluster:รวมธุรกิจ เกษตรกร ผู้ให้บริการ และนวัตกรรมสุขภาพให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน

🔸 เชื่อม Lab to Market:ดึงงานวิจัยและเทคโนโลยีมาสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการจริง ตั้งแต่สมุนไพรไทยจนถึงเทคโนโลยีดูแลสุขภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าและความน่าเชื่อถือ

🔸 สร้าง Workforce แห่งอนาคต:อัปสกิลและรีสกิลแรงงานในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่น ให้เข้าใจการตลาด เทคโนโลยี และมาตรฐานโลก

🔸 ผลักดันจาก Micro to Global:เปิดโอกาสให้ของดีท้องถิ่นเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่ต้องการใช้จ่ายกับ Wellness โดยตรง

🔸 พัฒนาเกณฑ์วัดผลสุขภาวะเศรษฐกิจ:สร้างดัชนีที่สะท้อนคุณภาพชีวิต สุขภาพ และการกระจายรายได้ ไม่ใช่แค่วัดความสำเร็จด้วย GDP

🔸สร้างแบรนด์ประเทศไทย:ให้ Wellness เป็นภาพจำความเป็นไทยในสายตาโลก เหมือน K-Branding ของเกาหลี

Wellness Economy ไม่ใช่คำสวยหรูหรือเทรนด์ชั่วคราว แต่มันคือ “โอกาสทอง” ที่ไทยควรคว้าไว้ ด้วยต้นทุนที่เรามีอยู่แล้ว

ประเทศไทยไม่ต้องเริ่มใหม่ แต่ต้องจัดระบบทุนเดิมให้กลายเป็นคุณค่าใหม่ ถ้าทำได้ นี่อาจไม่ใช่แค่เศรษฐกิจทางเลือก แต่คือการ ‘ค้นพบจิตวิญญาณทางเศรษฐกิจไทย’ อย่างแท้จริง

ชมคลิป: https://youtu.be/0jxFoCDIJbY

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

ธ.ก.ส. – EXIM BANK – SME D Bank เดินหน้าหั่นดอกเบี้ย 0.25% ตามมติ กนง.

36 นาทีที่แล้ว

อิชิตัน ‘ทุบสถิติ’ โชว์กำไร Q2 ปี 68 โต 66% เดินหน้าส่งชาเขียว-น้ำด่างไซส์ใหญ่บุกตลาด

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เชลซีร่วมบริจาคเงินจากโบนัสแชมป์สโมสรโลก ช่วยครอบครัว ดิโอโก โชตา และอันเดร ซิลวา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

Fed ลดดอกเบี้ย ครั้งแรกของปี กำลังใกล้เข้ามา? กดบอนด์ยีลด์ 2 ปีสหรัฐฯ ต่ำสุดรอบกว่า 3 เดือน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

สมรังสี ไล่บี้ฮุนเซน เพราะขัดแย้งกับไทย กัมพูชาเสียทั้งทหารและดินแดน

TOJO NEWS

สาธิตเกษตรฯ ชวน มทภ.2 เล่าประสบการณ์แนวหน้า สอนนักเรียน "รักษาอธิปไตยชาติ"

สยามรัฐ

สมาคมเซมิคอนดักเตอร์ ห่วงสหรัฐฯ คุมเกม Transshipment ชี้โจทย์ใหญ่แก้โครงสร้างส่งออกไทย

THE STANDARD
วิดีโอ

"อิ๊งค์" สู้ตาย ! - ไฮไลท์ประเด็นร้อน

สยามรัฐ

6 เกจิดังถกคุย 450 พระวัดป่าวาระพิเศษ เคร่งพระธรรมวินัยแก้สงฆ์เสื่อม

เดลินิวส์

สื่อเยอรมันตั้งคำถาม กองทัพไทยกำลังเตรียมการ...หรือไม่ หลัง "ทุ่นระเบิดสนามกัมพูชา" ทำทหารไทยขาขาดรายวันถูกมองเป็นแค่ 'อุบัติเหตุ' มีสิทธิ์นำไปสู่รัฐประหารรอบใหม่?

Manager Online

ผกก.สังขละฯ จมูกไว จับคนขับ 10 ล้อขนส่งสินค้า 3 คันรวด บุหรี่เถื่อน 300 หีบ มูลค่า 2 ล้าน

เดลินิวส์

ธ.ก.ส. – EXIM BANK – SME D Bank เดินหน้าหั่นดอกเบี้ย 0.25% ตามมติ กนง.

THE STANDARD

ข่าวและบทความยอดนิยม

HER HYNESS เอาชนะคู่แข่งอย่างไร ในสมรภูมิสกินแคร์เดือด

THE STANDARD

Tom Cruise ดูแลตัวเองยังไง ถึงยังฟิตเปรี้ยะในวัย 63 ปี

THE STANDARD

เตรียมรับมือ ‘ควอนตัม’ เทคโนโลยีแห่งอนาคต กับงานเสวนา Quantum Industry Day

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...