โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘ยิ่งเสพติดคอนเทนต์ ยิ่งอยากซื้อของ’ ชวนดูเหตุผลที่ทำให้เรามีลิสต์ของที่อยากได้เก็บไว้ในตะกร้าเพิ่มขึ้นไม่รู้จบ

a day magazine

อัพเดต 19 สิงหาคม 2568 เวลา 18.49 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • a day magazine

เคยไหมเผลอเข้าโซเชียลมีเดียทีไร เป็นต้องได้กดของเข้าตะกร้าทุกที

ทั้งที่ตั้งใจแน่วแน่เดือนนี้จะต้องเก็บเงินให้ได้ ถึงกับสัญญากับตัวเองดิบดีว่าไม่ออกไปไหนเกินจำเป็น เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินไปเปล่าๆ แต่กลายเป็นว่าแม้จะนั่งไถฟีดอยู่ที่บ้าน ใช้เวลาบนโซเชียลฯ มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีของที่อยากได้เพิ่มขึ้นเท่านั้น

ไม่ว่าจะเลื่อนไปฟีดไหนก็เจอแต่ของที่ดูเหมือนจำเป็น ไหนจะกระเป๋าน่ารักๆ ที่อินฟลูฯ คนนั้นใช้ ลิปรุ่นลิมิติดต้องรีบเก็บ หรือแกดจิตชิ้นนี้ที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นก็น่าสนใจ พอรู้ตัวอีกทีก็เผลอเก็บโค้ด จ่ายเงินเสร็จสรรพ เสียเงินให้กับคำว่าของมันต้องมี ทั้งๆ ที่ยังไม่ออกจากบ้านสักก้าว

ไหนๆ เสียเงินไปแล้วก็หวังใจว่าอย่างน้อยก็น่าจะทำให้รู้สึกสบายใจ แต่กลายเป็นว่าตัวเองกลับยิ่งรู้สึกผิดและเครียดกว่าเดิม เพราะของที่ซื้อมาบางครั้งก็ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับเราสักนิด ลงเอยก็ได้ไปอยู่ในกล่องเก่าเก็บเหมือนชิ้นที่ผ่านๆ มา นอกจากไม่ได้ใช้งานแล้ว เงินเก็บยังน้อยลงทุกทีด้วย

ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมโยงถึงกัน การจะเลิกเสพโซเชียลไปเลยดูจะเป็นทางเลือกที่เป็นไปไม่ได้ แล้วเราจะมีวิธีไหนบ้างที่จะสามารถลดสิ่งล่อตาล่อใจบนโลกออนไลน์ เพื่อไม่ให้เราตัดสินใจชั่ววูบได้อีก

เพราะโซเชียลมีเดียทำให้เราจับจ่ายมากขึ้น?

จริงอยู่ที่การระงับกิเลสเป็นความสามารถส่วนบุคคล บางคนอาจมีภูมิต้านทานต่อสิ่งล่อตาล่อใจยากกว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งที่เราเสพอยู่ทุกวันก็มีผลต่อการตัดสินใจไม่น้อย นั่นจึงทำให้บางคนแม้จะยับยั้งชั่งใจเก่งแค่ไหน ก็อาจเคยตัดสินใจซื้อของด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

รู้ตัวอีกทีก็มีพัสดุมาวางอยู่หน้าบ้านเรียบร้อย

การพ่ายแพ้ต่อสิ่งของบนอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่เช่นกัน จากผลการสำรวจของ Charles Schwab Corporation หรือบริษัทให้บริการด้านการเงินรายใหญ่ของอเมริกา พบว่าเกือบครึ่ง หรือ 49% ของคนมิลเลนเนียล บอกว่าโซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อการใช้เงินของตัวเอง นอกจากนี้ 48% ยังบอกอีกว่าพวกเขามักใช้เงินเกินตัวไปกับการเที่ยวเล่นกับเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นการกินข้าวนอกบ้านหรือการท่องเที่ยว

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ชาวมิลเลนเนียมต้องจับจ่ายเงินมากขึ้น เทอร์รี คัลเซน (Terri Kallsen) รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายบริการนักลงทุนของ Schwab ได้อธิบายไว้ว่าเป็นเพราะความรู้สึก ‘FOMO’ (Fear of Missing Out) หรือความกลัวจะพลาดสิ่งที่กำลังเป็นกระแส ถูกกระตุ้นในโซเชียลมีเดียรุนแรงกว่าที่ผ่านมา จนกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้หลายคนใช้จ่ายเงินมากขึ้น

ซึ่งหากปล่อยให้แรงกดดันทางสังคมนี้มีอิทธิพลเหนือเรามากๆ เข้า ก็อาจส่งผลต่อการเงินในระยะยาวได้

แม้ความรู้สึก FOMO จะอยู่คู่กับสังคมมนุษย์มานานแล้ว แต่การมีโซเชียลมีเดียยิ่งทำให้ความรู้สึกนี้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากเราจะได้เห็นไลฟ์สไตล์เพื่อนหรือคนรอบข้างแล้ว เรายังติดตามอินฟลูเอนเซอร์อีกหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักมาพร้อมกับการโฆษณาหรือรีวิวสินค้า สังเกตได้จากคำพูดที่เรามักได้ยินบ่อยๆ อย่าง “สีนี้หมดเร็วมาก” “รีบซื้อก่อนจะหมด” หรือ “ตอนแรกก็เฉยๆ แต่ตอนนี้ขาดไม่ได้” จนทำให้เรารู้สึกไม่อยากพลาด เพราะกลัวว่าตัวเองอาจไม่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมรอบข้าง จนตัดสินใจซื้อของชิ้นนั้นรวดเร็วขึ้น แม้สุดท้ายจะตามมาด้วยความรู้สึกผิด หรือลิสต์สิ่งของที่อยากได้ยาวขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม

ความกลัวที่จะพลาดสิ่งที่เป็นกระแสจากโซเชียลมีเดีย จนต้องเผลอจับจ่ายเกินตัว จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกเครียดมากขึ้น ผลสำรวจจาก EY บริษัทตรวจสอบบัญชีระดับโลก พบว่ามากกว่าครึ่ง หรือ 52% ของคนเจน Z รู้สึกกังวลอย่างมากที่มีเงินไม่เพียงพอ นอกจากนี้มากกว่า 1 ใน 3 หรือ 39% บอกว่ากังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจผิดเรื่องการเงิน

จากผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการเงินอย่างจริงจัง เนื่องจากกำลังรู้สึกไม่มั่นคง อย่างไรก็ตามการอยู่ท่ามกลางสังคมที่คอยบอกว่าเรายังขาดอะไร หรืออย่าพลาดอะไร ก็อาจทำให้เราเผลอจ่ายเงินออกไปแบบไม่ทันรู้ตัว เงินที่ควรใช้จ่ายกับสิ่งจำเป็น ถูกใช้ไปกับของที่ไม่ได้อยากได้จริงๆ แต่มีไว้เพื่อให้ตามทันคนอื่น จนกลายเป็นสะสมเป็นความเครียดเรื่องเงินไม่รู้จบ

จากการใช้จ่ายตามอารมณ์ถึงสิ่งแวดล้อม

ความรู้สึกผิดหลังจากที่เผลอกดสั่งซื้อไปโดยอารมณ์ชั่ววูบอาจเป็นเพียงผลกระทบปลายทาง ในภาพใหญ่การใช้สินค้ามากเกินความจำเป็นยังเกี่ยวข้องกับระบบ ซึ่งไม่ได้ส่งผลแค่ระดับบุคคล แต่ยังสร้างปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมตามมาด้วย

ลอร่า ฟ็อกซ์ (Laura Fox) ทนายความด้านสิ่งแวดล้อมและนักวิชาการวิจัยจาก Yale Law School อธิบายว่าการบริโภคมากเกินไปเกี่ยวข้องกับระบบทุนนิยม และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ทำให้ผลิตได้มากขึ้นและราคาถูกลง ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเติบโตและทำขายได้มากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีรางวัลมากมายสำหรับคนที่บริโภคมากเกิน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกดี ถูกยอมรับ หรือช่องทางสร้างรายได้ จากการโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ นั่นเลยทำให้หลายคนซื้อสิ่งของมากกว่าความต้องการ

ดังนั้น เมื่อมีการบริโภคมากเกิน นั่นหมายความว่าในทางตรงข้ามฝั่งผู้ผลิตเองก็ต้องผลิตให้มากขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการและสร้างกำไรด้วย ซึ่งตามมาด้วยการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก จนก่อให้เกิดมลพิษด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • ปัญหาขยะ: มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 ขยะทั่วโลกอาจจะเพิ่มขึ้นเกือบ 70% หรือ 3.40 พันล้านตันต่อปี ซึ่งหมายความว่าในประเทศที่ยังมีการจัดการขยะไม่เพียงพอ อย่างประเทศที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางอาจต้องเจอกับปัญหามลพิษจากการเผาขยะ หรือปล่อยให้เน่าเปื่อยในที่โล่งแจ้ง

  • การใช้ทรัพยากรมากเกิน: สินค้าที่เราซื้อทุกชิ้นต่างต้องใช้ทรัพยากรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้สำหรับกระดาษ โลหะสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเชื้อเพลิงจากฟอสซิลสำหรับพลาสติก ซึ่งการใช้ทรัพยากรเหล่านี้มากเกินไป ก็เป็นการเร่งให้หมดเร็วขึ้น

  • การปล่อยมลพิษ: มลพิษที่เกิดจากผลิตภัณฑ์และการผลิต ไม่ว่าจะเป็นคาร์บอน พลาสติก อิเล็กทรอนิกส์ และสารพิษปนเปื้อน นอกจากจะส่งผลต่อสัตว์ที่อยู่ในธรรมชาติแล้ว สุดท้ายก็ยังส่งผลต่อสุขภาพมนุษย์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นโรคทางเดินหายใจ มะเร็ง หรือความผิดปกติระบบประสาท แถมยังมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกด้วย

แม้ว่าการตัดสินใจเล็กๆ ของเราจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ต่อสิ่งแวดล้อม แต่แน่นอนว่าการผลักภาระมาที่ผู้บริโภคอย่างเดียวคงจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ เพราะปัญหาเหล่านี้อาจไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยคนธรรมดาเพียงไม่กี่คน แต่ภาครัฐก็ต้องเข้ามามีส่วนร่วมเรื่องนี้ด้วย

โดยสิ่งที่ภาครัฐทำได้ เช่น การแก้กฎหมายจูงใจให้ผู้คนใช้พลังงานยั่งยืน หรือสร้างแคมเปญเพื่อลดการบริโภคมากเกินไป ซึ่งการที่ภาครัฐให้ความสำคัญอย่างจริงจัง จะทำให้สังคมเริ่มขยับตามได้ง่ายขึ้น

แต่นอกจากการแก้ที่ระบบแล้ว ก็ยังมีสิ่งที่เราทำได้อยู่ด้วยเช่นกัน อย่างการเลือกซื้ออย่างมีสติ ลองถามตัวเองว่าเราต้องการสิ่งนั้นจริงหรือเปล่า หากต้องรออีก 1 วัน หรือ 1 สัปดาห์เรายังอยากได้อยู่ไหม

หรือการทำให้การใช้จ่ายเงินยุ่งยากมากขึ้น เช่น การไม่ผูกบัตรเครดิตกับแอปชอปปิง หรือใช้จ่ายเฉพาะเงินสดเท่านั้น ก็ช่วยทำให้เราใช้จ่ายอย่างมีสติมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจลองปรับอัลกอริทึมฟีดของตัวเอง ด้วยการไม่พยายามคลิกเข้าไปดูสินค้าบ่อยๆ เพื่อไม่ให้สินค้าเหล่านี้โผล่มาในไทม์ไลน์ของเราอีก

สุดท้ายอย่าลืมบอกตัวเองเสมอด้วยนะ ว่าสิ่งที่เราเห็นบนโซเชียลมีเดียอาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป สิ่งที่เราเห็นว่าดี ความจริงแล้วอาจไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ เช่น หากเราที่เป็นคนชอบอยู่บ้าน ก็อาจไม่จำเป็นต้องมีรองเท้ารุ่นใหม่ทุกรุ่นก็ได้นี่นา

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพยายามรู้จักตัวเองเข้าไว้ เพื่อให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าสิ่งที่เราต้องการจริงๆ คืออะไร มากกว่าการไล่ตามตัวตนของคนอื่น

อ้างอิงจาก

aboutschwab.com

incharge.org

ey.com

greenly.earth

sentientmedia.org

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก a day magazine

สำรวจแนวคิดเบื้องหลังงาน ‘Rueben Wu’ ศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะท่ามกลางธรรมชาติจากเทคโนโลยี

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘Creative Spark’ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์จากผู้เชี่ยวชาญระดับแถวหน้าสู่ครีเอทิฟรุ่นใหม่

20 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

เปิด '4 เมกะเทรนด์โลก' พลิกวิกฤติสู่โอกาสครั้งใหญ่ของไทย

กรุงเทพธุรกิจ

Kylie Jenner และ Timothée Chalamet ยังคงรักกันดี แม้ไม่ได้พบกันมาหลายสัปดาห์แล้ว

THE STANDARD

ถึงว่าล่ะหายไปไหน iShowSpeed โพสต์คลิป โปรโมตสตรีมทั่วอเมริกา โปรดักชันดีจัด เหมือนตัวอย่างหนังเลย

CatDumb

Swifties เริ่มคาดเดาว่า Taylor Swift จะแสดงงาน Super Bowl Halftime Show 2026

THE STANDARD

ใครคือผู้คนดั้งเดิมย่านเสาชิงช้า? 4 กลุ่มคนในย่านเก่า ศูนย์กลางศาสนาแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ศิลปวัฒนธรรม

เพาเวอร์บาย เปลี่ยนจอทีวีเป็นแกลเลอรี่สุดอบอุ่น ในนิทรรศการ “Power of Art by Power Buy x Artstory”

สยามรัฐ

6 พฤติกรรมเสี่ยง “ความดันสูงเรื้อรัง” ที่ผู้ชายต้องระวัง พร้อมแนะนำวิธีแก้!

sanook.com

อลังการงานดีไซน์ “ชุดประจำชาติ” มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2025

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม

สำรวจแนวคิดเบื้องหลังงาน ‘Rueben Wu’ ศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะท่ามกลางธรรมชาติจากเทคโนโลยี

a day magazine

‘Creative Spark’ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์จากผู้เชี่ยวชาญระดับแถวหน้าสู่ครีเอทิฟรุ่นใหม่

a day magazine

‘เป็นผู้ใหญ่แต่ก็อยากได้ของเล่นอยู่ดี’ รู้จักเทรนด์ ‘Kidult’ เมื่อความสุขจากการสนใจของในวัยเด็กเป็นปรากฏการณ์ที่ตีความคำว่า ‘ผู้ใหญ่’ ในอีกแบบ

a day magazine
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...