โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ส่อง 6 ด่านสุดหิน! ชี้ชะตาพรรคการเมืองใหม่ของ "อีลอน มัสก์"

PostToday

อัพเดต 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา

อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกและเจ้าของ X (Twitter) ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับการเมืองสหรัฐฯ อีกครั้ง ด้วยการประกาศจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ในชื่อ The America Party

โดยตั้งเป้าเป็นตัวแทนของคนกลุ่มใหญ่ "80%" ที่อยู่ตรงกลางทางการเมือง แต่เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

หลังจากเคยทุ่มเงินสนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ จนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 และเข้าไปมีบทบาทในรัฐบาล

ทว่าล่าสุดดูเหมือนมัสก์จะเปลี่ยนใจและหันหลังให้ทรัมป์และพรรครีพับลิกัน ด้วยเหตุผลว่าไม่พอใจกับการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่สูงเกินไป จนนำมาสู่การก่อตั้งพรรคของตัวเองเพื่อ "คืนเสรีภาพให้กับอเมริกันชน"

ตามการรายงานจาก The Washington Post การจะสร้างพรรคให้ประสบความสำเร็จในสมรภูมิการเมืองอเมริกันนั้นยากแสนสาหัส และต่อไปนี้คือ 6 ด่านสุดหินที่มัสก์ต้องเผชิญหากต้องการประสบความสำเร็จจบนเวทีสายการเมือง

1. กำแพงระบบ "ผู้ชนะกินรวบ" และกฎหมายเลือกตั้งสุดโหด

ระบบการเลือกตั้งของสหรัฐฯ เป็นแบบ "ผู้ชนะกินรวบ" (Winner-take-all) หมายความว่าผู้สมัครต้องชนะที่หนึ่งในเขตเลือกตั้งนั้นๆ เท่านั้นจึงจะได้เก้าอี้ไปครอง

ไม่เหมือนประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ ที่พรรคเล็กๆ อาจได้คะแนนเสียง 20-30% แล้วได้ที่นั่งในสภาตามสัดส่วนเพื่อเป็นฐานในการเติบโตต่อไป

นอกจากนี้ การจะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งในแต่ละรัฐก็มีกฎเกณฑ์หยุมหยิมและแตกต่างกันไป ตั้งแต่การรวบรวมลายเซ็นผู้สนับสนุนจำนวนมหาศาล

ซึ่งแม้แต่ผู้สมัครพรรคที่สามรายอื่นๆ ในศึกเลือกตั้งปี 2024 ก็ไม่มีใครสามารถส่งชื่อลงสมัครได้ครบทั้ง 50 รัฐ

แม้ แม็ค แมคคอร์เคิล ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยดุ๊กจะมองว่า "มัสก์น่าจะมีเงินมากพอที่จะทำสิ่งนั้นได้" แต่มันก็ยังคงเป็นงานที่หินสุดๆ

2. ประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเป็นใจให้ "พรรคที่สาม"

ในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ พรรคที่สามไม่เคยประสบความสำเร็จในระดับชาติอย่างยั่งยืน

  • ครั้งสุดท้ายที่ผู้สมัครนอกสายตาจากสองพรรคหลักได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral votes) ต้องย้อนไปถึงปี 1968

  • ในปี 1992 รอสส์ เพโรต์ มหาเศรษฐีอีกรายที่ลงสมัครในนามอิสระ ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชน (popular vote) ถึง 19% แต่กลับไม่ได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งเลยแม้แต่คะแนนเดียว เพราะไม่สามารถชนะเป็นที่หนึ่งในรัฐใดได้

  • ในปี 2000 การลงสมัครของ ราล์ฟ เนเดอร์ จากพรรคกรีน ถูกมองว่าเป็นตัวตัดคะแนนจนทำให้ผลการเลือกตั้งพลิกผัน แต่ตัวเขาก็ไม่ได้รับคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าแม้จะสร้างแรงกระเพื่อมได้ แต่การจะคว้าชัยชนะอย่างเป็นรูปธรรมแทบเป็นไปไม่ได้เลย

3. กลยุทธ์ "ทุ่มกำลังจุดเดียว" จะเจาะสภาคองเกรสได้จริงหรือ?

มัสก์เปรยว่ากลยุทธ์ของเขาคือการ "ระดมพลเต็มกำลังในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ" แนวคิดนี้คือการพุ่งเป้าไปที่การเลือกตั้งกลางเทอมในไม่กี่เขตสำคัญ แทนที่จะกระจายกำลังไปทั่ว

โดยมัสก์มองว่าการทุ่มทรัพยากรไปที่การคว้าชัยในไม่กี่ที่นั่งของ ส.ส. หรือ ส.ว. ก็เพียงพอแล้ว

เพราะที่นั่งเหล่านั้นจะกลายเป็น "เสียงชี้ขาด" หรือ "เสียงตัดสิน" ในสภาที่ผลคะแนนเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งจะทำให้เขามีอำนาจในการต่อรองและกำหนดทิศทางได้อย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่า แม้ผู้สมัครของมัสก์อาจไม่ชนะ แต่ก็สามารถทำหน้าที่เป็น "ตัวป่วน" ดึงคะแนนเสียงจากพรรครีพับลิกันในรัฐสมรภูมิ (battleground states) และสร้างความแตกต่างได้

แต่การชูธงเรื่องการต่อต้านการใช้จ่ายภาครัฐอาจย้อนแย้งกับตัวเขาเอง เนื่องจากบริษัทต่างๆ ของมัสก์ได้รับสัญญามูลค่ามหาศาลจากรัฐบาล

4. ฐานเสียง "คนกลาง 80%" มีอยู่จริง หรือแค่คิดไปเอง?

ในมุมมองของอีลอน มัสก์ เขาเชื่อว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่ถึง 80% เป็นกลุ่ม "คนกลาง" ที่ไม่พอใจพรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองพรรค

มหาเศรษฐีรายนี้ดูเหมือนจะเห็นพ้องกับผู้ใช้ X รายหนึ่งที่ได้เสนอแนวทางนโยบาย ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญหลายด้าน ได้แก่

  • เศรษฐกิจ: มุ่งเน้นการลดหนี้สาธารณะของประเทศ

  • การทหาร: พัฒนากองทัพให้ทันสมัยด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์เข้ามาใช้

  • สังคมและเสรีภาพ: ส่งเสริมการลดกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น และสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

  • เทคโนโลยีและการเพิ่มประชากร: สนับสนุนนโยบายที่ "เน้นเทคโนโลยี" และ "ส่งเสริมการมีบุตร" (pronatalist)

  • การเมือง: ยึดมั่นใน "นโยบายสายกลางในทุกๆ ด้าน"

อย่างไรก็ตาม ฮานส์ โนเอล นักวิเคราะห์การเมืองจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ กลับแย้งว่า กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้มีแนวคิดหรือความเห็นที่สอดคล้องกันมากพอที่จะรวมตัวเป็นฐานเสียงทางการเมืองที่แข็งแกร่งได้

โนเอลกล่าวว่า "ผู้คนอาจจะรู้สึกผิดหวังกับพรรคที่ตนสนับสนุน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความผูกพันอยู่"

5. เมื่อไร้พันธมิตร…หาแนวร่วมใหม่ก็ไม่ง่าย

ความบาดหมางกับทรัมป์และพรรครีพับลิกันทำให้มัสก์สูญเสียพันธมิตรทางการเมืองคนสำคัญไป ขณะที่พรรคการเมืองที่แข็งแกร่งไม่ได้สร้างขึ้นจากเงินเพียงอย่างเดียว

แต่เกิดจากเครือข่ายผู้สนับสนุนที่ภักดีซึ่งพร้อมจะทุ่มเททั้งแรงกายและคะแนนเสียง แม้ต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ในช่วงแรกก็ตาม

แม้จะมีกลุ่มการเมืองขนาดเล็กบางส่วนสนใจร่วมงานกับมัสก์ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขาจะสามารถสร้างเครือข่ายที่ทรงพลังพอจะต่อกรกับสองพรรคใหญ่ได้หรือไม่

โนเอลย้ำชัดเจนว่าแม้ว่ามัสก์จะมีกำลังทรัพย์มากเพียงใด ก็ไม่อาจซื้ออิทธิพลทางการเมืองที่แท้จริงได้

อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มการเมืองสองกลุ่มที่แสดงความสนใจจะทำงานร่วมกับมัสก์ ได้แก่

1. คณะกรรมการแห่งชาติของพรรค Libertarian ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีแนวคิดเสรีนิยมสุดโต่ง

2. กลุ่มการเมืองสายกลางอย่าง No Labels ที่มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือข้ามพรรค

6. "จุดเดือดต่ำ" สไตล์มัสก์ จะทนเกมการเมืองได้แค่ไหน?

ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของอีลอน มัสก์น่าจะเป็นเรื่องธรรมชาติของระบบการเมืองเอง

มัสก์ขึ้นชื่อเรื่องความใจร้อน ชอบตั้งเป้าหมายที่ทะเยอทะยาน และต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ไม่ว่าจะในธุรกิจจรวดหรือรถยนต์ไฟฟ้า

แต่ในโลกการเมืองนั้นเต็มไปด้วยกระบวนการที่เชื่องช้า ซับซ้อน และก่อให้เกิดความน่าหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย

คำถามคือ เขาจะอดทนกับความพ่ายแพ้ในช่วงแรก ๆ ได้ไหม หรือจะทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตเพื่อสร้างพรรคใหม่จริง ๆ?

อีลอน มัสก์ได้ประจักษ์ถึงข้อจำกัดของอำนาจเงินในเวทีการเมืองด้วยตัวเองเมื่อต้นปีนี้ เมื่อกลุ่มของเขาทุ่มเงินกว่า 20 ล้านดอลลาร์หนุนผู้สมัครสายอนุรักษ์นิยมในการชิงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาของรัฐวิสคอนซิน

การแข่งขันครั้งนั้นใช้งบประมาณมหาศาลกว่า 100 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นการเลือกตั้งผู้พิพากษาที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

แม้ว่ามัสก์จะทุ่มเงินและพยายามสร้างภาพว่าการแข่งขันครั้งนี้มีความสำคัญถึงขนาดชี้ชะตาอารยธรรมตะวันตก เพราะเกี่ยวพันกับวาระของประธานาธิบดีทรัมป์

แต่สุดท้ายแล้ว ซูซาน ครอว์ฟอร์ด ผู้สมัครสายเสรีนิยมก็เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะไป

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มัสก์ยังคงแสดงท่าทีที่ไม่แน่ไม่นอนเกี่ยวกับการใช้จ่ายเพื่อลงมาคลุกคลีกับสายการเมืองเต็มตัว

หลังจากที่ผู้สมัครที่เขาสนับสนุนพ่ายแพ้ที่วิสคอนซิน มัสก์เคยกล่าวไว้ว่า ในอนาคตเขาจะ "ลดการใช้จ่ายทางการเมืองลงอย่างมาก"

แต่ก็ยังเปิดช่องไว้ว่าอาจกลับมาทุ่มเงินอีกครั้ง หากเห็น "เหตุผลที่จำเป็นในการใช้จ่ายทางการเมือง"

ท้ายที่สุดแล้ว การเดิมพันทางการเมืองครั้งนี้ของอีลอน มัสก์ จึงเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่า เงิน และ วิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ ของเขาจะสามารถเอาชนะ ความเป็นจริงทางการเมือง ที่ฝังรากลึกมานานได้หรือไม่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก PostToday

ธปท.-สภาพัฒน์-คลัง เร่งหามาตรการช่วยภาคธุรกิจรอดพ้นเศรษฐกิจโตแผ่ว

58 นาทีที่แล้ว

ไทยเร่งเจรจาปิดดีล ขณะสหรัฐเผยอัตราภาษีใหม่บังคับใช้ 1 สิงหาคม

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนเหนือ อีสาน ตะวันออก ฝนตกหนัก 70%ของพื้นที่

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 7 ก.ค. 68

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าว ต่างประเทศ อื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...