โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘กองทัพ’ ขี่คอ ‘รัฐบาลเป็ดง่อย’ 2พ่อลูกชินวัตรดิ้นหนีชะตากรรม

ไทยโพสต์

อัพเดต 17 สิงหาคม 2568 เวลา 5.15 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“เมื่อรัฐบาลไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน กองทัพก็กำหนดยุทธศาสตร์สวนทางกับรัฐบาล นายกรัฐมนตรีกับรักษาการนายกฯ ก็แทบไม่มีความหมายในการบริหารชาติบ้านเมือง รัฐบาลจึงเหมือนเป็ดง่อย เอาแต่ดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด”

สถานการณ์การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพไทยทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถเผด็จศึกทหารกัมพูชาได้อย่างราบคาบ โชว์แสนยานุภาพให้โลกได้ประจักษ์ ทหารกล้าได้สร้างวีรกรรมอย่างสมเกียรติในการเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อประเทศชาติ

"นิด้าโพล" เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชาไปต่อแบบไหนดี” พบว่า กองทัพได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากถึง 75.73% ขณะที่รัฐบาล ประชาชนไว้วางใจเพียงแค่ 4.66% เท่านั้น

สำหรับ แม่ทัพกุ้ง-พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่เป็นแม่ทัพในแนวหน้า ได้รับการกล่าวขานอย่างกว้างขวาง กลายเป็นฮีโร่ในศึกไทยสู้กับกัมพูชาครั้งนี้

ที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้จัดกิจกรรม “สาธิตเกษตรรวมใจสู่แนวหน้า ปลูกต้นกล้าแทนคุณแผ่นดิน” โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษในหัวข้อ "เรื่องเล่าจากแนวหน้าและการรักษาอธิปไตยของชาติ"

แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับการตอบรับจากเยาวชนไทยเป็นอย่างดี โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยอยู่ตลอดเวลา ท่านได้สอบถามสถานการณ์ไปที่แม่ทัพทุกวัน โดยกองงานของพระองค์ได้สอบถามสถานการณ์จากแม่ทัพ และได้รายงานทุกวัน สิ่งเหล่านี้คือจอมทัพไทย และตั้งแต่ประวัติศาสตร์ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์นำกองทัพ และปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นเดิม ดังนั้นทหารทุกคนพร้อมสละชีพเพื่อชาติทุกคน และปัจจุบันเรายังทำหน้าที่อยู่หน้าแนว แม้สถานการณ์จะเป็นอย่างไรเราก็พร้อม ไม่ว่าจะยุติก็ได้ หรือจะรบต่อก็พร้อม"

ถือว่าเป็นเวทีปลุกวิญญาณความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้กับเยาวชนไทยอย่างได้ผล กับบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง แม่ทัพกุ้ง โชว์ท่า "ซารางเฮโย" เอาใจเอฟซีเยาวชนรุ่นหลาน พร้อมถ่ายรูปเซลฟีกันอย่างครึกครื้น กลบภาพ กลุ่มเยาวชน 3 นิ้ว ที่เคยชูธงปฏิรูปสถาบัน-สร้างวาทกรรม "มีทหารไว้ทำไม" ไปอย่างสิ้นเชิง

ภาพลักษณ์ของทัพที่สวนทางกับรัฐบาล จะคิดทำอะไรก็ได้รับเสียงขานรับจากประชาชนส่วนใหญ่ ขณะที่รัฐบาลจะพูดหรือทำอะไร ประชาชนก็ไม่เชื่อถือ ไม่ไว้วางใจ

รัฐบาลโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี เตรียมยุบศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็น ผอ.ศูนย์ฯ โดยอ้างว่าสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และจะได้ไม่มีเฟกนิวส์

แต่มีเสียงทักท้วงว่าสถานการณ์ยังไม่ได้ปกติ จะรีบยุบ ศบ.ทก.ไปทำไม ในที่สุดเพจของ ศบ.ทก.ออกมาโพสต์ข้อความว่า “พิจารณาประเมินสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยืนยันไม่ยุบ ศบ.ทก.” พร้อมทั้งเผยแพร่คำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษา และมอบหมายงานให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

กองทัพภาคที่ 2 โพสต์ขอรับบริจาคลวดหนามหีบเพลง เพื่อล้อมกั้นตามแนวชายแดน ประชาชนก็แห่บริจาคจัดหาให้ แต่ นายภูมิธรรม แสดงความไม่พอใจที่ถูกทัวร์ลงว่ารัฐบาลไม่เหลียวแลกองทัพ โดยยืนยันว่ารัฐบาลมีงบกลางพร้อมจัดซื้อให้อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาขั้นตอนในการจัดซื้อของกองทัพที่ต้องใช้เวลา และสเปกที่กองทัพต้องการยังขาดตลาด

ในโลกโซเชียลมีการเผยแพร่คลิป นายภูมิธรรม กล่าวระหว่างตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ ที่ถูกกัมพูชายิงจรวด BM-21 ตกใส่จนได้รับความเสียหาย โดยได้ตอบคำถามถึงสาเหตุวิถีกระสุนที่ตกใส่ตึกของโรงพยาบาลว่า "วิถีการยิงมาแบบกระจาย ไม่มีเป้าหมายทางทหารที่ล็อกเป้า"

ทำให้ทัวร์ลงนายภูมิธรรมว่าแก้ตัวแทนกัมพูชา นักวิชาการบางคนถึงกับแนะให้ภูมิธรรมตัดขาข้างหนึ่งจะทำให้เข้าใจทหาร ทำให้นายภูมิธรรมเดือดดาล ขู่ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทใส่ร้ายตนเอง

ทั้งนี้ แม้จรวด BM-21 ไม่ได้นำวิถีก็จริง แต่การยิงจรวด BM-21, กระสุนปืนใหญ่, ลูกระเบิด ค. และวัตถุระเบิดชนิดอื่น ในพื้นที่ชายแดน 4 จังหวัด รวม 384 รายการ ที่มีบ้านเรือน ชุมชน สถานที่ราชการ อยู่ในแนวกระสุน ย่อมส่งผลให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้

ภาษากฎหมายเรียกว่า "เจตนาเล็งเห็นผล" ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือเจตนาฆ่า โทษถึงประหารชีวิต จึงไม่แปลกที่ทัวร์ลงนายภูมิธรรมที่พูดเหมือนแก้ต่างให้กัมพูชา

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงนามโดยนายภูมิธรรม เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักร โดย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ที่ได้อนุญาตให้สามารถทำงานในประเทศไทยต่ออีก 6 เดือน ด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม

เป็นที่ทราบกันดีว่าแรงงานกัมพูชากลับไปประเทศตัวเองแล้วไม่มีงานทำที่มีรายได้เหมือนในเมืองไทย ถือเป็นการตอบโต้ด้วยมาตรการทางเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับการปิดด่าน ตัดท่อน้ำเลี้ยงของ "ระบอบฮุน เซน" แต่รัฐบาลกลับอ่อนข้อให้กัมพูชาโดยตลอด

นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น และคณะ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, 120, 124, 157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง กรณีปล่อยปละละเลยให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ทำให้ประเทศเสียหายและเสียเปรียบในเวทีโลก

เมื่อรัฐบาลไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน กองทัพก็กำหนดยุทธศาสตร์สวนทางกับรัฐบาล นายกรัฐมนตรีกับรักษาการนายกฯ ก็แทบไม่มีความหมายในการบริหารชาติบ้านเมือง รัฐบาลจึงเหมือน เป็ดง่อย เอาแต่ดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดไปวันๆ

โดยเฉพาะคดีคลิปเสียง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา นายกฯ ได้ขออนุญาตให้ไต่สวนพยานบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน 5 คน แต่ศาลอนุญาตให้ใช้พยานบุคคล 1 ปาก คือ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รวมถึงปัดตกคำขอให้ยกเลิกคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

โดยในวันที่ 21 ส.ค.นี้ ศาลกำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคล 2 ปาก ประกอบด้วย น.ส.แพทองธาร และนายฉัตรชัย จากนั้นวันที่ 29 ส.ค. ศาลนัดแถลงด้วยวาจาและลงมติ พร้อมนัดฟังคำวินิจฉัย เวลา 15.00 น.

ส่วนคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จากกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 ที่ถูกกล่าวหาว่าพาดพิงดูหมิ่นสถาบัน ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 ส.ค. เวลา 10.00 น.

สำหรับคดีป่วยทิพย์ ทักษิณ รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ได้นัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 9 ก.ย. เวลา 10.00 น.

ทั้ง 3 คดี 2 พ่อลูกชินวัตร ต้องลุ้นระทึก เพราะส่งผลต่อชะตากรรมของตัวเอง คดีคลิปเสียงโอกาสรอดยาก แม้จะชี้แจงว่าเป็นเทคนิคในการเจรจาก็ฟังไม่ขึ้น จึงมีกระแสข่าวตลอดว่า แพทองธารจะลาออกก่อนวันที่ศาลจะตัดสิน เพื่อหวังให้ศาลจำหน่ายคดี เพราะหากศาลชี้ว่ามีความผิดจริยธรรมร้ายแรง จะส่งผลต่อการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และต่อเนื่องในคดีอาญาที่มีการร้องต่อกองปราบปรามว่ามีความผิดประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

ส่วนคดี ม.112 มองกันว่าทักษิณมีโอกาสรอดสูง แต่คดีชั้น 14 โอกาสรอดยาก เพราะจากการสืบพยานบุคคลและพยานเอกสาร รพ.ตำรวจ ปรากกฏชัดว่าทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤต อยู่ที่ว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างไร

คดีป่วยทิพย์ ชั้น 14 หากศาลไต่สวนได้ความจริงแล้วก็ต้องชี้ขาดและมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง มิฉะนั้นศาลฎีกาฯ คงไม่เรียกไต่สวน ทั้งนี้ ศาลออกหมายจำคุกถึงที่สุดไปแล้ว หากความปรากฏว่ายังไม่ได้ถูกจำคุกจริง 1 ปี ศาลก็สั่งให้ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ดำเนินการไปตามหมายจำคุกเดิมได้

ต้องจับตาว่า หากทักษิณรอดคดี ม.112 หลังวันที่ 22 ส.ค.หมดเงื่อนไขการห้ามออกนอกประเทศ ทักษิณก็สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ อยู่ที่ว่า คดีป่วยทิพย์ หากไม่เป็นคุณกับทักษิณ จะยอมติดคุก หรือจะหนีออกนอกประเทศ?

หากหนีออกนอกประเทศคราวนี้ก็คงไม่มีสิทธิ์ได้กลับมาอีกแล้ว แต่หากยอมติดคุกก็ไม่ได้สร้างแรงกดดันทางการเมืองให้เป็นบวกกับตัวเองว่าถูกกลั่นแกล้งจากอำนาจเผด็จการ เพราะพรรคเพื่อไทยยอมตระบัดสัตย์ละทิ้งหลักการ ทักษิณก็ใช้อภิสิทธิ์เหนือกระบวนการยุติธรรม ทำลายแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตยไปหมดสิ้น

ส่วนพรรคเพื่อไทย คะแนนนิยมก็ดิ่งเหว หัวหน้าพรรค-แพทองธาร ลงพื้นที่ต่างจังหวัด ชาวบ้านก็ตะโกนด่าว่าขายชาติ บริหารประเทศทำให้เศรษฐกิจแย่กว่ายุคลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ เสียอีก ความพยายามพลิกเกมว่ารัฐบาลสามารถผ่านวิกฤตมาได้ 2 เรื่อง คือ กรณีสหรัฐขึ้นภาษีศุลกากร และข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ขอวิงวอนให้ศาลเลื่อนการตัดสินคดีคลิปเสียงแพทองธารไปก่อนก็ไร้ผล มุกแป้ก!

ในทางตรงกันข้าม ประชาชนกลับมองว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ประเทศชาติต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง แพทองธาร-ภูมิธรรม หมดสภาพไปแล้ว รัฐบาลนี้ก็เหมือนเป็ดง่อย ต้องเปลี่ยนม้ากลางศึก

อยู่ที่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนเมื่อไหร่เท่านั้นเอง!.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

เขี้ยวเล็บ ทอ. สนามรบไทย-เขมร การศึกสมัยใหม่ ‘สงครามโดรน’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ฟังดีกว่าฟ้อง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ขออนุญาตรำลึกถึง’แม่’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เอาที่สบายใจครับลูกพี่!!!!!

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

สภาพอากาศวันนี้ -22 ส.ค.ไทยฝนตกหนักบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

ฐานเศรษฐกิจ

วัยรุ่นกว่า 40 คนบุกบ้าน ใช้อาวุธปืน–ปาระเบิดปิงปอง หญิงวัย 42 ปีหวั่นอันตราย

THE PATTAYA NEWS

ดังไปทั่วโลก! สื่อต่างชาติรายงาน "นายหน้าค้าอาวุธรัสเซีย" ซุก "อาวุธปืนล็อตใหญ่" ในเตาไมโครเวฟเตรียมส่งเข้า “มอสโก” โดนจับได้ที่ “ไทย”

Manager Online

เขี้ยวเล็บ ทอ. สนามรบไทย-เขมร การศึกสมัยใหม่ ‘สงครามโดรน’

ไทยโพสต์

รพ.นเรศวร แจงปมบริจาคผู้ป่วยมะเร็ง ยันรักษามตามสิทธิ ไม่มีการเรียกเก็บเงินเพิ่ม

Manager Online

เพื่อไทยยัน‘อุ๊งอิ๊ง’บริสุทธิ์!

ไทยโพสต์

ฉบับวันที่ 17 สิงหาคม 2568

ไทยโพสต์

33ทูตอึ้งฝีมือเขมร ขึ้นภูมะเขือเจอกับระเบิดเพียบ/ทบ.แฉหลักฐานกัมพูชาจอมลวงโลก

ไทยโพสต์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...