“อิทธิพร” คดีฮั้วส.ว. ถึงขั้นตอนเลขาฯกกต. แล้ว
"อิทธิพร" คดีฮั้วเลือก ส.ว. ถึงขั้นตอนเลขาฯกกต. แล้ว ย้ำทำตามขั้นตอน ไม่เร่ง ไม่หวั่นแรงกดดัน
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีคำร้องว่าด้วยการฮั้วกันเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยระบุว่า ขณะนี้คดีดังกล่าวได้ผ่านการสืบสวน
โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนชุดที่ 26 แล้ว และส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสำนักงาน กกต. เพื่อให้นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แสดงความเห็น ก่อนเสนอเข้าสู่คณะอนุกรรมการวินิจฉัย ปัญหาหรือข้อโต้แย้ง และเข้าสู่ที่ประชุม กกต. ต่อไป
ทั้งนี้ นายอิทธิพร ย้ำว่า ขั้นตอนต่าง ๆ จะดำเนินการภายใต้กรอบเวลาที่กำหนด โดยในระดับเลขาธิการมีเวลา 60 วัน คณะอนุกรรมการวินิจฉัยมีเวลาไม่เกิน 90 วัน และเมื่อเข้าสู่การประชุม กกต.
ก็จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน เช่นกัน โดยเน้นว่า กกต. ไม่ได้เร่งรัดกระบวนการใด ๆ ทั้งสิ้น และจะทำตามระเบียบอย่างเคร่งครัด
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าผู้เกี่ยวข้องในคดีอาจมากถึง 229 คน นายอิทธิพร ตอบว่า ตนไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดของสำนวนในลักษณะนั้น เนื่องจากเป็นเรื่องของคณะทำงาน แต่ยอมรับว่าเป็นจำนวนไม่น้อย
สำหรับในประเด็นที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) แสดงความกังวลว่าการพิจารณาอาจไม่เป็นธรรม เพราะผู้ถูกกล่าวหาหลายคนมีข้อกล่าวหาคล้ายกัน นายอิทธิพร กล่าวว่า เมื่อมอบหมายให้คณะกรรมการสืบสวน ไต่สวนดำเนินการแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน โดยไม่มีข้อยกเว้น พร้อมระบุว่า ความเห็นที่ต่างกันในแต่ละขั้นตอนเป็นเรื่องปกติ และไม่ได้กระทบต่อการดำเนินงาน
ทั้งนี้ มีข้อครหาว่า กกต.เร่งดำเนินคดีหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล นายอิทธิพร ย้ำว่า กกต.ทำหน้าที่โดยอิสระ ไม่อยู่ภายใต้แรงกดดันทางการเมือง และทุกขั้นตอนจะต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมาย
“สิ่งสำคัญคือเราต้องธำรงความเป็นกลางทางการเมืองไว้ ไม่ว่าจะมีแรงกดดันจากฝ่ายใด การพิจารณาทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและกฎหมาย ไม่มีคำสั่งจากใครมากำหนดดุลพินิจของกรรมการได้”
สำหรับข้อเสนอให้ตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยพิเศษขึ้นมาพิจารณาคดีนี้โดยเฉพาะนั้น นายอิทธิพร ระบุว่า ไม่สามารถทำได้ เว้นแต่จะมีเหตุผลจำเป็นอย่างยิ่ง และต้องเป็นไปตามระเบียบของ
กกต. โดยย้ำว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีการตั้งคณะอนุกรรมการพิเศษในลักษณะนี้
ขณะการลดระยะเวลาในการไต่สวนหรือวินิจฉัย นายอิทธิพร ยอมรับว่า อาจทำได้ในบางกรณีที่มีข้อเท็จจริงเพียงพอ และต้องมีความจำเป็นชัดเจน เช่น ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิทธิ์ของผู้สมัครเลือกตั้ง
นายอิทธิพร ยังกล่าวถึงการที่พรรคภูมิใจไทยยื่นฟ้องคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนชุดที่ 26 ว่า กกต.จะพิจารณาอย่างรอบคอบเช่นเดิม โดยเมื่อเข้าสู่ที่ประชุม กกต. แต่ละคนจะใช้ดุลพินิจของตนเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องลงมติแบบเอกฉันท์ และอาจมีมติหลากหลาย เช่น 5:1, 4:2 หรือ 3:3 ขึ้นอยู่กับเนื้อหาในสำนวนและการตีความตามข้อเท็จจริง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews