"ทักษิณ" ฟาดอดีตพรรคร่วม ไม่คิดรวมพลังแก้ปัญหา เป็นคนไทยหรือกัมพูชา
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤตโลก และพลิกเกมเศรษฐกิจไทย..สู่อนาคต ในงานเสวนาปลดล็อคอนาคตประเทศไทยสู้วิกฤตโลก (Unlocking Thailand’s Future) จัดโดย อสมท. เวลา 19.35 น. วันที่ 17 ก.ค. 68 โดยมีการกล่าวถึงในหลายประเด็นด้วยกัน
ฟาดอดีตพรรคร่วม คนเขมรหรือคนไทย?
นายทักษิณ กล่าวว่า ตนพูดมาหลายรอบมีเรื่องใหม่บ้างเก่าบ้าง และเรื่องเคยพูดสมัยเมื่อเป็นนายกฯ 20 ปีที่แล้ว วันนี้มันไม่ค่อยไปไหน หลายเรื่องมีถอยไปด้วยซ้ำ
ตนก็งงว่าจากประเทศไปหลายปี กลับมาเจอหลายเรื่องแย่กว่าเดิม แต่ละเรื่องก็ก้าวหน้ามาก โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวข้องกับภาคเอกชน หรือส่วนราชการ ที่มีคนเก่งๆ ประเทศไทยวันนี้เราต้องการความเชื่อมั่น ในหมู่คนไทยด้วยกัน วันนี้บางทีคนไทยก็ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง และไม่พยายามที่จะร่วมพลังกัน ให้มีความเป็นหนึ่งเพื่อจะแก้ไขปัญหาด้วยกัน
“เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ตนก็แปลกใจ ผู้นำเขมร ไอ้มันไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างมัน ผมงงว่าทำไมวันนี้คนไทยไม่รักกัน ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิด ไม่มีผู้นำที่ไหนในโลกเขาทำกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคเพิ่งหลุดออกไปจากรัฐบาลนี้ ก็กลับมามองว่าเป็นการขายชาติ เลยไม่รู้ว่าตกลงเค้าเป็นเขมรหรือเป็นไทย ไม่แน่ใจ” นายทักษิณ กล่าว
การเมืองไทยมีปัญหา ยก “รธน. ปี 40” เป็น รธน. ดีที่สุด
นายทักษิณกล่าวต่อว่า วันนี้สิ่งที่เราสะดุดปัญหาของประเทศ อย่างแรกคือปัญหาการเมือง การเมืองในสมัยรัฐธรรมนูญปี 40 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน วันนั้นพรรคไทยรักไทยเข้ามา เลือกตั้งครั้งแรก เป็นครั้งแรกที่ขายนโยบาย แล้วชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย
แต่ตอนหลังความแข็งแรงของพรรคไทยรักไทย ในช่วงรัฐธรรมนูญปี 40 เมื่อมีการปฏิวัติก็เลยถอยกลับ วันนี้การตั้งรัฐบาลผสมและหลายพรรค ก็นึกถึง 51 ปีที่แล้ว ตอนช่วยราชการอยู่กับ นายปรีดา พัฒนถาบุตร อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย โดยมีหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี เหมือนกันเลยการเมืองไม่มีเสรีภาพ ล้มกันไปล้มกันมา ผลสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน
แต่ตนอยากขอร้องทุกคนว่า การเมืองเปลี่ยนเเปลงได้ แต่บ้านเมืองต้องถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นั่นคือข้าราชการต้องทำงานต่อไป ภาคเอกชนก็ต้องทำงานต่อไป และรัฐบาลก็มีหน้าที่สนับสนุน ให้ภาคเอกชนแข็งแรง
ชี้ ไทยสะดุด “ภาษีทรัมป์” แนะนำเข้าสินค้าอเมริกัน เอามาแข่งกับชาติอื่น
นายทักษิณกล่าวว่า อีกเรื่องที่เราสะดุด คือเรื่องภาษีทรัมป์ ที่เรากำลังเจรจาอยู่ ทีมไทยแลนด์กำลังเจรจาอยู่ โดยได้ยื่นข้อเสนอใหม่ ๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็นั่งกำกับ ไม่ให้เราเสียเปรียบ ไม่ให้เราถูกเบียดเบียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าเกษตร อย่างที่ตนเคยบอกว่ามี 3 ก้อน
ก้อนหนึ่งคือเราเอาของเข้ามาจากจีน แล้วประกอบและส่งไป เป็นผลิตในประเทศไทย อีกสองคือส่งไปในอเมริกา โดยเทคโนโลยีและบริษัทอเมริกัน มาตั้งในประเทศไทย สองตัวนี้จะไม่กระทบอะไรกับเรามาก แต่ที่กระทบมากคือตัวที่เกี่ยวข้อง กับสินค้าที่เราส่งไป เช่น สินค้าเกษตร สินค้าSMEs หรือพวกอัญมณี
ซึ่งเรากำลังแก้ไข และให้แนวทางกันว่า ถ้าเราจะนำเข้าสินค้าจากอเมริกา แล้วมาแข่งขัน กับสินค้าที่เรานำเข้าจากประเทศอื่น ก็เป็นเรื่องที่ดี เรายอมรับให้เข้ามาแข่งกันเอง เช่น เนื้อ ที่จะมีการแข่งขันกับออสเตรเลีย หรือมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ก็ไม่เป็นอะไร
หลายอย่างที่เราเปิดได้เราก็เปิด สิ่งที่เราเปิดวันนี้เราก็คุยกัน น่าจะเป็นข้อเสนอ ที่นำไปสู่การตกลงใจกันได้ แต่ให้จำไว้ว่า คำว่าดีลไม่มีจบ ถ้ายังไม่พอใจก็ดีลกันต่อ นี่เป็นลักษณะการเจรจาธุรกิจ คำว่าประเทศ เขาใช้คำว่า Economic ก็คล้าย ๆ ธุรกิจ ที่ต้องเจรจากันต่อเนื่องตลอดไป เพราะฉะนั้นเราหยุดตรงนี้ไม่ได้
GDP ไทยโตน้อย เกิดจาก 3 สาเหตุหลัก
นายทักษิณ กล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหาของประเทศเราอีกอัน จากการวิเคราะห์ทั่วโลก GDP ของประเทศไทย โตน้อยเกินศักยภาพ ไประหว่าง 22-75 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เราอยู่อันดับที่ 24 ของโลก GDP ที่โตช้า มาจากหลายสาเหตุ ซึ่งการบริหารจัดการที่ผิดพลาดเป็นเรื่องใหญ่ คือ เราบริหารโดยไม่บริหารมานาน ไม่มีกลยุทธ์ ว่าจะแข่งขันกับเขาอย่างไร ทำให้เราช้า
อีกเรื่องคือธนาคารแห่งประเทศไทย พยายามจะรักษาสถานะ ของธนาคารพาณิชย์ เพราะกลัวธนาคารพาณิชย์จะพลาด เหมือนยุคต้มยำกุ้ง ทำให้ดึงฐานเงินออกจากระบบ เป็นจำนวนมาก จนทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความเสี่ยงน้อย ธุรกิจก็เหนื่อย ไม่รู้จะไปหาแหล่งทุนที่ไหน ประกอบกับการที่เราไม่ป้องกันตัวเอง พอจีนส่งสินค้าเข้ามา มีคอรัปชั่นตามชายแดน ศุลกากรต่างๆ ก็ทำให้SMEsของเราตาย ซึ่งเราสู้เขาไม่ได้ ในเชิงของ Economies of Scale
อยู่แล้ว และเทคโนโลยีเราก็ไม่ค่อยทันสมัย มาเจอสินค้าที่เข้ามาทุ่มตลาด ราคาถูกโดยไม่ผ่าน มอก. และไม่มีอย. พอตนต่อว่าไป เขาบอกว่าอย.ขอยากมาก นี่เป็นสิ่งที่เราต้องไปแก้กติกาของเรา นี่เป็น3ข้อที่ทำให้เศรษฐกิจไทย ชะงักเงินในช่วงนี้
แนะจัดตั้งAMC จัดการสินทรัพย์ประชาชน พ้อคลังยังไม่ค่อยรับลูก
นายทักษิณ กล่าวว่า ตนพยายามอย่างยิ่ง ที่จะจัดตั้ง AMC (Asset Management Company) หรือ บริษัทจัดการสินทรัพย์ ของภาคประชาชน เพราะหนี้ครัวเรือนสูงเหลือเกิน แต่คลังยังไม่รับลูกเท่าไหร่ แต่ตนเชื่อว่าเที่ยวนี้มันจำเป็น วันนี้นี่ครัวเรือนสูง อาจจะต่อเนื่องมาตั้งแต่โควิด-19 และคนไทยก็ไปเสียเงิน จากการเล่นหวยเล่นพนันออนไลน์
ซึ่งวันนี้หนี้สินอยู่ที่ 92% ของGDP วันนี้ถ้าเราซื้อหนี้ภาคประชาชน ออกมาจัดตั้งAMC ซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์ กับ AMC ที่มีอยู่ แต่สามารถทำในสาขาแยกออกมาได้ ถ้าใช้พันธุ์เดียวกันจะมีปัญหา ใช้กฎหมายเดียวกันได้ แต่ต้องแยกมนุษย์คนละพันธ์ุมาบริหาร เพราะเป็นลูกค้าคนละกลุ่ม พร้อมย้ำว่า AMC จำเป็นอย่างยิ่ง ต้องเอาจริงจัง ถ้าไม่ทำคนไทยหายใจไม่ได้ กำลังซื้อจะไม่กลับมา และไม่มีทางที่จะดิ้นรนทำมาหากิน ในเรื่องใหม่ๆได้
นายทักษิณกล่าวอีกว่า การลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ อย่างเรื่องไฟฟ้า วันนี้ตนอยากจะพูดยาวหน่อย วันนี้ถ้าเราใช้รถไฟฟ้า แต่ถ้าเป็นของจีนทั้งหมด เราเจ๊งก่อน แล้วจะทำอย่างไร ถึงจะสร้างอุตสาหกรรม ที่มีอีโคซิสเต็มส์ (Ecosystem) ของเรา ที่แข็งแรงแล้ว โดยใช้โรงงานผลิตในประเทศไทย ใช้อุตสาหกรรมต่อเนื่องทางรถยนต์ ที่เรามีระบบที่ดีอยู่แล้วให้ได้ แล้วส่งเสริมไฟฟ้าอย่างจริงจัง มันเป็นเรื่องที่ควรต้องทำ เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ภาคประชาชน
นายทักษิณ กล่าวว่า สำหรับเรื่อง 20 บาทตลอดสาย สิ่งที่เราคิดวันนี้ต้องลดค่าจราจร ซึ่งตนเป็นคนเสนอสร้างรถไฟฟ้า 10 สาย ซึ่งปรากฏว่าคนยังใช้ไม่มาก เพราะไม่มีฟีดเดอร์ และวันนี้หากลดค่าบริการลงเหลือ 20 บาทตลอดสาย ทำให้ประชาชนสามารถใช้บริการได้ และนำรถเมล์เปลี่ยนเป็นฟีดเดอร์ เราจึงจะประสบความสำเร็จที่สุด เพื่อให้ประชาชนใช้ระบบสาธารณะ และรถราต่างๆจะลดน้อยลง
ขณะเดียวกันถนนใหญ่ๆต้องทำถนนชาร์จไฟแบบไร้สาย ซึ่งต่างประเทศเขาทำกัน เพื่อนำเงินส่วนนี้มาเป็นเงินอุดหนุนให้กับคนทั่วไปที่ใช้รถสาธารณะ ซึ่งจะเร่งให้เสร็จภายใน 2-3 เดือนนี้
ระบบราชการต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ประสิทธิภาพของภาครัฐเป็นปัญหามาก เพราะส่วนราชการใหญ่ขึ้นจำนวนข้าราชการมีมากขึ้น และการบริการแย่ลง เมื่อก่อนตอนที่ตนอยู่เราพยายามให้ข้าราชการให้บริการ รวมถึงช่วงวันเสาร์อาทิตย์ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งวันนี้ต้องมาแก้ไขระบบราชการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
และถ้าจะปรับโครงสร้างระบบราชการทุกกระทรวงไม่ว่าจะเป็นองค์กร ระเบียบกฎหมาย และงบประมาณ ซึ่งอาจจะขอให้มหาวิทยาลัยรับไปดูแลในแต่ละกระทรวงเพื่อทำแผน และนำเสนอให้กับรัฐบาลเพื่อเห็นแนวทางในการปรับปรุงการบริหารของระบบราชการ และต้องพยายามประหยัดค่าใช้จ่ายภาครัฐลง เพราะวันนี้ค่าใช้จ่ายภาครัฐสูงมาก สูงจนไม่มีเงินจะบริหาร จึงต้องดูว่าจะปรับปรุงข้าราชการอย่างไร
นายทักษิณ กล่าวว่า เช่นที่ดูไบไม่มีภาษี แต่เขามีคำว่า Fee คือการเก็บค่าธรรมเนียมบริการใช้บริการของภาครัฐ และนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นสวัสดิการของข้าราชการ ซึ่งจะทำให้การบริการดีขึ้น และไม่มีใต้โต๊ะ และคำนวณได้ว่าค่าใช้จ่ายจะเป็นเท่าไหร่ ในการเดินงานแต่ละเรื่อง ทั้งอย่างรวดเร็วทันใจ และเป็นระบบดิจิทัลไลท์หมด
ดังนั้น วันนี้ต้องแก้ไขระบบราชการให้ทันสมัย และประหยัด รวมถึงพยายามเก็บเป็น Fee มากกว่าใต้โต๊ะ เช่น ที่ข้างบ้านเล็กๆ 60 ตารางวา ขอรังวัดที่ดินมีค่าธรรมเนียมถูกต้องตามกฏหมาย และมีค่าวัดขั้นตอนเพื่อให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งแพงกว่าค่าธรรมเนียม เราก็ต้องจ่ายไม่เช่นนั้นก็ไม่ได้รังวัดสักที นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย
ดังนั้น สู้เก็บบนโต๊ะ และเก็บมากหน่อยเพื่อนำไปแบ่งกับข้าราชการ เป็นค่า Fee จะดีจะดีกว่าหรือไม่ซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งที่ต้องรีบ ส่วนงบประมาณของรัฐต้องประหยัด เช่น วันนี้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั่งอยู่สำหรับเรื่อง 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งมีการกลบงบประมาณเพิ่มขึ้นทุกปี แต่กลับไม่ได้ไปรีวิวว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนไป
การบริการค่าใช้จ่ายผิดไปแล้ว ต้องเริ่มที่การจัดทำงบประมาณโดยความจำเป็น (Zero Based) ได้หรือไม่ ซึ่งต้องคำนวณว่าเป็นเท่าไหร่ต่อหัว อาจจะทำให้เราประหยัดได้มาก ไม่ใช่กลบไปเรื่อยๆไม่เช่นนั้นสวัสดิการบ้านเราจะรับไม่ไหว
แนะลดงบทหาร ปรับตัวสู่ “สงครามไซเบอร์”
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงเรื่องงบประมาณทหาร ซึ่งสูงขึ้นมากระหว่างที่ตนไม่อยู่ น่าจะถึงเวลาที่ต้องหาทางลดและปรับ เพราะต่อไปจะเป็นสงครามไซเบอร์ ต้องปรับเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ ไม่เช่นนั้นเราจะล้าหลังและล้าสมัย รวมถึงสิ้นเปลือง ซึ่งหลายอย่างเราเก็บซากไว้เพื่อเบิกค่าน้ำมัน เราต้องแก้ไขในจุดนี้
ดังนั้น ระบบสวัสดิการของข้าราชการจึงจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าใช้มหาวิทยาลัยเข้าไปดูแต่ละกระทรวงว่าจะปรับอะไรได้บ้าง ดีกว่าเอานักการเมืองเข้าไปดู เขาจะหาว่านักการเมืองไปกลั่นแกล้ง พร้อมย้ำว่า ต้องลดค่าใช้จ่ายภาคประชาชน และภาครัฐ
แนะแก้ กม. ขุดลอกคลอง
นายทักษิณ กล่าวถึงการตั้งงบประมาณขุดคลอง ลอกคลอง ขุดร่องน้ำ และแม่น้ำ ว่าเมื่อขุดแล้ววางไว้บนตลิ่งพอฝนตกก็ชะลงไปใหม่ หากเราอนุญาตให้แก้กฎหมาย กฎระเบียบ ให้ประชาชนขุดดิน ขุดทรายในคลองเอาไปขายหรือถมดินได้เลย แต่มีกติกาว่าต้องรักษาตลิ่งไม่ให้พังจะทำให้เกิดนิเวศน์ใหม่ รถขนดินเยอะขึ้น มีเรือท้องแบนสำหรับใส่ทรายใส่ดิน และจะทำให้ร่องน้ำกว้างขวางขึ้น ลึกขึ้น น้ำไม่ท่วม ขณะเดียวกันประชาชนได้เงินใช้ เรื่องนี้ทำยากมาก เพราะระบบราชการและกฎหมายไม่เอื้ออำนวย
แนะไทยเปิดทาง “ถมทะเล” เชื่อช่วยหาเงินลงทุนเข้าประเทศ
ส่วนอีกเรื่อง ที่วันนี้กำลังก้าวหน้าไปเยอะ คือเรื่องถมทะเล โดยเราอยากป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ฉะนั้นทุกประเทศมีการถมทะเล (land reclaim) ของเรายังไม่ค่อยทำ แต่มีทำแถวมาบตาพุด แต่หากเราทำตรงนี้จะได้ที่ดินขึ้นมาอีกหลายแสนไร่ เพราะเราจะมีเรื่องทรัพย์อิงสิทธิ์ 99 ปีอยู่แล้ว ก็จะทำให้คนกล้าลงทุนเอาดินไปถมทะเล
แต่เราจะต้องมีผังให้ชัดว่า แต่ละเกาะให้ทำอะไร วันนี้เราต้องหาการเงินใหม่ๆ โดยเฉพาะเงินภาคเอกชนและเงินต่างประเทศ เข้ามาช่วยลงทุนให้ไทย เพราะวันนี้รัฐกู้อีกไม่ไหว เนื่องจากเต็มยันเพดานแล้ว ก็เลยต้องให้จีดีพีโตขึ้น เพื่อให้มันลดลงมา ถึงจะเอาเงินไปใช้จ่ายได้ แต่จีดีพีจะลด ก็ต้องมีรายได้ มีเงินใหม่ๆ เข้ามา
โดยเรื่องถมทะเลนี้ตนเชื่อว่าหลายประเทศสนใจ แต่หากสมมติว่าถมทะเลกับการลอกคลองไปด้วยกันได้ แม่น้ำเจ้าพระยาจะหายตื้นเขินแล้วไปถมทะเลอยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ก็จะทำให้ราคาถูกลง
ไทยต้องตั้งภาษีสรรพสามิตรถนำเข้า เก็บตาม local content
นายทักษิณยังกล่าวอีกว่า ในเรื่อง Ecosystem ซึ่งวันนี้เน้นย้ำไปหลายรอบว่าเราจะต้องตั้งภาษีสรรพสามิต สำหรับรถที่นำเข้าโดยไม่มี local content ซึ่งบางทีเราตกอยู่ในสัญญาการค้าเสรี (FTA) ที่เอาเข้ามาโดยภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ แต่เราสามารถเก็บภาษีสรรพสามิตได้
โดยเราจะเก็บตามอัตรา ตามสัดส่วน local content หรือสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในประเทศไทย เอาไปใช้ประกอบ เช่น เบาะรถยนต์ ยางรถยนต์ ซึ่งเรามีเองเยอะแยะ ถ้าเราไม่รักษาตรงนี้ไว้ อีกหน่อยนิเวศน์ที่เราสร้างมาหลายสิบปีพัง
ฉะนั้นวันนี้ต้องจริงจัง และเราจะสร้างอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าของเราให้ได้ เพราะเทคโนโลยีพวกนี้ไม่ยากอะไรเลย แต่จะไปยากตอนที่ทำรถไม่มีคนขับ ซึ่งพวกนั้นต้องใช้ชิพ แต่ตอนนี้หากเราดีไซน์รถตุ๊ก ๆ ใหม่เป็นดีไซน์ของไทยเลย และทำเป็นไฟฟ้าให้หมดแล้วนำมาแทนตุ๊กๆ ปัจจุบัน ทำให้ปลอดภับและประหยัด
เรื่องเหล่านี้สามารถทำได้หมด ตนจึงอยากให้ช่วยกันรักษานิเวศน์ที่ดีอยู่แล้วของอุตสาหกรรมรถยนต์ให้เข้มแข็งต่อไป เพราะต่อไปข้างหน้านอกจากจีนแล้ว ไทยเรายังต้องเป็นศูนย์ผลิตรถยนต์ได้ รถยต์ไฟฟ้าก็ไม่ได้เป็นเรื่องเทคโนโลยีที่ยาก สามารถดึงนักลงทุนต่างประเทศมาร่วมลงทุนกับไทยได้
หวังสร้างไทยเป็นศูนย์กลาง “ไฟฟ้าสีเขียว”
อย่างไรก็ตาม วันนี้เรานำเข้าน้ำมันดีเซล 60 ล้านลิตรต่อวัน น้ำมันเบนซิน 25 ล้านลิตรต่อวัน และน้ำมันอื่น ๆ อีกประมาณ 10 ล้านลิตรต่อวัน เท่ากับโรงงานผลิตไฟฟ้า 40,000 เมกะวัตน์ สมมติว่าเราผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 40,000 เมกะวัตน์และรถใช้ไฟฟ้าหมด เราก็ไม่ต้องนำเข้าน้ำมัน
ฉะนั้นสมมติว่าเราอยากทำตัวเป็นศูนย์กลางไฟฟ้าสีเขียว เราจะทำโซล่าฟาร์ม ซึ่งผลิตได้ 40,000 เมกะวัตน์แทนที่น้ำมันนำเข้า เราจะใช้ที่ดินประมาณ 1.4 ล้านไร่ เพื่อเป็นระบบโซล่าเซลล์ 24 ชั่วโมง ซึ่งเราสามารถหาได้เยอะแยะ เพราะเรามีที่ดิน สปก. 40 ล้านไร่และมีแต่เพิ่มขึ้นทุกวัน เนื่องจากมีการส่งมอบเพิ่มขึ้น โดยเราจะเป็นคนที่ขายไฟฟ้าสีเขียวแล้ว data center ทั้งหลายจะมาที่ประเทศไทย
วันนี้ data center ที่จะมาไทยปรากฎว่าติดไฟฟ้าสีเขียวไม่พอ หากวันนี้เราไปตั้งฟาร์มในพื้นที่อีสาน แล้วลากสายตรงมากรุงเทพฯ ไม่ต้องไปผ่านของเก่า ตนคิดว่าราคา 3 บาทต่อยูนิตยังเอาอยู่ ส่วนนี้จะทำให้ประเทศเรามีศักยภาพในการแข่งขันด้านไฟฟ้าสีเขียว data center
วันนี้เหมือนอสังหาริมทรัพย์ (real eastate) สมัยที่กำลังบูมๆ โดยเขาไปซื้อที่ดินที่มีไฟฟ้าสีเขียวส่วนหนึ่ง มีน้ำและอยู่ใกล้เมืองใหญ่ โดยวันนี้เริ่มทำเป็นธุรกิจ สมมติว่าหากตนมาทำในประเทศไทย 10 แห่ง ไปทำในลาว 5 แห่ง ในมาเลเซีย 20 แห่ง แล้วนำทั้งหมดเข้าตลาดหลักทรัพย์ เหมือนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สร้างเสร็จขาย หรือไม่ก็ปล่อยเช่า วันนี้เริ่มเกิดขึ้นในยุโรป
ตนมองว่าประเทศไทยควรถือโอกาสวันนี้รีบผลิตไฟฟ้าสีเขียวให้ได้ และเอา data center มาไว้ที่ประเทศไทย เรียกว่าเป็นเอมบาสซีของโลก
จีนมาไทยน้อยลง เพราะมีดาราโดนหลอก ทำภาพลักษณ์เสีย
วันนี้เมืองจีน ลดการมาเมืองไทยน้อยลง เพราะดาราโดนหลอก "ซิงซิง" โดนคนจีนด้วยกันหรอก ที่เป็นสแกมเมอร์ฝั่งพม่า พอลงเครื่องบินเสร็จ ก็ไปแม่สอด แล้วก็หายเข้าไปกว่าจะตามตัวกลับมาได้ ต้องข่มขู่กันแทบตายกว่าจะได้ออกมา แต่พอออกมาภาพเสียไปแล้ว ข่าวออกไปแล้ว เว็บบางเว็บก็ไปลงว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัย แต่คงไม่ใช่เรื่อง Entertainment Complex เพราะยังไม่เกิด
นายทักษิณ ยังกล่าวต่อด้วย ว่าเรื่องการท่องเที่ยว ความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ ต้องเร่งให้เมืองของไทย เป็น smart City โดยการติดกล้อง AI ทั้งหมด
"วันก่อนมีคนเอาระเบิดควัน ไปทิ้งข้างบ้านผม บ้านข้างติดกัน อาจจะทำให้ผมตกใจ มาตี 3 ตี 4 ค้นหาไม่เจอ ตำรวจก็ตามไปเจอรูปใน 7-11 แถววงเวียนใหญ่ก็เลยจับได้หมดเพราะฉะนั้น Smart City ที่ติดตั้งกล้อง AI ทั่วไปหมด และมีซอฟต์แวร์ที่ถูกต้อง รับรองเลยว่าความปลอดภัยจะสูงมาก
เมื่อมีความปลอดภัย เราก็สามารถอินชัวร์นักท่องเที่ยวได้ นักท่องเที่ยวก็ไม่กลัวแล้ว มาแล้ว ผมคิดว่า ถ้าผมไปเมืองจีนเที่ยวหน้า ผมจะสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์จีนเอง ผมบอกว่าใครมาเมืองไทย โดนฆ่า โดนปล้น ผมรับผิดชอบให้ ผมจะจ่ายเงินส่วนตัวให้ ผมอินชัวร์เองเลย ต้องให้นักท่องเที่ยวมาเมืองไทยให้ได้"
นายทักษิณ กล่าวต่อด้วยว่า เป็นคนชอบเสี่ยงทั้งชีวิต ยกเว้นเรื่องเล่นการพนัน ตอนนั้นมีช่วงซาร์สระบาด ปรากฏว่าใส่หน้ากากกันทั้งเมือง ตนเองก็เช็ค ก็รู้ว่าซาร์สไม่สามารถหายใจลดและติดกันได้ แล้วใส่หน้ากากทำไม
ตอนนั้นเลยชวนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ไปสนามบินดอนเมือง แล้วไม่ใส่หน้ากากให้ดู เพื่อให้รู้ว่า ไม่เป็นอะไร แล้วก็ชวนคนไทยไม่ต้องใส่หน้ากาก ทำให้คนมั่นใจประเทศไทยแล้วก็มาเที่ยว
ตอนไข้หวัดนก ตนเองก็ไปทดลองกินไก่ให้ดู เพราะรู้ว่า ไก่ถ้าทำให้สุกเกิน 80 องศา ไม่มีเชื้อโรคเหลือ จึงให้ทำครัวกลางสนามหลวง ไปโชว์กินไก่ ปรากฏว่า ไก่ก็เลยขายได้ ดังนั้นตนเป็นคนที่กล้าเสี่ยง ถ้าให้เสี่ยงเพื่อบ้านเมืองไม่เคยกลัว
นายทักษิณ กล่าวต่อด้วยว่า วันนี้การท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เตรียมเรื่องใหม่ ๆ ไว้ ให้ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น tomorrow land ในปีหน้า อีกปีนึงก็จะมี Formula 1 ใช้สนามแข่งที่จตุจักร และจะเป็นFormula 1 ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และจะมีตังค์เยอะมาก
โดยจะเก็บเงินชาวบ้านถูก ๆ 100 บาท เพื่อให้เขาดู Formula 1 แต่ประเภท 100,000- 200,000 ก็มี เพื่อให้เกิดกระแสของความเข้าใจเรื่องใหม่ มีไอเดียที่จะคิดในการทำมาหากินต่อไป และก็จะมีบางกอกแฟชั่นวีค ควบคู่ไปกับ Formula 1 และก็มีคอนเสิร์ตใหญ่ ใกล้ๆในช่วงนั้นหมด ช่วงนั้นโรงแรมเต็มแน่นอน
กาสิโน ไม่ใช่ใครที่ไหนก็เข้าได้!
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า เรื่อง Entertainment Complex หากไม่มีกาสิโน อยากจะย้อนถามว่าใครจะลงทุน ชิโนไทยจะลงทุนหรือไม่ ไม่น่าจะลงทุนนะ Entertainment Complex คือเขามีสิ่งที่เป็นจุดศูนย์รวมของการท่องเที่ยวทุกอย่าง แน่นอนว่าถ้าเขาเก็บแพงก็จะไม่มีคนเข้า ก็ต้องไปอาศัยกำไรจากกาสิโน
ซึ่งกาสิโนไม่ใช่ว่า ใครที่ไหนก็เดินเข้าไปได้ เขามีระบบ KYC คุณจะไปเป็นลูกค้า เขาถ้าไม่มีที่มาที่ไปของรายได้ เขาก็ไม่ให้เข้า อย่างตนเองไป ก็ไม่ได้เพราะเป็นนักการเมือง
"ไม่ใช่อยู่ๆมาบอกว่า โห ทำไมมอมเมาอย่างนั้นอย่างนี้ มึงยังไม่รู้เรื่องอะไรแล้วพูดจริงๆ ไอ้พวกที่รู้น้อยพูดมากนี่น่ารำคาญ วันนี้สิ่งเหล่านี้ก็เดินหน้าต่อไป" นายทักษิณ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“นายกฯอิ๊งค์” ประกาศฟื้นฟูความเชื่อมั่นพุทธศาสนา หลังเกิดปมฉาวพระผู้ใหญ่
มติ คกก.สืบสวน กกต. ชงดำเนินคดี สว. - ภท. รวม 229 ราย เข้าสู่ขั้น 2
"โรม" จี้แพทองธาร แจงคุยอะไรกับ "อังเคิลฮุน" ฉะขอความร่วมมือไม่เคยได้!
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : "ทักษิณ" ฟาดอดีตพรรคร่วม ไม่คิดรวมพลังแก้ปัญหา เป็นคนไทยหรือกัมพูชา
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com