AMD แนะอัปเกรดดาต้าเซ็นเตอร์ รับมือดีมานด์ AI-คลาวด์ทะยาน
นายอเล็กเซย์ นาโวโลคิน (Alexey Navolokin) ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) บริษัท AMD เปิดเผยว่า ในยุคของคลาวด์ และ AI ความต้องการด้านแบนด์วิดท์ของดาต้าเซ็นเตอร์ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีการขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์อย่างกว้างขวางทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ ๆ กำลังเผชิญกับข้อจำกัดด้านความยั่งยืน พื้นที่ และงบประมาณ ผู้กำหนดนโยบายตระหนักถึงคุณประโยชน์ของดาต้าเซ็นเตอร์ต่อประสิทธิภาพการผลิต การเติบโตทางเศรษฐกิจ และการวิจัย แต่ก็ยังคงมีความตึงเครียดเกี่ยวกับผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่น การใช้น้ำ และไฟฟ้า
วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีอยู่ เพื่อปลดล็อกเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น โดยที่ยังต้องคงคำนึงถึงข้อจำกัดที่มีอยู่ เมืองต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค และโลกของเราจะมีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น และเราต้องการกำลังในการประมวลผลที่มากขึ้นเพื่อตามให้ทันต่อความต้องการ
การเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีอยู่เพื่อปลดล็อกและเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้นคือวิธีที่ดีที่สุดที่ดาต้าเซ็นเตอร์จะสามารถเปลี่ยนข้อจำกัดให้กลายเป็นโอกาสในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ทำไมการเพิ่มประสิทธิภาพดาต้าเซ็นเตอร์จึงสำคัญ
ปัจจุบัน CIOs และผู้นำด้านไอทีเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผลประสิทธิภาพสูงให้กับองค์กรธุรกิจ และรองรับกรณีการใช้งานใหม่ ๆ ที่มีความต้องการสูงขึ้นควบคู่ไปกับการรักษาสมดุลของพันธสัญญาด้านความยั่งยืน ข้อจำกัดด้านพื้นที่ และงบประมาณ ซึ่งหลาย ๆ รายพยายามสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ทั้งหมดเพื่อตอบสนองความต้องการ และจับคู่กับเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ความต้องการใช้พลังงานที่มากขึ้นของ AI จะต้องใช้การออกแบบที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น เพื่อช่วยให้มั่นใจถึงความสามารถในการปรับขนาดและบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม และด้วยขนาดพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่ดิน และโครงข่ายไฟฟ้าที่ใกล้จะถึงขีดจำกัด วิธีหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบคือการอัปเกรดจากเซิร์ฟเวอร์เก่า ดาต้าเซ็นเตอร์เป็นการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายสูง CIOs และผู้นำด้านไอทีบางรายพยายามคืนทุนโดยการใช้งานฮาร์ดแวร์ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ด้วยเหตุนี้ดาต้าเซ็นเตอร์ส่วนใหญ่จึงยังคงใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีอายุ 10 ปี (Uptime Intelligence) และขยายกำลังประมวลผลเมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
แม้ว่าการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่อาจเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็เป็นโอกาสสำคัญในการอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ การอัปเกรดเป็นระบบที่ใหม่กว่าหมายความว่าดาต้าเซ็นเตอร์สามารถทำงานประเภทเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น กำลังการผลิตของดาต้าเซ็นเตอร์ด้านไอทีทั่วโลกจะเติบโตจาก 180 กิกะวัตต์ (GW) ในปี 2567 เป็น 296 กิกะวัตต์ ในปี 2571 ซึ่งแสดงถึงอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 12.3% ขณะที่การใช้ไฟฟ้าจะเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น 23.3% จาก 397 เทราวัตต์ชั่วโมง (TWh) เป็น 915 TWh ในปี 2571
สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน จะให้ผลลัพธ์ในด้านจำนวนแร็คและระบบที่ต้องจัดการน้อยลง แต่ยังคงรักษาแบนด์วิดท์เดิมไว้ได้
สิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้ทำให้เห็นว่ายังมีช่องว่างอีกมากสำหรับความต้องการด้านไอทีในอนาคต รวมถึงยังเปิดโอกาสให้สามารถทำการทดลองซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเวิร์กโหลดงานด้านAI ในปัจจุบัน พวกเขาสามารถใช้พื้นที่เหล่านี้สร้าง Proof of Concept (PoC) ในรูปแบบ Half Rack ที่มีค่าใช้จ่ายน้อยลง ก่อนที่จะนำไปสู่การสร้างที่ใหญ่ขึ้น และใช้ชิปที่มีประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานและความต้องการการด้านระบบระบายความร้อน เพื่อทำให้สามารถคืนทุนได้เร็วขึ้น
สิ่งที่ควรพิจารณาในการอัปเกรด
มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการอัปเกรดเซิร์ฟเวอร์ และไม่มีโซลูชันใดที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่แค่การซื้อชิปที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่จะหาได้ ความสำคัญของชิปที่ยอดเยี่ยมในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานนั้นไม่อาจมองข้ามได้ แต่เนื่องจากดาต้าเซ็นเตอร์แต่ละแห่งมีความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งจะส่งผลต่อการกำหนดฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สแต็คที่จำเป็นต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
การพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์
ในขณะที่การพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความต้องการกำลังด้านการประมวลผลก็เพิ่มขึ้นตามเช่นกัน สิ่งสำคัญคือต้องรักษาสมดุลระหว่างความต้องการด้านพื้นที่การประมวลผลที่มากขึ้นกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน
และหนทางข้างหน้าคือการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นี่เป็นโอกาสสำคัญในการคิดอย่างชาญฉลาดและเปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นข้อได้เปรียบครั้งใหญ่ ผ่านการใช้สถาปัตยกรรมการประมวลผลที่เหมาะสม เพื่อให้ดาต้าเซ็นเตอร์สามารถทำงานประเภทดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มีพื้นที่สำหรับเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจและชีวิตผู้คน