โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

‘รักษามีบุตรยาก’ รายได้หด-โตชะลอ เดินหน้าปรับกฎหมาย รับตลาด

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

การให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยเฉพาะเรื่องการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย หรือการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) เป็นหนึ่งในธุรกิจที่อยู่ในแผนการส่งเสริมธุรกิจดูแลสุขภาพและความงาม ตามแนวทางการดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) พ.ศ. 2568 - 2577 โดยคาดหวังมูลค่าตลาดของไทยปี 2568 ราว 6,300 ล้านบาท อัตราเติบโตที่ 6.2 %

ปี 2568 รายได้หด-เติบโตชะลอตัว

แนวโน้มธุรกิจบริการรักษาภาวะมีบุตรยากในปี 2568 พิจารณาจากรายได้ของ 3 บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่าชะลอตัว โดยบริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE ครึ่งปีแรกมีรายได้ 357.41 ล้านบาท กำไรสุทธิ 66.11 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ที่รายได้ 472.26 ล้านบาท กำไรสุทธิ 113.49 ล้านบาท

บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC ไตรมาส 1 รายได้ 90.49 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5.75 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ที่รายได้ไตรมาส 1 อยู่ที่ 108.84 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28.74 ล้านบาท และบริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ IVF ไตรมาส 1 รายได้ 19.05 ล้านบาท ติดลบ 4.03 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2567 รายได้ 23.39 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5.43 ล้านบาท

สอดรับกับการคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ระบุว่าตลาดบริการรักษาภาวะมีบุตรยากปี 2568 มีมูลค่าราว 6,100 ล้านบาท เติบโต 3.1% ชะลอลงจากปี 2567 ที่โต 4.3% เป็นผลมาจากการเดินทางเข้ามารับบริการของชาวต่างชาติที่โตลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยตลาดที่นิยมเดินทางเข้ามารักษาในประเทศไทย คือ จีน อินเดีย และอาเซียน

นอกจากนี้รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีทิศทางหดตัวจากปีก่อน ขณะที่ตลาดผู้บริโภคชาวไทยมีแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจกำลังซื้อที่ลดลง จึงตัดสินใจเลื่อนแผนการมีบุตรออกไป

4 ปัจจัยเสริมธุรกิจอนาคต

อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีโอกาสในธุรกิจนี้ระยะข้างหน้า จาก 4 ปัจจัยสำคัญ 1.นโยบายสนับสนุนการมีบุตรของรัฐบาลจีน ส่งผลให้ไทยน่าจะได้อานิสงส์จากการบริการรักษาภาวะมีบุตรยากภายในประเทศจีนที่ยังไม่เพียงพอ

2.การบังคับใช้ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมที่จะส่งผลดีต่อตลาดบริการรักษาภาวะมีบุตรยากของไทยให้เปิดกว้างมากขึ้น ครอบคลุมไปถึงกลุ่มความหลากหลายทางเพศ

3.การเตรียมปรับกฎหมายอุ้มบุญของไทย จะมีส่วนหนุนให้การบริการเติบโตได้เพิ่มมากขึ้น

4.เทรนด์มีลูกเมื่อพร้อม หนุนบริการแช่แข็ง/ฝากไข่โตทั่วโลก ทำให้ไทยอาจแข่งขันในตลาด Fertility Tourism ได้มากขึ้นจากกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเข้มงวดน้อยกว่าบางคู่แข่ง เช่น สิงคโปร์ที่กำหนดช่วงอายุสตรีที่รับบริการได้อยู่ระหว่าง 21-37 ปี และมาเลเซียกำหนดให้สตรีโสดที่จะแช่แข็ง/ฝากไข่ได้ต้องไม่ใช่ชาวมุสลิม เป็นต้น

เวชธานีเน้นลูกค้าไทยมากขึ้น

นพ.ตุลวรรธน์ พัชราภา ผู้อำนวยการปฏิบัติการ โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า ศูนย์รักษาภาวะมีบุตรยากของโรงพยาบาลเวชธานีได้เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2560 ช่วงก่อนหน้าการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ แต่หลังจากนั้น ศูนย์ได้ปรับกลยุทธ์มาเน้นลูกค้าคนไทยมากขึ้น ทำให้สัดส่วนลูกค้าในปัจจุบันเป็นคนไทย 50% และคนต่างชาติ 50%

เทคนิคการรักษาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) จะใช้เข็มฉีดสเปิร์มที่แข็งแรงเข้าไปในไข่โดยตรง เพื่อแก้ปัญหาที่สเปิร์มไม่สามารถเจาะเปลือกไข่ที่หนาได้ ค่าบริการเริ่มต้นอยู่ 200,000 - 350,000 บาท ส่วนค่าฝากตัวอ่อนที่ผสมแล้วอยู่ที่ 2,000 บาทต่อตัวต่อปี สามารถฝากได้นาน 10-15 ปี หรือตามสัญญาสูงสุด 50 ปี อัตราความสำเร็จของการตั้งครรภ์โดยรวมของทางศูนย์ฯ อยู่ที่ประมาณ 70% สำหรับการใช้เทคนิค ICSI และ 17% สำหรับการผสมเทียม (IUI)

สร้างรายได้ให้ประเทศ 7,870 ล้าน

ด้าน นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กล่าวว่า การให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยกว่า 7,870 ล้านบาท โดยกรมได้รับรองมาตรฐานสถานพยาบาล จำนวน 115 แห่ง เป็นรพ.ภาครัฐ 17 แห่ง รพ.เอกชน 28 แห่ง และคลินิกเอกชน 70 แห่ง

จากข้อมูลการให้บริการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ของประเทศไทย แสดงอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์โดยเฉลี่ยสูงถึง 52% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 48.53% มีการให้บริการทำเด็กหลอดแก้วกว่า 20,000 รอบการรักษา และการผสมเทียมกว่า 12,000 รอบการรักษา ซึ่งต่างชาติที่เข้ามารับบริการ 10 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ลาว เมียนมา เกาหลีใต้ สหรัฐ กัมพูชา สหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย

ส่วนการตั้งครรภ์แทน หรืออุ้มบุญ ตั้งแต่มี พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 หรือพ.ร.บ.อุ้มบุญ มีการยื่นขออนุญาตอุ้มบุญ 928 ราย เป็นคนไทย สหรัฐ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และจีน คณะกรรมการพิจารณาอนุญาต จำนวน 904 ราย

“ปี 2568 อาจจะมีผลกระทบจากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาในไทยลดลง บวกกับมีข้อมูลว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย มีคนนิยมไปใช้บริการมากขึ้น อาจเป็นเพราะนักท่องเที่ยวเดินทางไปเพิ่มขึ้น อีกทั้ง เขายังได้ลูกค้าจากกลุ่มประเทศอิสลาม และกฎหมายอาจจะเอื้อทำให้มีการไปใช้บริการสูงขึ้น จากที่เมื่อก่อนจำนวนน้อยกว่าไทยแต่ตอนนี้แนวโน้มสูงขึ้น” นพ.ภานุวัฒน์กล่าว

ปรับแก้กฎหมาย ตลาดเปิดกว้างขึ้น

สำหรับการขับเคลื่อนที่สำคัญเพื่อดึงให้คนต่างชาติเข้ามาใช้บริการในประเทศไทยมากขึ้น โดยจัดอยู่ในบริการที่จะส่งเสริมภายใต้แผนเมดิคัล ฮับ หนึ่งในแนวทาง คือ การปรับปรุงกฎหมาย ซึ่งในส่วนของกรมอยู่ระหว่างการปรับปรุงกฎหมายอุ้มบุญ มีการแก้ไขข้อกำหนดหลายเรื่อง อาทิ

  • ให้คู่สมรสชาวต่างชาติทั้งคู่สามารถดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์ในไทยได้ แต่จะต้องจดทะเบียนสมรสมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และต้องมีกฎหมายในประเทศภูมิลำเนาให้การรับรองสิทธิเด็กว่าเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
  • รวมถึง หญิงตั้งครรภ์แทนต้องมีสัญชาติเดียวกับคู่สมรสฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
  • ให้คู่สมรสเท่าเทียมสามารถดำเนินการตั้งครรภ์แทนได้ เพื่อให้สอดคล้องกับพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม
  • ให้สามารถส่งออกอสุจิ ไข่ ตัวอ่อนของผู้เป็นเจ้าของได้ โดยต้องได้รับอนุญาตและปรับแก้คำว่าสามีภริยา เป็นคำว่าคู่สมรส

“กฎหมายไม่อนุญาตให้สถานพยาบาลทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่ประเทศไทยจะสื่อสารในนามภาครัฐไปยังผู้รับบริการต่างประเทศ เพื่อให้เห็นถึงศักยภาพการให้บริการในด้านนี้ของประเทศไทย โดยเฉพาะอัตราการตั้งครรภ์สำเร็จที่มากกว่า 52% เป็นอัตราที่สูง ส่วนในคนไทยควรผลักดันให้อยู่ในสิทธิรักษาพยาบาลฟรี” นพ.ภาณุวัฒน์กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

ชวนไปงาน 'THAILAND INTERNATIONAL GAME SHOWCASE 2025' วันที่ 23 – 24 ส.ค. 68

29 นาทีที่แล้ว

ปอร์เช่เผย Porsche Macan EV มาแรง ครึ่งปีสัดส่วนขายทั่วโลก 60%

38 นาทีที่แล้ว

'อิสราเอล' สังหารนักข่าวอัลจาซีรา อ้างเป็นหัวหน้าฮามาส จุดประเด็นเสรีภาพสื่อ

44 นาทีที่แล้ว

สส.ปชน.หนุนแบงก์ชาติคุมเข้มแอปธนาคาร ช่วยเหยื่อมิจฉาชีพ

58 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

วิจัยพบ โลหะเบา “ลิเทียม” อาจช่วยป้องกัน-รักษาอัลไซเมอร์

TNN ช่อง16

รู้จัก "ออกซิโตซิน" ฮอร์โมนสร้างสัญชาตญาณความเป็นแม่

TNN ช่อง16

วันแม่แห่งชาติ 2568 เปิด10 วิธีดูแลสุขภาพผู้สูงอายุใส่ใจทั้งกายและใจ

PPTV HD 36

CBT ผสานพุทธธรรม เครื่องมือฟื้นฟูใจ รับมือความทุกข์ในยุคเปลี่ยนแปลงเร็ว

ฐานเศรษฐกิจ

Solventum ตั้ง DKSH กระจายสินค้า บุกตลาดผลิตภัณฑ์ทันตกรรม

ฐานเศรษฐกิจ

“กิฟท์ เฟอร์ทิลิตี้” รีแบรนด์ใหม่ รุกตลาดสุขภาพการเจริญพันธุ์ครบวงจร

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...