โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ปตท. เร่งปรับพอร์ตไล่ปิดธุรกิจขาดทุน คาดสิ้นปี68สรุปโครงการผลิตรถอีวี “เลิกหรือไปต่อ”

Manager Online

เผยแพร่ 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของปตท. ภายใต้วิสัยทัศน์ “ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน”มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทยบนพื้นฐานหลักการของ “ความยั่งยืนอย่างสมดุล” ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี

โดยปตท.หันมามุ่งเน้นธุรกิจ Hydrocarbon ที่เป็น Core Business ของ ปตท. ครอบคลุมตั้งแต่การสำรวจ ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งปตท.มีความเชี่ยวชาญมานานกว่า40ปี ควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจก โดยผลักโครงการดักจับและการจัดเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage :CCS)โดยมีปตท.สผ.เป็นหัวหอกนำร่องโครงการCCSในแหล่งอาทิตย์ พร้อมปรับพอร์ตธุรกิจ Non-Hydrocarbonเน้นธุรกิจที่มีมีศักยภาพและความน่าสนใจ (Attractive) และที่สำคัญยังต้องเป็นธุรกิจที่ปตท. มีจุดแข็ง ( Right to Play ) สามารถต่อยอดในธุรกิจนั้นๆ ได้ และมีพันธมิตร(Partner)ที่แข็งแกร่ง สร้างความสามารถในการแข่งขันรองรับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งปตท.พร้อมถอยในกิจการที่ไม่ perform แล้ว

จึงไม่น่าแปลกใจที่ในช่วง1 ปีกว่านี้ กลุ่มปตท.มีการเปลี่ยนแปลงเด่นชัด การทยอยเลิกกิจการหรือลดบทบาทในบางธุรกิจที่ไม่ใช่Core Business เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขยายการลงทุนเพิ่มเติมในCore Business ของบริษัท Flagship โดยเฉพาะธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม(E&P) ของบมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) หรือPTTEP รวมทั้งการลงทุนธุรกิจพลังงานสะอาดสอดคล้องเทรนด์โลก

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง CEO บมจ. ปตท. กล่าวว่า ปตท. ได้เดินกลยุทธ์มาถูกทาง และสามารถรับมือกับความท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนให้เห็นจากผลการดำเนินงานของปตท.ที่แข็งแกร่งท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจอันเนื่องจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

โดยกลุ่มปตท.ปรับพอร์ตการลงทุน ให้ความสำคัญในธุรกิจที่ทำกำไรในระยะยาว ถ้าธุรกิจมีปัญหาขาดทุนแต่เป็นธุรกิจที่ดีก็หาพันธมิตรร่วมทุนเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ หากเป็นธุรกิจที่ปตท.ไม่มีความเชี่ยวชาญก็จะถอนการลงทุน ซึ่งก่อนหน้านี้ ปตท.หาพันธมิตรเข้าร่วมถือหุ้นในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีเพื่อสร้างความเข้มแข็ง แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป

สำหรับกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ที่ปตท.ต้องการหาพันธมิตรร่วมทุนนั้นเป็นบริษัทFlagship ได้แก่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP), บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) และ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ซึ่งบริษัทเหล่านี้ทำกำไรให้ปตท.อย่างโดดเด่นในช่วงวัฏจักรปิโตรเคมีขาขึ้น แต่เมื่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมีเข้าสู่ตลาดOver Supply บริษัทจึงประสบปัญหาการขาดทุน แม้ว่าจะลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆก็ตาม สุดท้ายก็เริ่มทยอยปิดกิจการบริษัทย่อยไป ล่าสุด ปตท.ได้แจ้งได้เลิกกิจการบริษัท อินโนโพลีเมด จำกัด (IMD) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท อินโนบิก (เอเซีย)จำกัด(เป็นบริษัทย่อยของปตท.)ถือหุ้นในสัดส่วน40% กับบมจ. ไออาร์พีซี (IRPC) ถือหุ้น 60% คาดว่าจะดําเนินการจดทะเบียนเลิกกิจการแล้วเสร็จในปี2568

ส่วนความคืบหน้าโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี)ภายใต้บริษัทร่วมทุน “ ฮอริษอน พลัส” (Horizon Plus)นั้น ขณะนี้ ปตท.รอความชัดเจนจากกลุ่ม Foxconn พันธมิตรร่วมทุนที่ปัจจุบันกลายเป็นถือหุ้นใหญ่ในฮอริษอน พลัส แทนปตท. ว่าจะตัดสินใจเดินหน้าลงทุนโรงงานผลิตรถอีวีต่อไปหรือไม่ อย่างไร

หลังจากปตท.ตัดสินใจลดบทบาทการลงทุนในEV Value Chain เหลือไว้เพียงธุรกิจสถานีชาร์จรถอีวี เนื่องจากตลาดรถอีวีมีการแข่งขันด้านราคารุนแรงมาก ซึ่งปตท.เองก็ไม่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้

ดังนั้นปตท.จึงได้หารือกับFoxconn หวังถอนการลงทุน แต่ทางFoxconn ยังต้องการที่จะลงทุนในธุรกิจนี้อยู่ และขอให้ปตท.ยังคงถือหุ้นในโครงการนี้ต่อไปก่อน จนกว่าได้ข้อสรุป ซึ่งกำหนดเดดไลน์ไว้ถึงแค่สิ้นปีนี้

หากFoxconn ตัดสินใจเดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อไป ก็คงต้องหาพาร์ทเนอร์ใหม่เพิ่มเติม เพราะสุดท้ายปตท.จะถอนตัวจากการลงทุนโครงการนี้

ปัจจุบันโครงการผลิตรถอีวีไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด หลังจากฮอริษอนได้ตัดสินใจที่ซื้อที่ดิน 350ไร่ในพื้นที่อีอีซี ซึ่งเดิมจะต้องมีการลงทุนสั่งซื้อและติดตั้งเครื่องจักรเพื่อผลิตรถอีวีให้แล้วตามกรอบเวลาเดิมที่คาดว่าจะเสร็จและผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2567 มีกำลังการผลิตที่ 50,000 คัน/ปี และมีแผนขยายกำลังการผลิตไปถึง 150,000 คัน/ปี ภายในปี 2573 แต่เนื่องจากสภาพตลาดอีวีมีการแข่งขันรุนแรง และสถาบันการเงินชะลอการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทำให้โครงการนี้ต้องเลื่อนโครงการผลิตรถอีวีออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี หากตัดสินใจซื้อเครื่องจักรภายใต้การแข่งขันรุนแรงในช่วงนี้ ปตท.อาจต้องแบกรับภาระการขาดทุน

“ฮอริษอน พลัส” เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท อรุณ พลัส จํากัด (Arun Plus) ถือหุ้น60%กับบริษัท ลี่ยี่ อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสเมนท์ จํากัด (Lin Yin) หรือกลุ่มFoxconn ถือหุ้น40% ต่อมาเมื่อต้นปีนี้ ได้มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในฮอริษอน พลัส โดยลดทุนจดทะเบียนที่ชําระแล้วเป็นจํานวนเงินประมาณ 5,100 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการลดทุนจดทะเบียน อรุณพลัส ถือหุ้นในฮอริษอน พลัส 40% ลี่ยี่ ฯถือหุ้นเพิ่มเป็น 60% ทำให้ฮอริษอน พลัส สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของปตท.

ส่วนธุรกิจสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า(EV Charging) ซึ่งเดิม ปตท. และบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ต่างคนต่างทำ โดยปตท.ทำภายใต้แบรนด์ ออน-ไอออน (on-ion) เน้นขยายไปยังศูนย์การค้า โรงแรม โครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงานต่างๆ ขณะที่ OR ดำเนินการขยายสถานีชาร์จอีวีภายใต้ชื่อ EV Station PluZ เดิมขยายในสถานีบริการPTT Station และขยายไปนอกสถานีบริการน้ำมันมากขึ้น จึงเป็นการแข่งขันกันเอง ดังนั้น ปตท.ได้หารือกับOR เพื่อที่จะรวมเป็นCenter เดียวโดยให้ORเป็นผู้ดำเนินการ เพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการอย่างรวดเร็ว และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถอีวี

ขณะนี้ ปตท.อยู่ระหว่างการประเมินราคาซื้อขายสถานีชาร์จอีวีแบรนด์ on-ion เพื่อความโปร่งใส ก่อนดำเนินการซื้อขายธุรกิจอีวีชาร์จให้กับOR รับช่วงต่อไป

ส่วนธุรกิจใหม่อย่าง Life Science ซึ่งเป็นเป็นธุรกิจดาวรุ่งภายใต้การบริหารงานของ”อินโนบิก(เอเซีย)”หรือ INBA ที่ปตท.ถือหุ้น 100% มีการลงทุนครอบคลุมทั้งธุรกิจยา ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพและโภชนาการ ธุรกิจอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดย”อินโนบิก”ตั้งขึ้นมาเพียงไม่กี่ปี ก็สร้างกำไรให้กับปตท. โดยปีที่แล้ว อินโนบิกทำกำไรราว 2 พันล้านบาท มาจากการรับรู้กำไรของบริษัท Lotus Pharmaceutical Company Limited (Lotus)ที่อินโนบิกถือหุ้นใหญ่ราว 37%

แต่เนื่องจากธุรกิจ Life Science ไม่ใช่Core Business ของปตท. เนื่องจากไม่มีความชำนาญ ดังนั้น ปตท.จึงมองหาพันธมิตรใหม่ที่แข็งแกร่งในธุรกิจนี้มาร่วมถือหุ้นและผลักดันการเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นในอนาคต ขณะเดียวกันก็เร่งปรับกลยุทธ์การดําเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด สภาพการเเข่งขัน ภายใต้นโยบาย”อินโนบิก”ต้องเติบโตแบบพึ่งพาตนเอง (Self- Funding) ควบคู่กับการสร้างประโยชน์ระยะยาวให้กับกลุ่มปตท.

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ได้อนุมัติการขายหุ้นบริษัท Lotus Pharmaceutical Company Limited (Lotus) ไม่เกิน 2%ของจํานวนหุ้นที่ออกและจําหน่ายแล้วทั้งหมดผ่านตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน (Taiwan Stock Exchange Corporation : TWSE) กําหนดระยะเวลาดําเนินการภายในเดือนกรกฎาคม 2569 ส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเติบโตของธุรกิจ Life Science ในอนาคต

ภายหลังการขายหุ้นครั้งนี้ อินโนบิก ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Lotus ที่สัดส่วนไม่ตํ่ากว่า 36 %และยังคงมีความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของ Lotus ในอนาคต โดย Lotus เปลี่ยนสถานะจากบริษัทย่อย (Subsidiary Company) เป็นบริษัทร่วม (Associated Company)ของปตท.

นอกจากนี้ อินโนบิกอยู่ระหว่างการทบทวนเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจ เนื่องจากพบว่าบางธุรกิจที่ดำเนินการอยู่อาจต้องหาพาร์ทเนอร์เพื่อให้ธุรกิจดำเนินการต่อไปได้ หรือหากธุรกิจใดไม่สามารถไปได้ต่อก็เตรียมถอนตัว

สำหรับธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพและโภชนาการ ที่อินโนบิกได้ร่วมทุนพันธมิตรตั้งโรงงานแพลนท์ แอนด์ บีน (ประเทศไทย) เพื่อผลิตอาหารโปรตีนจากพืช (Plant-based Protein) ใหญ่ที่สุดในอาเซียนด้วยกำลังผลิต 3,000 ตันต่อปี ปัจจุบันเร่งทำตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าในด้านรสชาติที่อร่อย โดยร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับลูกค้าด้วย

ทั้งนี้ โรงงานแพลนท์ แอนด์ บีน (ประเทศไทย) เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท นิวทรา รีเจนเนอเรทีฟ โปรตีนหรือ NRPT ( เป็นการร่วมทุนระหว่างอินโนบิกกับโนฟ ฟู้ดส์) และบริษัท แพลนท์ แอนด์ บีน ประเทศอังกฤษ หรือ Plant & Bean (UK) ในสัดส่วนการลงทุน 51% และ 49% มีมูลค่าการลงทุนเฟสแรก 300-400 ล้านบาท ขณะนี้ระหว่างการเจรจาขอซื้อหุ้นในส่วนที่พาร์ทเนอร์ถืออยู่ เพื่อต้องการบริหารงานเอง คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีนี้

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

วิทยาลัยพยาบาลสุรินทร์ โต้สื่อกัมพูชาบิดเบือนข่าว ทำ 2 นักศึกษาเขมรเดือดร้อน

26 นาทีที่แล้ว

"ไหม" ชี้เป็นข่าวดี สหรัฐฯ คิดภาษีไทย 19% เท่าเพื่อนบ้าน จี้รัฐเปิดเงื่อนไขดีล-เตรียมเยียวยา คาด "ทรัมป์" ได้ชิงโนเบลสันติภาพ

42 นาทีที่แล้ว

Tesla Diner ของเล่นใหม่ของ ‘อีลอน มัสก์’

49 นาทีที่แล้ว

เร่งแก้รถติด"แหลมฉบัง" 25 ส.ค. 68 ทดลองใช้ระบบ Truck Queue เต็มรูปแบบ จัดพื้นที่ 70 ไร่ จอดรถบรรทุกเปล่ารอคิว

49 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ตลาดคอนเสิร์ตโตไม่พัก “IMPACT Arena” ไลน์อัพคอนเสิร์ตแน่นยาวสิ้นปี

การเงินธนาคาร

"อมรเทพ" มอง "ภาษีทรัมป์" ดีเกินคาด ชี้ 7 โอกาส "เศรษฐกิจไทย" สร้างงจุดขาย-แข่งขันได้-รอดถดถอย

TNN ช่อง16

“จตุพร” สั่งพาณิชย์รับมือเตรียมตั้งศูนย์ One Stop Service ช่วยผู้ประกอบการปรับตัว ปิดดีลภาษีสหรัฐ 19% ตามคาด

สยามรัฐ

เปิดรายละเอียดดีล ไทย-กัมพูชา แลกอะไรบ้าง เพื่อภาษีทรัมป์ 19%

Amarin TV

"ภาษีทรัมป์" 19% หนุน SET เด้ง 1,260 "หยวนต้า" แนะเก็บหุ้น Laggard กลุ่ม

TNN ช่อง16

ไขสงสัย ทำไมชายแดน ไทย-กัมพูชา ยังต้องพึ่งเงินบริจาค งบกลาง 8 แสนล้านอยู่ไหน?

Thaiger

AIS ACADEMY ผนึก พม. เปิดสนามไอเดีย “JUMP THAILAND HACKATHON 2025” ชวนนิสิต-นักศึกษา ปั้นนวัตกรรม AI พลิกชีวิตผู้สูงอายุและผู้พิการ สู่การทำงานและสร้างรายได้ ชิงรางวัลกว่า 200,000 บาท

Positioningmag

ศุภาลัยโชว์พอร์ต อสังหาฯ ออสเตรเลียโตแรง ครึ่งปีแรก 2568 ยอดขายพุ่ง 310% ยอดขายทะลุ 6,000 ล้านบาท

TODAY Bizview

ข่าวและบทความยอดนิยม

“สุชาติ”เปิดงานเจรจาจับคู่ธุรกิจ ไทย-เทศแห่ร่วม คาดซื้อขาย 800 ล้าน

Manager Online

สนค.ชงข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 4 ด้าน ยกระดับโคเนื้อ-โคนมไทย

Manager Online

กรมพัฒน์เผยธุรกิจกาแฟฮอต คนดื่มเพิ่มขึ้น รายย่อยลุยเปิดร้านต่อเนื่อง

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...