รู้จักกับ Ethel Cain ศิลปินที่น่าจับตามอง ผู้มากับเสียงหลอนๆ และความสัมพันธ์ซับซ้อนกับศาสนา
ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี 2022 อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บารัค โอบามา ได้โพสต์ลิสต์เพลงที่เขาชอบที่สุดของปีนั้น ลิสต์ประจำปีของโอบามานั้นน่าสนใจเสมอ เนื่องจากมันมักประกอบด้วยเพลงที่เป็นจดหมายเหตุให้กับสถานการณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมอเมริกันในช่วงนั้น บ่อยครั้งมันชี้ให้เราเห็นมุมมองโลกและรสนิยมของเขาไปพร้อมๆ กันด้วย
ลิสต์ปี 2022 นั้นน่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะในขณะที่ลิสต์นี้เต็มไปด้วยเพลงของศิลปินยอดนิยมอย่าง SZA, Kendrick Lamar, Bad Bunny และ Beyonce เพลงที่ขึ้นไปอยู่ในพาดหัวข่าวเยอะที่สุด กลับเป็นเพลง American Teenager โดยศิลปินอัลเทอร์เนทีฟ Ethel Cain ส่วนหนึ่งเพราะผู้คนตั้งคำถามว่า หญิงคนนี้คือใคร และอีกเหตุผลคือเพราะเนื้อหาของเพลงนี้วิพากษ์ศาสนาคริสต์และวิถีอเมริกันอย่างตรงไปตรงมา
“ไอ้หนุ่มข้างบ้านกลับบ้านมาในโลง
แต่มันเลือกจะไปเอง เป็นความผิดของมันหรือเปล่านะ
หัวใจสีแดงชาด ถูกพรากไปด้วยฝันอเมริกัน”
หลังจากเรื่องลิสต์เพลงของโอบามาไปถึงหูของเธอ เธอก็ทวิตงุนงงแกมตลกจิกกัดว่า “อดีตประธานาธิบดีเอาเพลงป๊อปปลอมๆ ที่พูดเรื่องการต่อต้านสงครามและความรักชาติของฉันใส่ไว้ในลิสต์แห่งปี นี่ไม่ใช่หนึ่งในสิ่งที่ฉันคิดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2022 เลย” ในสมัยของเขา โอบามาเซ็นอนุมัตการใช้หุ่นโดรนโจมตีเยเมน โซมาเลีย และปากีสถานมากกว่ารัฐบาลก่อนหน้าเขาถึง 10 เท่า
เหตุที่ต้องเริ่มเล่าถึงเอเธล เคนจากเรื่องนี้ เป็นเพราะว่ามันเป็นเหตุการณ์น้อยๆ ที่เล่าตัวตนโดยรวมของเธอในฐานะศิลปินได้เป็นอย่างดี เธอคือหญิงผู้ทำเพลงวิพากษ์สังคมอเมริกาผ่านความเชื่อ ผ่านวิถีชีวิต และผ่านภาพจำของแดนใต้สหรัฐฯ และเพลงที่ควรจะทิ่มแทงทั้งหัวใจและประสาทหูของเธอ กลับได้รับความนิยมแบบงงๆ อยู่บ่อยๆ
ตัดภาพมาถึงปี 2025 ฐานแฟนคลับของเอเธล เคนเติบโตขึ้นอย่างมาก เธอกลายเป็นศิลปินที่นิตยสารหลายหัวเรียกให้ผู้คนจับตามอง เราได้เห็นความสามารถในการปรับแปลงสไตล์ของเธอได้จากการเปลี่ยนแนวเพลงจากอัลบั้มที่ร้อยเรียงถ้อยคำราวนิยายกลายเป็นเพลงที่เล่าเรื่องราวแตกสลายผ่านเพียงเสียงแอมเบียนต์มืดมน เราถือโอกาสนี้พาทุกคนไปทำความรู้จักกับเอเธล เคน และเส้นทางการทำดนตรีมืดดำที่เจือด้วยมุมมองศาสนาอันน่าสนใจของเธอ
ลูกสาวนักบวช และความ (ไม่) เชื่อในพระเจ้า
หญิงผู้อยู่เบื้องหลังตัวละคร Ethel Cain ชื่อว่า Hayden Silas Anhedönia เธอเกิดในเมืองแทลลาแฮสซี รัฐฟลอริดา ตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา พ่อของเธอเป็นบาทหลวงนิกายแบปทิสต์ และเธอใช้เวลาวัยเด็กและวัยรุ่นของเธอเป็นนักร้องประสานเสียงในโบสถ์
ประวัติชีวิตคร่าวๆ นี้วาดภาพให้เราเห็นว่าแรงบันดาลใจในงานเพลงของเธอมาจากที่ไหน ในแง่ดนตรี เธอมักผสมดนตรีโฟล์กร่วมสมัยเข้ากับดนตรีในโบสถ์หรือกอสเปล แล้วแต่งแต้มความดำมืดเข้าไปให้เข้ากับเนื้อหาเพลงของเธอ ลำพังการเป็นหญิงข้ามเพศผู้ไขว่คว้าความฝันที่จะทำงานสร้างสรรค์ในเมืองอนุรักษนิยมก็ยากในตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่บวกกับการถูกปลูกฝังความเชื่อทางศาสนามาทั้งชีวิตโดยผู้ปกครอง ทำให้แนวคิดของเธอโดดเด่นเป็นอย่างมาก
ชื่อเอเธล เคนก็ได้แรงบันดาลใจมาจากปกรณัมทางคริสต์ศาสนา นั่นคือตำนานการฆาตกรรมครั้งแรกของมนุษยชาติ ของพี่น้อง Cain & Abel เธอเล่าให้นิตยสาร iD ฟังว่ามันเป็นเรื่องราวในไบเบิลที่เธอชอบที่สุดเนื่องจากมันเป็นเรื่องที่ ‘ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ’ ที่สุด และมันเข้ากับธีมของดนตรีที่เธอทำเป็นอย่างดี
“ดนตรีของฉันจำนวนมากพูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ครอบครัว บาป ความรู้สึกผิด ความอับอาย และการกระทำของคนรุ่นก่อนที่ยังคงกระทบมาหาเรา ในไบเบิล คาอินฆ่าน้องชายของเขา เป็นการฆาตกรรมครั้งแรก พระเจ้าเนรเทศเขาตลอดชีพ และสายเลือดของเขาจะถูกตราว่าเป็น ‘ผู้สืบเชื้อสายของคาอิน’ คนที่มีตราเหล่านั้นจะไม่มีวันถูกยอมรับจากที่ใดเลย คอนเซ็ปต์ที่ว่า 'หากโคตรทวดของเราทำบาปเอาไว้ แล้วเราจะต้องเป็นผู้รับกรรม' มันคือสิ่งที่เราเรียกกันในทุกวันนี้ว่าแผลใจที่ส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น (Generational Trauma)”
Preacher's Daughter by Ethel Cain
เธอเล่าต่อว่าตั้งแต่วัยเด็ก เธอมีความหมกมุ่นกับเรื่องราวทางศาสนาที่รุนแรงเช่นนี้อยู่เสมอ และเห็นได้ชัดว่าคอนเซ็ปต์เรื่องราวดำมืดที่เกิดขึ้นจากศาสนาแห่งรักนี้มีอยู่ทั่วไปในงานศิลปะของเธอ
อัลบั้ม Preacher’s Daughter เล่า ‘ประวัติชีวิต’ ของตัวละครเอเธล เคนตั้งแต่ต้นจนจบ ในเรื่องนี้เธอเป็นลูกสาวของพ่อนักบุญผู้กดข่ม เมื่อพ่อตาย เธอยังคงสอนศาสนาที่เธอไม่เชื่อต่อ แต่หลังจากนั้นเธอหนีออกจากบ้านเพื่อวิ่งหนีบาดแผลในอดีตที่ศาสนาทิ้งไว้ให้และตามหาที่ทางในชีวิตของตัวเอง การหลีกหนีดังกล่าวพาเธอพบรัก ความเติบโต และความตาย
เราสามารถอ่านความหมายของอัลบั้มนี้ได้หลายทาง แต่หนึ่งในการตีความคือ มันเป็นการตั้งคำถามว่าการมีความเชื่อนำความเติมเต็ม ความรัก และความปลอดภัยมาให้แก่เราได้แค่ไหน พ่อของเธอเชื่อในพระเจ้าแต่ก็ยังรุนแรงต่อคนรอบข้าง เธอเชื่อในพระเจ้าแต่สุดท้ายก็ยังขาดแคลนและโหยหารัก และเมื่อเธอพบเจอกับหนุ่มคนรักที่กลายเป็น ‘ศาสนาใหม่’ ของเธอ เขากลับเป็นปิศาจผู้กลืนกินเธอทั้งเป็น
"ฉันยอมแลกทุกอย่างหากได้ไปโบสถ์วันอาทิตย์อีกสักครั้ง
ไปนั่งฟังเสียงประสาน ช่างอิ่มเอมพร้อมเพรียง
พระเจ้ารักเธอ แต่ไม่มากพอจะปกป้องเธอ
เช่นนั้นแล้วที่รัก ขอให้โชคดีและดูแลตัวเอง"
เนื้อเพลงเมื่อครู่มาจากเพลง Sun Bleached Flies ที่อยู่ครึ่งหลังของอัลบั้ม เอเธลเสียชีวิตจากการฆาตกรรมและถูกแฟนหนุ่มคนใหม่กิน ระหว่างที่ร่างของเธออยู่ในตู้เย็นของเขาที่ชั้นใต้ดิน วิญญาณเธอมองร่างตัวเองที่ถูกกินไม่ต่างจากเนื้อแผ่นตากแห้ง เธอนึกถึงหนุ่มคนรักคนก่อนที่เธอไม่เคยลืมได้ สำหรับเธอพระเจ้ามีจริง และสุดท้ายเธอก็ตายอย่างโหดเหี้ยมใต้แสงของเขา
Perverts by Ethel Cain
อัลบั้มที่ออกเมื่อเดือนมกราคมของเธอ Perverts เป็นอัลบั้มที่เธอละทิ้งดนตรีโฟล์กและกอสเปลทั้งปวง แล้วเดินทางสุดลิ่มทิ่มประตูไปหาดนตรี Ambient และ Drone ดนตรีของอัลบั้มนี้ทำให้เรารู้สึกเหมือนถูกตีกรอบอยู่ในห้องเล็กๆ กับความคิดที่ดำมืดที่สุดของตัวเอง แต่ถึงจะทิ้งความเป็นดนตรีในโบสถ์ไปแล้ว ความอึดอัดนี้เป็นการจำลองความรู้สึกของการเป็น ‘คนบาป’ ในบ้านเคร่งศาสนาได้ดี
ตั้งแต่เพลงแรก เธอสวดคำว่า “สวรรค์จะทอดทิ้งคนที่สำเร็จความใคร่” ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ 12 นาที เนื้อหาของอัลบั้มนี้ก็เป็นการล้วงลึกเข้าไปภายในตัวเอง แล้วสำรวจว่าศาสนามีอิทธิพลยังไงกับเธอ ซึ่งคำตอบของเธอคือ มันทำให้เธอรักไม่เป็น และรู้สึกอึดอัดที่จะสนองความใคร่
เมื่อมีคนถามเธอในโซเชียลมีเดีย Tumblr ว่าเธอยังนับถือศาสนาคริสต์อยู่หรือเปล่า เธอตอบว่า “ฉันยังปฏิบัติตามคุณค่าที่พวกเขาสอน เช่น เรื่องการรักเพื่อนบ้าน การเคารพทุกๆ คน การมีเมตตาเสมอ แต่นอกนั้นฉันไม่สนใจศาสนาเลย” สิ่งที่น่าสนใจคือนั่นเป็นแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น เพราะในแง่ศิลปะเธอ ‘แคร์’ ศาสนาเป็นอย่างมาก
“ศาสนาฝังอยู่ในประวัติศาสตร์ของฉันและมันจะเป็นส่วนหนึ่งในงานศิลปะของฉันตลอดไป แต่ที่เป็นแบบนั้นเพราะฉันรักเรื่องสยองขวัญกับความเว่อวัง และจะมีอะไรจะน่าสยดสยองและเว่อวังอลังการไปกว่าการทุ่มเททั้งชีวิตของตัวให้กับพระเจ้ากันล่ะ?” เธอเขียน
ใบหน้าใหม่ของวรรณกรรม Southern Gothic?
งานของเอเธล เคนผูกอยู่กับการเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอเริ่มทำอาชีพนักดนตรีเมื่อปี 2017 ในวาระแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอย่างที่เรารู้กันดีว่าฐานเสียงของพรรครีพับลิกันนั้นอยู่ที่ตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา พื้นที่ที่เธอเกิด เติบโต หลงใหล และวิพากษ์อยู่เสมอ
“ฉันรู้ดีว่าฉันรู้สึกยังไงกับประเทศนี้ ฉันรู้ว่ามีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับฉันตอนที่ฉันอยู่ใต้” เธอพูดกับนิตยสาร iD แต่เธอไม่ได้พูดเช่นนั้นเพื่อบอกว่าพื้นที่ดังกล่าวย่ำแย่ยังไง ตรงกันข้าม เธอต้องการจะเป็นคนที่นำเสนอ ‘มิติ’ อื่นๆ ในภูมิภาคของเธอ
เธอให้ความคิดเห็นกับผลการเลือกตั้งปี 2016 ว่า “มันน่าสนใจมากตอนที่ฉันนั่งมองทั้งประเทศมองคนใต้เป็นปีศาจ เพื่อนๆ คนเควียร์ คนดำ คนละติน คนข้ามเพศที่จะต้องทุกข์ทนกับผลการเลือกตั้ง ต้องมานั่งคิดว่าพวกเขากำลังจะมีคนบ้าเป็นประธานาธิบดี ยังไม่พอ ยังจะต้องมารับฟังคำก่นด่าจากคนทั้งประเทศอีกต่างหาก”
ตัดภาพมาที่พฤศจิกายนปี 2024 โดนัลด์ ทรัมป์ได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกครั้งหลังจากสมัยของโจ ไบเดนอันน่าผิดหวังแม้แต่สำหรับโหวตเตอร์เดโมแครตหลายๆ คน อย่างที่เราเห็นกันไปแล้ว ตั้งแต่ทรัมป์ได้ตำแหน่งนี้ นโยบายเชิงเสรีนิยมจำนวนมากเริ่มถอยหลังกลับ สหรัฐอเมริกาค่อยๆ ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้อพยพและคน LGBTQ+ ยิ่งกว่าเดิม
เธอออกความคิดเห็นกับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ในโพสต์ Tumblr ส่วนตัวว่าปัญหาของสหรัฐอเมริกาใหญ่กว่าประธานาธิบดีจากทีมแดงคนเดียว แต่อยู่ที่จิตวิญญาณของคนในประเทศ ณ ขณะนี้ อเมริกาผลักให้คนที่ยากไร้ที่สุดให้สนับสนุนแนวคิดอำนาจนิยมเพื่อหวังครอบครองอำนาจเพียงหยิบมือเดียว ทศวรรษแล้วทศวรรษเล่าประเทศนี้บอกกับผู้คนว่าหนทางเดียวที่จะมีชีวิตที่ดีได้คือการกดหัวผู้อื่นแทนที่จะร่วมแรงร่วมใจกัน
"หากคุณโหวตให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ได้พบกับความสงบ กลับกัน ขอให้วันหนึ่งสติของคุณตื่นรู้และฟาดคุณราวกับสายฟ้า และขอให้คุณได้รับรู้ว่าคุณทำอะไรลงไปและรู้สึกผิดกับมันไปทั้งชีวิต" เอเธล เคน
รัฐที่เธออาศัยอยู่อย่างฟลอริดาเคยถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งใน 'Swing States' หรือรัฐที่เปลี่ยนไปมาระหว่างเลือกพรรครีพับลิกันหรือเดโมแครต แต่ในช่วงปลายปี 2024 จนต้นปี 2025 นี้นักมานุษยวิทยาและนักวิเคราะห์การเมืองเรียกมันว่าเป็นรัฐ Red State ไปแล้วอย่างเต็มตัว
"ที่ฟลอริดาในปี 2012 มีคนขึ้นทะเบียนเป็นเดโมแครตมากกว่ารีพับลิกันถึง 1.5 ล้านคน ตัวเลขนั้นลดเหลือ 97,000 คนในปี 2020 และเมื่อกันยายนปี 2024 มีคนขึ้นทะเบียนเป็นรีพับลิกันมากกว่าเดโมแครตเกือบ 1 ล้านคน" บทความวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงทางแนวคิดการเมืองรัฐฟลอริดาจากเว็บไซต์ The Conversation ระบุ โดยพวกเขาเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงโดยมากเกิดขึ้นจากโควิด 19 และความที่ฟลอริดาเป็นบ้านของกลุ่ม 'ขวาใหม่' (Alt-Right) ด้วย
'The South' หรือภูมิภาคแดนใต้สหรัฐอเมริกาเป็นพื้นที่ที่ถูกเชื่อมโยงกับความเป็นอนุรักษนิยมสุดโต่งอยู่เสมอจากหลายๆ ปัจจัย เช่น มุมมองเรื่องภาษี ประวัติศาสตร์การใช้ทาส หรือการมีชายแดนติดกับประเทศอื่นๆ ทำให้ต้องคำนึงถึงประเด็นความมั่นคงของชาติมากกว่าภูมิภาคอื่น ฯลฯ ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่คนชายขอบนำติดตัวมาด้วย ดนตรีบลูส์ที่เล่าถึงเรื่องราวการถูกกดทับของคนผิวดำเกิดขึ้นที่นี่ อาหารของคนแอฟริกันอเมริกันไต่ระดับกลายเป็นอาหารประจำชาติสหรัฐฯ ความเชื่อทางจิตวิญญาณท้องถิ่นมากมายอบอวลอยู่ในพื้นที่อันแร้นแค้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของคนผิวดำก่อนจะถูกคริสต์ศาสนาเข้ามา
องค์ประกอบของความโหดร้ายที่ตีคู่มากับความเชื่อบังเกิดเป็นประเภทวรรณกรรม Southern Gothic ประเภทงานศิลปะเล่าเรื่องราวทางตอนใต้ที่มักมีองค์ประกอบของความยากจน ความเคร่งศาสนา ความเป็นอนุรักษนิยม และความผุพังเน่าเปื่อย ทั้งในเชิงกายภาพและเชิงศีลธรรม ที่สอดแทรกความงามที่อยู่ในพื้นที่เข้ามา เรื่องราวอย่าง To Kill A Mockingbird, True Detective, A Streetcar Named Desire และSinners นั้นแม้จะโหดร้าย แต่มันมอบมิติ ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม และความเป็นมนุษย์ที่ต่อสู้กับการกดขี่ให้กับภูมิภาคนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้
งานศิลปะของเอเธล เคนก็ถือเป็นวรรณกรรม Southern Gothic รูปแบบหนึ่ง ความมืดหม่นของมันมาพร้อมความงามในภาษาและเสียงดนตรีโอ่อ่าคล้ายการตีความเพลงในโบสถ์ใหม่ ไม่กี่ครั้งที่เธอพาเราออกจากตอนใต้คือในเพลง A House in Nebraska ซึ่งเป็นเรื่องเล่าความทรงจำของเธอและคนรักเก่า Willoughby Tucker ในบ้านของเขา ณ ภูมิภาค Mid-West และมันคือช่วงเวลาที่เธอโหยหาที่สุด แตกต่างจากเพลงอื่นๆ ที่แทบจะเป็นการเล่าประสบการณ์ย่ำแย่ที่แดนใต้ ต้องรอดูกันว่าเรื่องรักของเธอและคนรักเก่าจะถูกเล่ายังไงในอัลบั้มใหม่ Willoughby Tucker, I'll Always Love You ที่ดูเหมือนจะกลับไปใช้วิธีการผูกเรื่องแบบ Preacher's Daughter อีกครั้ง
ในเรื่องราวของเธอมีมุมการเล่าที่มอบความเห็นอกเห็นใจให้กับภูมิภาค แดนใต้ไม่ใช่พื้นที่ที่มีแต่คนรักชาติ คลั่งศาสนา และบ้าปืน แต่มันเต็มไปด้วยเรื่องราวทีไม่เคยถูกเล่า เช่น เรื่องราวของหญิงข้ามเพศในบ้านเคร่งศาสนา ของคนที่ต่อต้านสงครามและปืน เรื่องราวของความเชื่อทางจิตวิญญาณลึกลับ เรื่องราวของคนที่ใช้ศาสนาเพื่อเผยแพร่ความรัก ไม่ใช่ความเกลียดชัง
และของผู้คนที่แม้จะถูกกดขี่ขนาดไหน ก็ยังเบ่งบานได้อยู่เสมอ
อ้างอิง: rollingstone.com, i-d.co, smh.com
บทความต้นฉบับได้ที่ : รู้จักกับ Ethel Cain ศิลปินที่น่าจับตามอง ผู้มากับเสียงหลอนๆ และความสัมพันธ์ซับซ้อนกับศาสนา
บทความที่เกี่ยวข้อง
- คุยกับ อดิศร เกิดมงคล ในวันที่แรงงานกัมพูชาต้องติดอยู่ในความขัดแย้งและความ ‘เป็นอื่น’
- รู้จักกับ Ethel Cain ศิลปินที่น่าจับตามอง ผู้มากับเสียงหลอนๆ และความสัมพันธ์ซับซ้อนกับศาสนา
- Spotlight: ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้นบ้างในสัปดาห์นี้ [28 ก.ค.- 1 ส.ค. 68]
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : plus.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath